
จาก : ผลบอลสด ลาลิกา ระหว่าง เรอัล มาดริด 2-0 เซบีย่า วันนี้ 21/12/68 – บ้านกีฬา
ศึก ลาลีกา เกมใหญ่บนหัวตาราง เรอัล มาดริด เปิดบ้านรับเซบีย่า และจบลงด้วยชัยชนะ 2-0 จากประตูของ จูด เบลลิงแฮม นาที 38 และจุดโทษเยือกเย็นของ คีลิยัน เอ็มบัปเป นาที 86 ขณะที่เซบีย่าต้องเล่น 10 คนหลัง มาร์กอส โด นาสซีเมนโต้ เดย์เซซิรา (มาร์กาว์) โดนใบแดงตรงช่วงนาที 68 แฟนที่กดเช็ก ผลบอลสด กันแบบตาไม่กะพริบเห็นชัด เกมนี้ “ราชันชุดขาว” เดินหน้าใส่เต็มสปีด ส่วนทีมเยือนสู้ด้วยวินัย แต่ไปพังกับความผิดพลาดส่วนบุคคล
ในมุมของ บ้านกีฬา นี่คือเกมที่สะท้อนความต่างเรื่องความคมและความนิ่งในพื้นที่สุดท้าย เรอัล มาดริด ไม่ได้ถล่มสกอร์ แต่ทุกจังหวะสำคัญใช้โอกาสได้คุ้มค่า ขณะที่เซบีย่ามีจังหวะสวนกลับและโต้กลับเร็วให้ลุ้นบ่อยครั้ง ทว่าขาดคุณภาพช็อตสุดท้าย และต้องจบคืนที่มาดริดแบบมือเปล่า
⏱ ครึ่งแรก: มาดริดคุมเกมก่อน เบลลิงแฮมยิงเปิดหัว
เริ่มเกม เรอัล มาดริด ยืนระบบ 4-3-3 เน้นครองบอลค่อยๆ เจาะแนวรับเซบีย่าที่แพ็กหลัง 5 คน เกมรุกเจ้าบ้านไหลผ่านสามประสาน วินิซิอุส จูเนียร์ – เอ็มบัปเป้ – โรดรีโก้ ใช้ความเร็วฉีกแนวรับทีมเยือนตลอด ขณะที่ จูด เบลลิงแฮม ขึ้นลงระหว่างไลน์กองกลางกับกรอบเขตโทษ ช่วยเชื่อมบอลและทะลุเข้าไปลุ้นโหม่งหรือซัดจบเอง
เซบีย่าพยายามตั้งรับลึก รอจังหวะสวนกลับผ่านสองหน้าคู่ อิสซัค โรเมโร กับ อเลฮานโดร ซานเชซ แต่ก็ต้องเจองานช้างเมื่อกลางสนามถูก ออเรเลียง ชูอาเมนี ไล่บี้ตัดเกมได้หลายครั้ง จนนาที 34 กองหลังอย่าง ฆวน อกูสติน การ์โมนา ต้องรับใบเหลืองจากการหยุดเกมโต้กลับของเจ้าถิ่น
ความกดดันสะสมกลายเป็นประตูนำ 1-0 ในนาที 38 เมื่อ โรดรีโก้ ลากจี้เข้ากรอบเขตโทษทางขวา ก่อนไหลเข้ากลางให้ เบลลิงแฮม สอดมาชาร์จส่งบอลเสียบตาข่ายแบบไม่เหลือ เป็นจังหวะที่แนวรับเซบีย่าหลุดตำแหน่งเพียงเสี้ยววินาทีแต่โดนลงโทษเต็มๆ หลังเสียประตู เซบีย่าเกือบตอบโต้ได้ แต่ติดเซฟของ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ที่วันนี้ยืนได้เหนียวแน่นเหมือนเดิม
