สมาคมฟุตบอลยืนยันอำลาอย่างเป็นทางการ
สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ขอบคุณ มิเกล โรดริโก้ หัวหน้าผู้ฝึกสอน ฟุตซอลทีมชาติไทย ที่ทุ่มเททำงานแบบใส่สุดคันเร่งมาตลอดช่วงเวลาที่รับหน้าที่ ทั้งการวางแท็กติกในสนาม ไปจนถึงการยกระดับมาตรฐานทีมชาติไทยให้ยืนระยะบนเวทีเอเชียและโลกอย่างต่อเนื่อง
สมาคมฯ ย้ำชัดว่า นี่คือการอำลาตำแหน่งเฮดโค้ชอย่างเป็นทางการ พร้อมเคารพการตัดสินใจ “วางมือจากการทำหน้าที่โค้ชอาชีพ” ของกุนซือชาวสเปนแบบถาวร และส่งคำอวยพรให้เจ้าตัวและครอบครัวเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข หลังปิดฉากภารกิจบนแผ่นดินไทย
หลังจากนี้ ฝ่ายพัฒนาฟุตซอลและฟุตบอลชายหาดจะเดินหน้าคัดสรรเฮดโค้ชคนใหม่ที่จะมารับไม้ต่อ ดูแลทีมโต๊ะเล็กช้างศึกในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ต่อไป โดยเป้าหมายชัดเจนคือ ต้องต่อยอดจากรากฐานที่มิเกลวางเอาไว้ ไม่ใช่เริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง
เกมซีเกมส์ – นัดสุดท้ายในฐานะโค้ชอาชีพ
จุดเปลี่ยนสำคัญของเรื่องนี้คือเกมในศึก ซีเกมส์ นัดล่าสุด ที่กลายเป็น “แมตช์อำลา” บนเส้นทางโค้ชอาชีพของมิเกล โดยเจ้าตัวยืนยันชัดเจนว่าหลังจบเกมนี้ จะไม่หวนกลับมารับงานคุมทีมระดับอาชีพอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นสโมสรหรือทีมชาติใดๆ
มิเกล เปิดใจว่า
“เมื่อวานนี้เป็นวันที่พิเศษมากสำหรับผม และผมอยากจะแบ่งปันเรื่องนี้กับทุกคน การแข่งขันซีเกมส์นัดเมื่อวานคือการทำหน้าที่นัดสุดท้ายของผมในฐานะโค้ชฟุตซอลอาชีพ”
“มันเป็นวันที่พิเศษมาก เพราะเป็นการอำลาอาชีพโค้ชของผมอย่างถาวร ในประเทศที่ผมรักอย่างสุดหัวใจ และจะอยู่ในใจของผมตลอดไป”
“น่าเสียดายที่ผมไม่สามารถทิ้งท้ายด้วยชัยชนะเพื่อทำให้ทุกคนมีความสุขได้ แต่ตลอดสองปีที่ผ่านมา เราเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศเอเชียนคัพ และจบอันดับ 9 ของโลกในศึกฟุตซอลโลก ซึ่งเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ และผมมีความสุขมาก”
คำพูดชุดนี้สะท้อนชัดว่า ต่อให้จบซีเกมส์แบบไม่ได้ตามฝัน แต่ผลงานตลอดสองปีของเขาไม่ใช่เรื่องเล็ก ทีมชาติไทยยังคงยืนอยู่ในแถวหน้าของเอเชีย และไม่หลุดจากเรดาร์ระดับโลก
เหตุผลการวางมือ – ถึงเวลาพาครอบครัวกลับบ้าน
เบื้องหลังการตัดสินใจที่ดูเหมือนฟ้าผ่ากลางวงการฟุตซอลไทย แท้จริงแล้วเต็มไปด้วยเหตุผลด้านชีวิตส่วนตัวที่ชัดเจน มิเกลเลือกให้ “ครอบครัว” เป็นพระเอกในช่วงต่อจากนี้
