ต้าห์อู๋บนเวทีใหญ่ซีเกมส์ ร่วมสร้างโมเมนต์กับกระแต อาร์สยาม
หนึ่งในโมเมนต์ที่แฟนกีฬาและแฟนเพลงพูดถึงกันหนักมากจาก พิธีปิดซีเกมส์ 2025 คือการขึ้นเวทีของ ต้าห์อู๋ พิทยา ศิลปินไทยที่ได้ร่วมโชว์คู่กับ กระแต อาร์สยาม ท่ามกลางสายตาคนดูทั้งในสนามและถ่ายทอดสดทั่วภูมิภาคอาเซียน ภาพของศิลปินไทยที่ก้าวขึ้นไปยืนบนเวทีกีฬานานาชาติ ไม่ได้มีแค่เสียงดนตรีและสเต็ปแดนซ์ แต่มันเต็มไปด้วยความกดดัน ความคาดหวัง และศักดิ์ศรีของคำว่า “ตัวแทนประเทศไทย”
หลังจบโชว์ ต้าห์อู๋ไม่รอช้า ออกมาเล่าความรู้สึกทั้งหมดผ่านโซเชียลส่วนตัว เปิดใจแบบตรง ๆ ว่านี่คือภารกิจที่โคตรหนัก แต่ก็เลือกจะสู้ให้สุด เพื่อให้คนไทยได้ภูมิใจไปพร้อมกัน
แค่ 3 วันซ้อม แต่ต้องทำให้สมศักดิ์ศรีตัวแทนชาติ
สิ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้คือ ต้าห์อู๋มีเวลาเตรียมตัวและซ้อมโชว์เพียงแค่ 3 วันเท่านั้น สำหรับโชว์ระดับ พิธีปิดซีเกมส์ ที่ทุกวินาทีมีค่า การซ้อมแบบเร่งด่วนภายใต้ข้อจำกัดมหาศาล ทั้งด้านเวลา การออกแบบโชว์ และการทำงานร่วมกับทีมโปรดักชัน ทำให้ภารกิจครั้งนี้ไม่ต่างจากเกมนัดชิงที่ไม่มีสิทธิ์พลาดแม้แต่วินาทีเดียว
ก่อนหน้านี้ ต้าห์อู๋เผยว่าถูกติดต่อให้มีส่วนร่วมในพิธีเปิดมาแล้วรอบหนึ่ง แต่สุดท้ายตัดสินใจถอยออกมา ทว่าฟ้าเหมือนกำหนดบทใหม่ให้ เมื่อมีการติดต่อมาอีกครั้งให้กลับมารับบทใหญ่ในพิธีปิด ซึ่งเจ้าตัวก็ตัดสินใจตอบรับ พร้อมแบกทั้งความคาดหวังและแรงกดดันไว้เต็มสองไหล่
รับบทตัวแทนประเทศ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์รอบด้าน
ต้าห์อู๋ยอมรับแบบไม่ปิดบังว่า การได้รับหน้าที่เป็นตัวแทนประเทศขึ้นโชว์ในพิธีปิดซีเกมส์ ท่ามกลางกระแสวิจารณ์และเสียงจับตามองรอบด้าน เป็นความกดดันระดับสูงสุดในชีวิตการทำงาน แต่ในมุมของ ศิลปินไทย คนหนึ่ง เขาเลือกจะโฟกัสที่หน้าที่บนเวที มากกว่าเสียงด้านนอก
“จบไปแล้วกับพิธีปิดซีเกมส์ 3 วันกับโชว์ทั้งหมด ถ้าไม่ร่วมใจกันทำไม่ได้จริงๆ จริงๆ ก่อนหน้านี้ผมก็ถูกติดต่อมาร่วมโชว์เปิดมาก่อนอยู่แล้ว และก็ตัดใจไปแล้ว แต่ได้รับติดต่อมาให้โชว์พิธีปิด
ได้รับหน้าที่เป็นตัวแทนประเทศปิดซีเกมส์ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์โคตรรกดดัน แต่ได้รับมอบหมายมาแล้วสำหรับต้าห์อู๋ และ พี่กระแต ต้องไม่มีคำว่าอายใครแน่นอน ผมรู้เลยว่าตัวผมเองไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงมากถ้าเทียบกับพี่กระแตหรือศิลปินพี่ๆ ท่านอื่นๆ แต่ลงเรือไปแล้วสิ่งที่คิดและตั้งมั่นคือก็ต้องทำมันให้ดีที่สุดในฐานะของ “ศิลปินไทยคนนึง” ก็แค่ศิลปินไทยคนนึง และนี่แหละหนึ่งในศิลปินไทย
สำหรับโชว์มันตื้นตันมากๆ ข้อจำกัดมันเยอะมากโดยเฉพาะเรื่องเวลา ขอบคุณ พี่กระแต ทีม Index ทีม ONE31 และทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกัน นี่ขนาดเรามีเวลากันแค่นี้ซึ่งมันน่าเสียดายมาก ถ้ามีเวลามากกว่านี้หละ มันคงดีไม่น้อยจริงๆ แต่อยากจะขอบคุณทุกคนมากๆ เลยครับที่ทำให้มันผ่านไปได้ สุดท้ายนี้ผมอยากจะบอกว่าผมทำเต็มที่ในฐานะศิลปินไทยคนนึงเพื่อคนไทยแล้วนะครับ”