ทดเวลาครึ่งแรกยังมีดราม่าเมื่อ โรดรีโก้ โดนใบเหลืองจากจังหวะถูกมองว่า “พุ่งล้ม” ในเขตโทษ ก่อนจบ 45 นาทีแรกด้วยสกอร์ 1-0 ให้เจ้าบ้าน
🔁 ครึ่งหลัง: ใบแดงมาร์กาว์เปลี่ยนรูปเกม ก่อนเอ็มบัปเป้ปิดกล่อง
ครึ่งหลังรูปเกมยังเป็นเรอัล มาดริด ที่คุมจังหวะได้เหนือกว่า แต่เซบีย่าก็ไม่ถอดใจ นาที 60 ราฟา อาเซนซิโอ รับใบเหลืองจากการตัดฟาวล์ ขณะเดียวกัน เซบีย่าเปลี่ยนเอา กาเบรียล ซัวโซ ที่กรอบออก แล้วส่ง โอโซ ลงมาเติมความสดทางฝั่งซ้าย
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดนาที 68 เมื่อ มาร์กาว์ เข้าปะทะหนักจนโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม ทำให้ทีมเยือนเหลือ 10 คน และต้องขยับแท็กติกลงไปตั้งโซนรับต่ำกว่าเดิมอีก จากนั้นไม่กี่นาที ลูคัส อาโกเม่ โดนใบเหลืองจากจังหวะโวยผู้ตัดสิน เพิ่มความกดดันให้เซบีย่าเข้าไปอีก
นาที 72 ชาบี อลอนโซ่ ขยับเกมรุกส่ง เอดูอาร์โด้ คามาวินก้า ลงมาเสริมพลังกลางแทน อาร์ด้า กือเลอร์ ก่อนนาที 83 ส่ง กอนซาโล่ การ์เซีย ลงแทน วินิซิอุส จูเนียร์ ที่วิ่งจนหมดแรง
ความได้เปรียบตัวผู้เล่นทำให้เจ้าบ้านลุยใส่ไม่ยั้ง และมาได้จุดโทษนาที 86 เมื่อแนวรับเซบีย่าทำฟาวล์ในเขตโทษ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ รับหน้าที่สังหาร ยิงไม่พลาดเป็น 2-0 แบบนิ่งสนิท จากนั้นนาที 89 มาดริดเหมือนจะได้จุดโทษเพิ่มอีกครั้งจากจังหวะ เบลลิงแฮม ล้มในเขตโทษ แต่ VAR กลับคำ เป่าระงับลูกโทษไป
ทดเวลาบาดเจ็บเกมยังร้อนแรงต่อเนื่อง มีจังหวะเซบีย่าเสียฟาวล์และโดนใบเหลืองเพิ่ม รวมถึงช็อตที่ผู้ตัดสินเช็ก VAR แล้วไม่ให้จุดโทษกับ โรดรีโก้ ก่อนนาที 90+3 ชาบี อลอนโซ่ เปลี่ยนตัวสุดท้าย ส่ง ดาวิด ฆิเมเนซ ลงมาแทน อาเซนซิโอ ปิดเกมแบบเซฟสกอร์ สุดท้าย บ้านผลบอล ยืนยันผลจบที่เรอัล มาดริด ชนะ 2-0 เก็บสามแต้มสำคัญในบ้านอย่างเด็ดขาด

📋 รายชื่อนักเตะตัวจริงและการเปลี่ยนตัว
🏠 เรอัล มาดริด (4-3-3, เรตติ้งทีม 7.52)
ผู้รักษาประตู
- ติโบต์ กูร์กตัวส์ (8.3) – เซฟสำคัญหลายครั้ง คุมพื้นที่ในกรอบเขตโทษได้มั่นใจ
กองหลัง
- ราฟา อาเซนซิโอ (แบ็กขวา, 7.2) – เติมเกมสูง มีจังหวะเสียใบเหลืองจากการตัดฟาวล์