“เหตุผลในการอำลาวงการฟุตซอลอาชีพชัดเจนมาก ผมต้องกลับไปสเปนเพื่อเริ่มต้นช่วงเวลาใหม่ของชีวิต และดูแลครอบครัว ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในช่วงนี้”
“ผมจะไม่คุมทีมระดับอาชีพอีกต่อไป เกมของผมได้จบลงแล้ว จากนี้ไปผมจะนำความรู้และประสบการณ์ไปใช้กับสิ่งที่ผมรักเป็นอันดับสอง คือการสอนเด็กๆ และโค้ชรุ่นใหม่ โดยจะร่วมงานกับสโมสรสมัครเล่น Albolote FS ในบ้านเกิดของผม”
จากโค้ชที่คุมทีมชาติไทยดวลกับมหาอำนาจฟุตซอลโลก สู่การกลับไปปั้นเยาวชนและโค้ชรุ่นใหม่ที่สโมสรสมัครเล่นในบ้านเกิด เส้นทางต่อไปของมิเกลไม่ได้เลิศหรูในแสงไฟสปอร์ตไลต์ แต่เต็มไปด้วยความหมายในมุมของคนที่อยากคืนสิ่งดีๆ ให้รากฐานของกีฬา
เส้นทางกับโต๊ะเล็กช้างศึก – จากปี 2016 ถึงยุคปัจจุบัน
มิเกล ยังย้อนเล่าถึงจุดเริ่มต้นความผูกพันกับเมืองไทย ว่าความรักครั้งนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดในรอบสองปีหลังสุด แต่ลากยาวมาตั้งแต่การคุมทีมชุดแรกเมื่อปี 2016
“ตอนที่คุณอดิศักดิ์โทรหาผม ผมเกษียณจากฟุตซอลระดับสูงไปแล้ว แต่ผมไม่ลังเลเลยที่จะกลับมายังประเทศที่ผมรัก นับตั้งแต่ครั้งแรกที่เคยอยู่ที่นี่ในปี 2016”
“สองปีที่ผ่านมามันมหัศจรรย์มาก แม้ต้องแลกกับการเสียสละส่วนตัวจากการอยู่ไกลบ้าน แต่ผมใช้ทุกช่วงเวลาด้วยความมุ่งมั่น ความสุข และความรัก เป้าหมายของผมมีเพียงอย่างเดียว คือทำให้ประเทศไทยติดท็อป 10 ของโลก และได้เล่นในรอบชิงชนะเลิศเอเชียนคัพ”
“ผมขอบคุณสมาคมฯ คุณอดิศักดิ์ และคุณแป้ง ที่ไว้วางใจในตัวผม นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นเฮดโค้ชทีมชาติไทย”
ในเชิงแท็กติก มิเกลคือกุนซือที่ขึ้นชื่อเรื่องเกมเพรสซิ่งดุดัน การขยับตัวเป็นทีม และการกล้าเสี่ยงเวลาต้องพลิกสถานการณ์ เกมของทีมชาติไทยในยุคนี้จึงมีเอกลักษณ์ชัด ทั้งสปีดบอลที่รวดเร็ว การสร้างสรรค์เกมรุกที่หลากหลาย และความใจสู้ที่ทำให้คู่แข่งในเอเชียไม่มีใครกล้ามองข้าม
ความผูกพันกับแฟนฟุตซอลและนักเตะไทย
เหนือกว่าตัวเลขในสถิติ คือความสัมพันธ์ระหว่างมิเกลกับคนไทยที่เจ้าตัวพูดถึงด้วยน้ำเสียงสุดซึ้ง
ถึงแฟนฟุตซอลชาวไทย
“ขอบคุณสำหรับการสนับสนุน ความรัก และความปรารถนาดี ผมจะเก็บทุกคนไว้ในใจเสมอ ผมเปรียบเสมือนพลเมืองไทยคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในสเปน”
“ขอบคุณนักกีฬาและสตาฟฟ์โค้ชทุกคน พวกคุณคือครอบครัวของผม ผมขออวยพรให้โชคดีในศึกเอเชียนคัพ และหวังจากใจว่าพวกคุณจะคว้าแชมป์มาครองได้ในที่สุด”
คำว่า “ครอบครัว” ไม่ได้เป็นแค่คำสวยหรูในโพสต์ลาแต่งาน แต่มองจากภาพในสนาม ตั้งแต่ซ้อม ยันแข่งจริง เรามักเห็นมิเกลยืนตะโกนสั่งแบบไม่ยอมแพ้ เคียงข้างลูกทีมทุกจังหวะ ไม่ว่าผลจะออกมาหน้าตาแบบไหน นั่นคือเหตุผลที่นักเตะหลายคนยกให้เขาเป็นมากกว่าโค้ช เป็นทั้งครู รุ่นพี่ และคนที่พร้อมปกป้องทีมเสมอ