จากข้อความนี้ มันสะท้อนชัดว่าเจ้าตัวรู้ดีว่าตัวเองอาจไม่ใช่ศิลปินระดับท็อปของประเทศ แต่เมื่อเท้าเหยียบขึ้นเวทีในฐานะตัวแทนชาติแล้ว ไม่มีคำว่าถอย มีแต่ต้องเดินหน้าให้สุดเท่านั้น
เบื้องหลังโชว์: ข้อจำกัด เวลา และทีมงานที่ลุยไปด้วยกัน
นอกจากแรงกดดัน สิ่งที่ต้าห์อู๋พูดถึงซ้ำ ๆ คือ “เวลา” ที่มีจำกัดแบบสุด ๆ ทั้งการปรับโชว์ การซ้อมร่วมกับทีมแดนซ์ ทีมโปรดักชัน ทีมไฟ ทีมกล้อง รวมไปถึงการทำงานร่วมกับทีมใหญ่ทั้ง Index และ ONE31 ทุกอย่างต้องวิ่งไปพร้อมกันแบบไม่มีสิทธิ์หลุด
เจ้าตัวไม่ลืมกล่าวขอบคุณทุกคนที่อยู่เบื้องหลัง ทั้งพี่กระแตที่แบกชื่อศิลปินแถวหน้ามาเป็นพาร์ตเนอร์บนเวที ทีมงานโปรดักชันที่ช่วยกันเคาะโชว์ให้ลงตัวในเวลาสั้น ๆ รวมถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ที่ช่วยกันผลักดันให้โชว์นี้ออกมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ในเงื่อนไขที่มี
แม้เจ้าตัวจะบอกว่าน่าเสียดายถ้ามีเวลาเตรียมตัวมากกว่านี้ โชว์อาจถูกยกระดับได้อีกหลายขั้น แต่ในมุมแฟนบอลและแฟนเพลงที่ได้ชม ต่างมองตรงกันว่า สำหรับเวลาแค่ 3 วัน นี่คือผลงานที่สมศักดิ์ศรีบนเวทีระดับภูมิภาคแล้ว
เสียงชื่นชมจากแฟนบอลและแฟนเพลง
หลังข้อความของต้าห์อู๋ถูกเผยแพร่ออกไป สังคมออนไลน์เต็มไปด้วยคอมเมนต์ให้กำลังใจ หลายคนกดหัวใจรัว ๆ พร้อมชื่นชมในความตั้งใจและความสามารถของเขา หลายคอมเมนต์ยืนยันตรงกันว่า โชว์ออกมาดีกว่าที่คิด ทำได้เกินมาตรฐานจากเวลาซ้อมที่น้อยมาก และยกให้เป็นอีกหนึ่งศิลปินที่ทำให้คนไทยรู้สึกภูมิใจบนเวที ซีเกมส์ 2025
คำว่า “เก่งที่สุด” ที่แฟน ๆ พิมพ์ส่งให้ในคอมเมนต์ ไม่ได้เป็นเพียงคำชมเล่น ๆ แต่มันคือการยืนยันว่าความทุ่มเทและความกล้าแบกธงชาติขึ้นเวที ไม่ได้สูญเปล่าเลยแม้แต่นิดเดียว
พลังของศิลปินไทยบนเวทีกีฬานานาชาติ
ในยุคที่กีฬาไม่ได้มีแค่ผลการแข่งขัน แต่ภาพรวมของงานพิธีเปิด–ปิด กลายเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างภาพลักษณ์ประเทศ การที่ ศิลปินไทย ได้ขึ้นไปโชว์บนเวทีใหญ่แบบนี้ มีความหมายมากกว่าการร้องเพลงหรือเต้นให้จบโชว์ มันคือการเล่าเรื่องราวความเป็นไทยผ่านศิลปะร่วมสมัย ถ่ายทอดความมั่นใจ ความกล้า และความสามารถของคนรุ่นใหม่สู่สายตาเพื่อนบ้านในอาเซียน
เคสของต้าห์อู๋จึงเป็นตัวอย่างชัดเจนว่า แม้จะไม่ได้เริ่มต้นจากชื่อที่ดังที่สุด แต่เมื่อได้รับโอกาสแล้วเลือกจะ “ใส่ให้สุด” มันสามารถเปลี่ยนมุมมองของคนดู ทำให้หลายคนหันมาจับตา และเปิดพื้นที่ใหม่ให้ศิลปินไทยรุ่นต่อไปบนเวทีกีฬานานาชาติ
แฟนกีฬาไทยรอติดตามทุกโมเมนต์มันส์ได้ที่บ้านกีฬา
เรื่องราวของต้าห์อู๋บนเวทีพิธีปิดซีเกมส์ คืออีกหนึ่งภาพจำของแฟนกีฬาและแฟนเพลงไทย ที่สะท้อนทั้งแรงกดดัน เบื้องหลังความเหนื่อย และความภูมิใจเมื่อทุกอย่างผ่านไปด้วยดี สำหรับใครที่อยากตามทุกประเด็นร้อน ทุกโมเมนต์สำคัญ ทั้งในสนามและนอกสนาม ไม่ว่าจะเป็นซีเกมส์ ฟุตบอลลีกใหญ่ หรือข่าวรอบวงการกีฬาไทยและต่างประเทศ อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวมันส์ ๆ ได้ที่ บ้านกีฬา