- อันโตนิโอ รือดิเกอร์ (เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ, 7.1) – แข็งแกร่ง ปะทะดีกับกองหน้าเซบีย่า
- ดีน ฮุยเซน (เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ, 7.8) – อ่านเกมดี เคลียร์บอลลูกกลางอากาศได้เยอะ
- ฟราน การ์เซีย (แบ็กซ้าย, 6.7) – วิ่งขึ้นลงตลอด แม้จะมีช่วงหลุดตำแหน่งบ้าง
กองกลาง
- ออเรเลียง ชูอาเมนี (มิดฟิลด์ตัวตัดเกม, 7.4) – กวาดเก็บบอลสอง คุมจังหวะกลางสนาม
- จูด เบลลิงแฮม (มิดฟิลด์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์, 9.2) – ยิงเปิดสกอร์ ทำเกมรุกตลอดเวลา คือหัวใจของทีม
- อาร์ด้า กือเลอร์ (มิดฟิลด์เกมรุก, 6.8) – เชื่อมเกมระหว่างกลางกับแนวรุก ก่อนถูกเปลี่ยนออก
แนวรุก
- วินิซิอุส จูเนียร์ (กัปตัน, ปีกซ้าย, 8.0) – ดึงตัวประกบ สร้างความปั่นป่วนริมเส้น
- คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (กองหน้าตัวเป้า, 7.6) – เคลื่อนที่หาพื้นที่ดีได้จุดโทษและยิงปิดเกม
- โรดรีโก้ (ปีกขวา, 8.2) – แอสซิสต์ให้ประตู 1-0 สร้างโอกาสได้หลายครั้ง
ตัวสำรองที่ถูกใช้งาน
- เอดูอาร์โด้ คามาวินก้า (6.8) – ลงมาช่วยคุมจังหวะและรักษาความสดในแดนกลาง นาที 72
- กอนซาโล่ การ์เซีย (6.8) – เพิ่มความเร็วทางริมเส้นในช่วงท้ายเกม นาที 83
- ดาวิด ฆิเมเนซ – ลงมาปิดเกมนาที 90+3 ทำหน้าที่ช่วยบีบเกมรับช่วงสุดท้าย
ตัวสำรองไม่ได้ใช้งาน: อังเดรย์ ลูนิน, เซร์คิโอ เมสเตร, ดาวิด อลาบา, แฟร์กล็องด์ เมนดี้, ฟรังโก มัสตันตูโอโน, ติอาโก้ พิตาร์ช, ฆอร์เก เซสเตโร, ดานี่ เซบายอส
🚨 เซบีย่า (5-3-2, เรตติ้งทีม 6.51)
ผู้รักษาประตู
- โอดิสเซอัส วลาโชดิมอส (8.2) – เซฟอุตลุต ถ้าไม่ใช่เขาสกอร์อาจไหลมากกว่านี้
กองหลังห้าคน
- ฮวน ซานเชซ (วิงแบ็กขวา, 6.4) – ต้องวิ่งช่วยทั้งรุกและรับ เจองานหนักกับวินิซิอุส
- ฆวน อกูสติน การ์โมนา (เซ็นเตอร์ขวา, 6.1) – มีใบเหลืองจากการเข้าหนักในครึ่งแรก ก่อนถูกเปลี่ยนออก
- มาร์กาว์ (เซ็นเตอร์กลาง, 6.2) – เล่นได้เข้มแต่จบด้วยใบแดงนาที 68 ทำให้ทีมพังทั้งแผง