มองอนาคตฟุตซอลไทยหลังยุคมิเกล
การจากไปของมิเกล ทำให้สมาคมฯ ต้องเผชิญโจทย์สำคัญทันทีว่า เฮดโค้ชคนต่อไปควรเป็นใคร และจะรักษามาตรฐานของทีมอย่างไรต่อจากนี้ เพราะทีมชาติไทยถูกคาดหวังในระดับ “มหาอำนาจฟุตซอลเอเชีย” มานาน
สิ่งที่แน่นอนคือ โค้ชคนใหม่ต้องสานต่อสองเรื่องใหญ่ที่มิเกลวางไว้ หนึ่งคือมาตรฐานการฝึกซ้อมและวิธีคิดแบบมืออาชีพ สองคือโครงสร้างเกมรับ–เกมรุกที่ทันสมัย ไม่ปล่อยให้คู่แข่งอ่านขาดง่ายๆ รวมถึงการกล้าให้พื้นที่กับดาวรุ่งในจังหวะที่เหมาะสม เพราะนี่คือสายเลือดใหม่ที่จะพาทีมไปต่อในเวทีโลก
สำหรับแฟนบอล หน้าที่สำคัญไม่แพ้กันคือการสนับสนุนทีมต่อไป ไม่ว่าบนข้างสนามจะเป็นมิเกล หรือใครก็ตามที่เข้ามารับไม้ต่อจากเขา
ฟุตซอลไทยกับบทเรียนจากกุนซือต่างชาติ
หากมองในภาพกว้าง เส้นทางของมิเกลคือหนึ่งในตัวอย่างว่าทำไมโค้ชต่างชาติถึงยังมีบทบาทสำคัญกับการพัฒนาฟุตซอลไทย พวกเขานำมุมมองแท็กติกใหม่ๆ วัฒนธรรมการซ้อมที่เข้มข้น รวมถึงการบริหารห้องแต่งตัวแบบมือโปร ซึ่งสิ่งเหล่านี้หล่อหลอมให้ทีมโต๊ะเล็กไทยยืนอยู่ระดับแนวหน้ามายาวนาน
ในขณะเดียวกัน การทำงานร่วมกันระหว่างโค้ชต่างชาติและสตาฟฟ์โค้ชไทยก็คือพื้นที่เรียนรู้ของโค้ชรุ่นใหม่ ที่จะเก็บประสบการณ์ไปต่อยอดในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการคุมทีมลีกอาชีพหรือทีมชาติ นี่คือมรดกทางวิชาการโค้ชที่ไม่ได้วัดกันแค่ถ้วยแชมป์ แต่สะสมอยู่ในระบบทั้งหมดของวงการ
มองไปข้างหน้า – เสียง “ลาก่อน” ที่แปลว่า “แล้วเจอกันใหม่”
ท้ายที่สุด มิเกลเลือกจะก้าวออกจากแสงไฟ แต่ไม่เดินหนีจากฟุตซอลไปไกล เขาประกาศชัดว่าจะปิดโซเชียลมีเดียทั้งหมด เพื่อเริ่มต้นบทใหม่ของชีวิตอย่างสงบ แต่ยังทิ้งข้อความสุดท้ายเอาไว้ให้แฟนฟุตซอลไทยได้คิดถึง
มิเกล ปิดท้ายด้วยข้อความซึ้งใจว่า เขาจะปิดโซเชียลมีเดียทั้งหมด เพื่อเริ่มต้นชีวิตบทใหม่ และกล่าวทั้งน้ำตาว่า
“ลาก่อน หรืออาจจะดีกว่าถ้าบอกว่า แล้วพบกันใหม่ ประเทศไทย ผมรักพวกคุณทุกคนมากครับ”
สำหรับแฟนโต๊ะเล็ก นี่อาจไม่ใช่คำอำลาตลอดกาล แต่อาจเป็นเพียงการเว้นวรรคของกุนซือคนหนึ่งที่เคยฝากทั้งเหงื่อ น้ำตา และรอยยิ้มไว้บนสนามในนามทีมชาติไทยเท่านั้นเอง
แฟนฟุตซอลและแฟนบอลชาวไทยที่อยากตามทุกจังหวะของวงการลูกหนัง–โต๊ะเล็ก ทั้งข่าวด่วน วิเคราะห์เกม และประเด็นรอบด้าน อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวมันส์ๆ ได้ที่ ฟุตซอลสดบ้านกีฬา

