ถ้าพูดถึงความทรงจำบนผืนผ้าใบที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศยืนขึ้นอย่างภาคภูมิใจ ชื่อของ สมรักษ์ คำสิงห์ คือหนึ่งในตำนานที่ไม่มีวันเลือนหาย แต่วันนี้ “โม้” ไม่ได้กลับมาเพื่อรำลึกอดีต เขากลับมาในฐานะผู้แบกภารกิจครั้งใหญ่—ภารกิจกู้ศรัทธากำปั้นไทยที่กำลังดิ่งลงเหวแบบน่าเป็นห่วง แฟนกีฬาหลายคนที่ติดตาม ดูมวยไทย และเช็ก ผลมวยไทย เป็นประจำ ต่างก็ส่ายหัวหนักกับฟอร์มของทัพกำปั้นชาติบ้านเกิดในช่วงหลัง บอกได้คำเดียวว่าไม่ใช่มาตรฐาน “ไทยแลนด์สไตล์” ที่เคยคุ้นตา
ความจริงที่ต้องยอมรับคือ ผลงานของทีมมวยสากลสมัครเล่นไทยในปัจจุบัน ตกต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับยุคที่ไทยเคยมี “Golden Era” ในสังเวียนโอลิมปิก ตั้งแต่ยุคของ 4 ฮีโร่เหรียญทอง ได้แก่ สมรักษ์ คำสิงห์ (1996), วิจารณ์ พลฤทธิ์ (2000), มนัส บุญจำนงค์ (2004) และ สมจิตร จงจอหอ (2008) ซึ่งครั้งหนึ่งทำให้สมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทยถูกยกย่องให้เป็นความหวังสูงสุดของทัพนักกีฬาไทยแทบทุกมหกรรมกีฬา
แต่เมื่อย้อนมามอง “ปัจจุบัน” ความเจ็บปวดก็ผุดขึ้นทันที—ทัพกำปั้นไทยไม่ได้เหรียญทองโอลิมปิกมานานเกือบ 20 ปีเต็ม นับตั้งแต่ความสำเร็จของสมจิตรในปี 2008 ที่ปักกิ่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงระดับเอเชียนเกมส์ ซึ่งไทยไม่เห็นแสงทองเลยถึง 11 ปี ล่าสุดคือปี 2014 ที่อินชอน จากฝีมือวุฒิชัย มาสุข
หลายคนชี้นิ้วไปที่กติกาใหม่ จากระบบนับหมัดเข้าเป้า สู่ระบบ 10 แต้มต่อยกแบบมวยอาชีพ จนมีเสียงลือกันว่า “นักชกไทยไม่ถนัด” แต่คำถามคือ ชาติอื่นก็เจอกติกาเดียวกัน แล้วทำไมเขาปรับได้ แต่เรากลับย่ำอยู่กับที่?
ที่น่าเจ็บยิ่งกว่า คือผลงานล่าสุดจากศึกเอเชียนยูธเกมส์ 2025 ที่บาห์เรน ทัพกำปั้นสายเลือดใหม่ 7 คน เดินทางไปพร้อมความหวังว่าจะคว้าเหรียญทองกลับไทย แต่สุดท้าย “มือเปล่ายกทีม” ไม่มีแม้แต่เหรียญปลอบใจ ทำแฟนกำปั้นทั้งประเทศอึ้งไปตาม ๆ กัน
ความล้มเหลวนี้ทำให้สองฮีโร่รุ่นใหญ่ สมรักษ์ คำสิงห์ และ มนัส บุญจำนงค์ ออกมาวิจารณ์สมาคมฯ แบบไม่ไว้หน้า เพราะมันสะท้อนว่ารากของปัญหา “เริ่มเน่า” และหากไม่รีบแก้ไข มวยสากลไทยอาจย่อมลงคลองจนยากจะดึงกลับขึ้นมาอีกครั้ง
และด้วยเหตุนี้เอง คุณพิชัย ชุณหวชิร นายกสมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย จึงตัดสินใจ “ปลดล็อกครั้งใหญ่” เปิดประตูให้ สมรักษ์ คำสิงห์ กลับมารับตำแหน่งที่ปรึกษาฝ่ายพัฒนาเทคนิค นับตั้งแต่วันที่เขาสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองโอลิมปิกให้ไทยเมื่อปี 1996
ภารกิจหลักของสมรักษ์คือ “ปูทางอนาคต” ให้ทัพกำปั้นไทย เขาจะเดินสายทั่วประเทศเพื่อเฟ้นหานักชกฝีมือดีดึงเข้าสู่แคมป์ทีมชาติ พร้อมลงสนามจริงช่วยดูไฟต์ ซ้อม และถ่ายทอดเคล็ดลับที่เคยพาเขาขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลกมวยสากล
แต่ในอีกมุมหนึ่ง แฟนกำปั้นตั้งคำถามใหญ่—คนที่ประสบความสำเร็จในยุคกติกานับหมัด จะปรับตัวถ่ายทอดวิชาสู่ยุค “10 แต้มต่อยก” ได้ดีแค่ไหน? เพราะระบบใหม่นี้ใช้มาเกือบสิบปีแล้ว และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้นักชกหลายคนต้องปรับสไตล์แทบทั้งหมด
ดังนั้น ภารกิจครั้งนี้ของสมรักษ์จึงไม่ใช่งานธรรมดา แต่มันคือ “บทพิสูจน์ครั้งสำคัญ” ว่าเขาจะนำทีมมวยสากลไทยกลับมาทวงศรัทธาได้หรือไม่ โดยเป้าหมายแรกคือ ซีเกมส์ครั้งที่ 33 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพในเดือนหน้า ต่อด้วยศึกใหญ่ เอเชียนเกมส์ครั้งที่ 20 ที่ญี่ปุ่นในปีถัดไป
สำหรับแฟน ๆ ที่อยากติดตามข่าวอัปเดต วงใน การเตรียมทีม หรือโปรแกรมแข่งขัน สามารถเช็กข้อมูลการ ดูมวยไทย และ ผลมวยไทย ผ่านแพลตฟอร์ม BANKEELA เพื่อไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวของทัพกำปั้นไทยในยุคใหม่ของสมรักษ์
ท้ายบทความนี้ บ้านกีฬา ขอเชิญแฟนหมัดมวยทุกคนติดตามภารกิจครั้งใหญ่ของฮีโร่ตลอดกาลคนนี้ไปด้วยกัน เพราะเวลาแห่งการคืนความยิ่งใหญ่ของกำปั้นไทย… กำลังเริ่มต้นอีกครั้ง ติดตามข่าวเด็ด ข่าวดังวงการมวยได้ที่ มวยสดบ้านกีฬา เสมอ