- บ็องกาลี เมนดี้ (เซ็นเตอร์ซ้าย, 6.4) – รับมือบอลยาวได้ดีแต่มีจังหวะหลุดตำแหน่ง
- กาเบรียล ซัวโซ (วิงแบ็กซ้าย, 6.7) – เติมเกมบุกบ่อยในครึ่งแรก ก่อนถูกถอดนาที 60
กองกลาง
- เนมันย่า กูเดลย์ (กัปตัน, 6.2) – คอยตัดเกมหน้าเซ็นเตอร์ แต่เจองานหนักกับสามมิดฟิลด์เจ้าถิ่น
- ลูคัส อาโกเม่ (6.6) – มีบทบาททั้งตัดเกมและพาบอลขึ้นหน้า แต่เสียฟาวล์และใบเหลืองช่วงครึ่งหลัง
- เดียดีเอ้ร์ โซว์ (6.6) – วิ่งไล่บี้ในแดนกลาง แต่โดนกดดันจนจ่ายบอลเสียหลายหน
กองหน้า
- อิสซัค โรเมโร (6.3) – ขยับหาพื้นที่ แต่แทบไม่ได้โอกาสจบสกอร์ชัดๆ
- อเลฮานโดร ซานเชซ (6.1) – พยายามพักบอลเชื่อมกับเพื่อน แต่โดนแนวรับมาดริดปิดตาย
ตัวสำรองที่ถูกใช้งาน
- โอโซ (6.5) – ลงมาทางฝั่งซ้าย นาที 60 เติมความสดและช่วยรับริมเส้น
- เปเก้ แฟร์นานเดซ (6.3) – เปลี่ยนลงแทน โรเมโร นาที 70 พยายามวิ่งหาช่องด้านหลังแนวรับเจ้าบ้าน
- คีเก้ ซาลาส (6.3) – ลงมาเสริมแผงหลังหลังทีมเหลือ 10 คน นาที 84
- อัดนาน ยานาไซ (6.6) – เพิ่มความสร้างสรรค์ตรงกลางในช่วงท้ายเกม นาที 84
- อัลฟอน กอนซาเลซ (6.7) – ลงมาแทน เมนดี้ นาที 84 ช่วยไล่กดดันแนวรุกมาดริด
ตัวสำรองไม่ได้ใช้งาน: เออร์ยาน นีลันด์, รามอน มาร์ติเนซ, ฟาบิโอ คาร์โดโซ, อันเดรส คาสตริน, มานู บูเอโน, โจน จอร์ดาน, มิเกล เซียร์รา
ผู้เล่นบาดเจ็บและแบนที่สำคัญ
เรอัล มาดริด ขาด เอแดร์ มิลิเตา, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อัลบาโร การ์เรราส, เอนดริก, ดานี่ การ์บาฆาล และ เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ ที่มีปัญหาอาการเจ็บและโทษแบน ส่วนเซบีย่าขาด ชิเดรา เอจูเก, อาเคอร์ อดัมส์, รูเบน วาร์กาส, ท็องกี นีอันซู และ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ซึ่งล้วนเป็นตัวหลักทั้งสิ้น
📊 วิเคราะห์บอลการรุกและการรับ
ในมุมมองของ บ้านกีฬา ถ้าให้ วิเคราะห์บอล เกมนี้แบบลงลึก เรอัล มาดริด ชนะเพราะ “ระบบและรายละเอียด” เข้าทางชัดเจน
ฝั่งเจ้าบ้านใช้ 4-3-3 ที่ยืดหยุ่น แบ็กสองฝั่งดันสูงช่วยสร้างสถานการณ์โอเวอร์โหลดริมเส้น โดยเฉพาะฝั่งซ้ายที่ ฟราน การ์เซีย กับ วินิซิอุส ทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ เบลลิงแฮม มักเติมขึ้นไปยืนเป็นกองหน้าคนที่สองเวลาทีมครองบอลสูง ทำให้แนวรับเซบีย่าสับสนว่าจะตามจับใคร ระหว่างเอ็มบัปเป้ที่ดึงตัวประกบลงต่ำ หรือเบลลิงแฮมที่สอดขึ้นมาจากแถวสอง
เมื่อเสียบอล มาดริดก็เพรสซิ่งทันที ชูอาเมนี คอยดันขึ้นมาบีบคนพาบอลฝั่งเซบีย่า ทำให้ทีมเยือนไม่ค่อยมีโอกาสเปลี่ยนจากรับเป็นรุกแบบลื่นไหลนัก เกมรับของเจ้าบ้านจึงแทบไม่เปิดช่องให้เซบีย่าจบแบบโล่งๆ มีเพียงลูกยิงไกลหรือครอสกึ่งลุ้นเท่านั้น
ฝั่งเซบีย่าเลือกวางหมาก 5-3-2 ตั้งใจรับแน่นแล้วโต้กลับ จุดแข็งคือการยืนโซนหน้ากรอบเขตโทษและการไล่บีบในพื้นที่กลางสนาม แต่จุดอ่อนใหญ่คือการเคลื่อนที่ของกองหลังตัวกลาง โดยเฉพาะจังหวะที่ต้องออกมาปะทะนอกกรอบ เช่น จังหวะเสียใบแดงของมาร์กาว์ ที่เข้าตัดบอลช้าและหนักเกินไป เมื่อเหลือ 10 คน แผงหลังห้าคนกลายเป็นหุบต่ำอย่างเดียว ไม่กล้าไล่เพรส ทำให้มาดริดครองบอลบุกต่อเนื่องและใช้ความสามารถเฉพาะตัวของแนวรุกปิดเกมได้สำเร็จ
โดยรวม เกมนี้จึงชัดเจนว่าโครงสร้างทีมของเรอัล มาดริด ทั้งในแง่การครองบอล การเคลื่อนที่เชื่อมระหว่างไลน์ และการเปลี่ยนจังหวะเร็ว-ช้า สมบูรณ์กว่าเซบีย่าอย่างเห็นได้ชัด

📈 สถิติการแข่งขันสะท้อนรูปเกม
ตัวเลขหลังเกมบอกชัดว่าเรอัล มาดริดคุมจังหวะเหนือกว่าพอสมควร เจ้าถิ่นยิงทั้งหมด 16 ครั้ง เข้ากรอบ 6 ครั้ง ส่วนเซบีย่ายิง 13 ครั้ง เข้ากรอบ 5 ครั้ง แสดงว่าทีมเยือนเองก็มีโอกาสลุ้นประตูไม่น้อย แต่สู้ความคมของแนวรุกเจ้าบ้านไม่ได้
การครองบอลเป็นของมาดริด 56% ต่อ 44% พร้อมกับจำนวนการส่งบอล 446 ครั้ง ความแม่นยำสูงถึง 92% ขณะที่เซบีย่าส่งบอล 416 ครั้ง ความแม่นยำ 89% ใกล้เคียงกัน แต่ต่างกันที่โซนการครองบอล เพราะบอลของมาดริดส่วนใหญ่ปักหลักอยู่ในแดนคู่แข่ง
เกมนี้มีจังหวะปะทะค่อนข้างดุเดือด ฟาวล์รวม 30 ครั้ง เป็นของเจ้าบ้าน 12 และทีมเยือน 18 ใบเหลืองออกไป 6 ใบ แบ่งเป็นมาดริด 2 เซบีย่า 4 และมีใบแดงสำคัญของมาร์กาว์ 1 ใบ ส่งผลโดยตรงต่อรูปเกมในครึ่งหลัง ลูกล้ำหน้าเกิดขึ้นไม่มาก มาดริดโดนจับล้ำหน้า 1 ครั้ง ส่วนเซบีย่าไม่มีเลย ขณะที่ลูกเตะมุมสูสี เจ้าบ้านได้ 6 ทีมเยือนได้ 5 แสดงให้เห็นว่าโอกาสเติมเกมบุกจากด้านข้างเกิดขึ้นทั้งสองฝั่งตลอด 90 นาที
📌 เหตุการณ์สำคัญของเกม
- ⚽ 38′ – ประตู 1-0 เรอัล มาดริด: โรดรีโก้ จ่ายเข้ากลางให้ จูด เบลลิงแฮม แปเน้นๆ เสียบตาข่าย
- 🟨 38′ – มาร์กาว์ ทำฟาวล์หนักหน้ากรอบ โดนใบเหลืองแรกของเกม
- 🟨 34′ – ฆวน อกูสติน การ์โมนา เข้าปะทะแรง ถูกจดชื่อในสมุดผู้ตัดสิน
- 🟨 45+1′ – โรดรีโก้ โดนใบเหลืองจากจังหวะถูกมองว่าพุ่งล้มในเขตโทษ
- 🟨 60′ – ราฟา อาเซนซิโอ รับใบเหลืองจากการตัดเกมริมเส้น
- 🔁 60′ – เซบีย่าเปลี่ยนตัว ส่ง โอโซ ลงแทน กาเบรียล ซัวโซ เพื่อเพิ่มความสดฝั่งซ้าย
- 🟥 68′ – มาร์กาว์ เข้าปะทะช้าโดนใบแดงไล่ออก เซบีย่าเหลือ 10 คน
- 🟨 70′ – ลูคัส อาโกเม่ โดนใบเหลืองจากจังหวะโวยและปะทะ
- 🔁 70′ – เซบีย่าเปลี่ยนหน้าเป้า ส่ง เปเก้ แฟร์นานเดซ แทน อิสซัค โรเมโร
- 🔁 72′ – เรอัล มาดริด ส่ง เอดูอาร์โด้ คามาวินก้า ลงแทน อาร์ด้า กือเลอร์ เสริมความหนาแดนกลาง
- 🔁 83′ – เรอัล มาดริด ส่ง กอนซาโล่ การ์เซีย แทน วินิซิอุส จูเนียร์
- 🔁 84′ – เซบีย่าปรับแท็กติกครั้งใหญ่ ส่ง อัดนาน ยานาไซ, คีเก้ ซาลาส และ อัลฟอน กอนซาเลซ ลงแทน ลูคัส อาโกเม่, ฆวน อกูสติน การ์โมนา และ บ็องกาลี เมนดี้
- ⚽ 86′ – ประตู 2-0 เรอัล มาดริด: คีลิยัน เอ็มบัปเป้ รับหน้าที่ยิงจุดโทษ ส่งบอลเสียบมุมแบบเฉียบขาด
- ❌ 89′ – เบลลิงแฮม ถูกฟาวล์ล้มในเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าจุดโทษแต่ VAR ตรวจแล้ว “ยกเลิกจุดโทษ”
- ❌ 90+2′ – โรดรีโก้ ล้มในเขตโทษอีกครั้ง ผู้ตัดสินให้เล่นต่อหลังตรวจ VAR ไม่พบการทำฟาวล์ชัดเจน
- 🔁 90+3′ – เรอัล มาดริด ส่ง ดาวิด ฆิเมเนซ ลงแทน ราฟา อาเซนซิโอ เพื่อปิดเกมรับช่วงท้าย
⭐ Player of the Match – จูด เบลลิงแฮม
เกมนี้รางวัลแมนออฟเดอะแมตช์ไม่มีใครสมควรได้รับไปมากกว่า จูด เบลลิงแฮม มิดฟิลด์ตัวกลั่นของเรอัล มาดริด ที่ได้คะแนนสูงสุดถึง 9.2 ไม่ใช่แค่ยิงประตูขึ้นนำ แต่ตลอดทั้งเกมเขาอ่านช่องว่างแนวรับเซบีย่าได้ยอดเยี่ยม วิ่งขึ้นลงระหว่างสองกรอบเขตโทษทั้งช่วยเกมรับและเติมเกมรุก
เบลลิงแฮมเป็นตัวจุดประกายทุกจังหวะสำคัญของเจ้าบ้าน ทั้งการวิ่งทะลุไลน์หลัง การเชื่อมบอลกับสามแนวรุก และการกดดันกองกลางคู่แข่งจนเซบีย่าไม่สามารถต่อบอลขึ้นเกมจากหลังได้ง่ายๆ ถ้าไม่มีเขา เกมรุกของมาดริดจะขาดมิติในพื้นที่ระหว่างไลน์อย่างชัดเจน

📉 สถานการณ์บนตารางคะแนนลาลีกา
ชัยชนะนัดนี้ส่งให้ เรอัล มาดริด เก็บเพิ่มเป็น 42 คะแนนจาก 18 นัด สถิติชนะ 13 เสมอ 3 แพ้ 2 ยิงได้ 36 เสีย 16 ผลต่างประตูได้เสีย +20 รั้งอันดับ 2 ตามหลังบาร์เซโลน่าที่มี 43 คะแนนเพียงแต้มเดียว ทำให้การลุ้นแชมป์ ลาลีกา เข้มข้นขึ้นทันที
ส่วนเซบีย่าหลังความพ่ายแพ้ครั้งนี้มี 20 คะแนนจาก 17 นัด สถิติ 6 ชนะ 2 เสมอ 9 แพ้ ยิงได้ 24 เสีย 26 ผลต่าง -2 ยังคงอยู่อันดับ 9 กลุ่มกลางตารางแต่เริ่มถูกทีมอย่างเคตาเฟ่และเอลเช่ไล่กดดันมาใกล้ๆ หากไม่เร่งฟอร์มในช่วงโปรแกรมแน่นปลายเลกแรก อาจหล่นไปครึ่งล่างของตารางได้ทุกเมื่อ
📅 ตารางบอลลาลีกานัดถัดไปและโปรแกรมสำคัญ
มองไปข้างหน้าในแง่ โปรแกรมบอล และ ตารางบอล เรอัล มาดริด ยังมีเกมหนักรออยู่ โดยในลีกนัดถัดไปจะเปิดบ้านพบ เรอัล เบติส วันที่ 04/01/26 เวลา 22:15 เป็นเกมที่ต้องชนะเพื่อกดดันบาร์เซโลน่าบนหัวตาราง ขณะที่ในบอลถ้วยยังมีศึกซูเปร์โกปา เด เอสปันญา ดวลกับแอตเลติโก มาดริด วันที่ 09/01/26 ซึ่งจะเป็นอีกบททดสอบความแกร่งของทีมชุดนี้
ด้านเซบีย่า โปรแกรมในลีกก็ไม่เบาเช่นกัน โดยจะเปิดบ้านเจอกับ เลบันเต้ วันที่ 04/01/26 เวลา 20:00 ตามด้วยเกมสำคัญอีกนัดพบ เซลต้า บีโก้ วันที่ 13/01/26 เวลา 03:00 สองนัดนี้คือโอกาสทองในการเก็บแต้มคืน ถ้าทำได้ดีอาจกลับมาลุ้นพื้นที่ยุโรป แต่ถ้าพลาดซ้ำ ฟอร์มอาจไหลลงไปติดหล่มกลางตารางยาวๆ
📺 ติดตาม บ้านผลบอล และความมันส์ลาลีกากับบ้านกีฬา
แฟนบอลที่อยากเกาะติดทุกจังหวะของเรอัล มาดริด, เซบีย่า และทุกทีมในลาลีกา อย่าลืมตามอัปเดต บ้านผลบอล เช็กสกอร์สด สถานการณ์บนตาราง และอัพเดตข่าวเจาะลึกหลังเกมได้ที่ บ้านกีฬา เราจะเก็บทุกประเด็นเด็ดจากสนามจริงมาสรุปให้แบบอ่านเข้าใจง่าย แต่เข้มข้นระดับคนดูบอลตัวจริง

