The Odyssey ปล่อยตัวอย่างแล้ว! Christopher Nolan พา “โอดิสซีอุส” ลงสนามเดือด Matt Damon ลุยพายุ ชนมอนสเตอร์ กลับบ้านให้ทันศึกชี้ชะตา

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

ตัวอย่าง ‘The Odyssey’ มาแล้ว—นี่ไม่ใช่แค่หนังตำนานกรีก แต่มันคือ “อีเวนต์ระดับโลก” ของคอหนัง

Universal ปล่อยทีเซอร์/ตัวอย่างแรกของ The Odyssey ออกมาอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 ธันวาคม 2025 (ตามเวลาสหรัฐฯ) พร้อมตีตราชัดว่าโปรเจกต์ต่อไปของโนแลนคือ “มหากาพย์ที่เล่นใหญ่” ทั้งสเกล ทั้งงานภาพ และความทะเยอทะยานในการเล่าเรื่อง

แก่นเรื่องคือการตามติด “โอดิสซีอุส” วีรบุรุษกรีกผู้ผ่านสงครามโทรจัน แล้วต้องฝ่าทางกลับบ้านที่ยาวเหมือนทางอ้อมของชีวิตจริง—ยิ่งรีบ ยิ่งเจอพายุ ยิ่งอยากถึงบ้าน ยิ่งโดนโลกสกัด
และที่ทำให้กระแสยิ่งพุ่งคือคำยืนยันจาก Universal/ทีมงานว่าเรื่องนี้วางให้เป็นงานใหญ่ที่ “ยกระดับประสบการณ์โรงหนัง” ไม่ใช่หนังดูผ่านๆ แล้วเลื่อนผ่านไปวันรุ่งขึ้น

ในตัวอย่างเราเห็นอะไรบ้าง: พายุ สงคราม ม้าโทรจัน และ “เงามอนสเตอร์” ที่แค่โผล่ก็ขนลุก

ตัวอย่างพาเราเห็นโอดิสซีอุสและกองกำลังเจอสภาพ “เรือแตก-พลัดหลง” ก่อนเริ่มเส้นทางกลับบ้านที่โหดและยาวแบบไร้ปรานี—ทั้งเดินข้ามแผ่นดิน แล่นทะเล ลอดถ้ำ และเผชิญสิ่งที่ไม่ควรมีอยู่ในโลกมนุษย์

ไฮไลต์ที่คนดูพูดถึงกันหนักๆ คือ

  • ม้าโทรจัน (Trojan Horse) ที่ถูกหยิบมาโชว์แบบ “ภาพจำประวัติศาสตร์สงคราม” ให้รู้ว่านี่คือจุดเริ่มต้นของตำนานทั้งหมด
  • สัตว์ประหลาด/ภัยเหนือมนุษย์ อย่าง “ไซคลอปส์ โพลีฟีมัส”, “ไซเรน”, และ “เซอร์ซี” ที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของมหากาพย์ (ตัวอย่างย้ำชัดว่ามีครบ)
  • ช็อต “พายุทะเล” และการเอาตัวรอดที่เหมือนโนแลนกำลังบอกว่า—นี่ไม่ใช่การผจญภัยสวยๆ แต่มันคือบททดสอบความเป็นคน

ที่เด็ดอีกอย่าง: ก่อนหน้านี้เคยมีฟุตเทจ/โปรล็อกแบบฉายเฉพาะโรงมาก่อน (รวมถึงลำดับราว 6 นาทีในบางประเทศ) แล้วค่อยตามด้วยการปล่อยตัวอย่างออนไลน์รอบนี้ ทำให้แฟนๆ ยิ่ง “หิว” และยิ่งเชื่อว่าโนแลนตั้งใจให้โรงหนังเป็นสนามหลักของเรื่องนี้จริงๆ

นักแสดงนำ-ทีมงาน: รวมดาวระดับ “ทีมออลสตาร์” ที่แค่รายชื่อก็เหมือนโปสเตอร์งานประกาศรางวัล

บทโอดิสซีอุสได้ Matt Damon รับหน้าที่แบกทั้งเรื่อง ส่วนแกนสำคัญของบ้านอิธากาได้ Anne Hathaway เป็นเพเนโลพี และ Tom Holland เป็นเทเลมาคัส ลูกชายที่ออกตามหาพ่อ

ฝั่งรายชื่อนักแสดงที่ประกาศ/รายงานจากหลายสำนัก—บอกเลยว่า “แน่นเหมือนทีมชาติ” อาทิ Robert Pattinson, Zendaya, Lupita Nyong’o, Charlize Theron, Jon Bernthal, John Leguizamo, Elliot Page, Mia Goth, Benny Safdie, Himesh Patel และอีกหลายคน

ด้านผู้สร้าง โนแลนเขียนบทและกำกับเอง แถมโปรดิวซ์ร่วมกับ Emma Thomas ภายใต้ Syncopy—สูตรเดิมที่ทำให้แฟนๆ มั่นใจว่า “ลายเซ็น” จะชัด ไม่ใช่งานแบบปลอดภัยตามตลาด

ทำไม ‘The Odyssey’ ถึงเหมาะกับโนแลน: เพราะนี่คือเรื่องของ “การกลับบ้าน” ที่ไม่เคยง่าย…และเวลาไม่เคยรอใคร

ถ้าสังเกตงานโนแลนหลายเรื่อง เขามักเล่นกับธีม “เวลา-ความทรงจำ-ตัวตน-ความศรัทธา” และ The Odyssey คือสนามที่ธีมพวกนี้ลงตัวแบบไม่ต้องฝืน

  • การเดินทาง 10 ปีของโอดิสซีอุส คือบทพิสูจน์ว่า “เรายังเป็นคนเดิมไหม” หลังผ่านสงคราม ผ่านการสูญเสีย ผ่านการรอดตาย
  • บ้านคือจุดหมาย แต่ระหว่างทางคือสิ่งที่กัดกินความหวัง—นี่แหละดราม่าที่เจ็บจริง
  • และปลายทางของวีรบุรุษ ไม่ได้มีแค่ชัยชนะ แต่อาจมีคำถามว่า “กลับไปแล้ว…ทุกอย่างยังเหมือนเดิมหรือเปล่า”

ต่อให้คนดูไม่เคยอ่านโฮเมอร์ ก็อินได้ เพราะมันคือพล็อตอมตะของมนุษย์ทุกยุค: อยากกลับไปหาคนที่รัก แต่โลกดันไม่ยอมให้ถึงง่ายๆ

รู้จัก ‘Odyssey’ แบบย่อยง่าย: ตำนานนี้เล่าอะไร และทำไมคนยังพูดถึงมาหลายพันปี

ต้นฉบับ “Odyssey” ของโฮเมอร์คือมหากาพย์ที่เล่าเส้นทางกลับบ้านของกษัตริย์แห่งอิธากา หลังสงครามโทรจัน—เต็มไปด้วยบททดสอบจากเทพเจ้า ภัยธรรมชาติ สิ่งลี้ลับ และการต่อสู้ทั้งภายนอก-ภายในตัวเอง

จุดที่ทำให้เรื่องนี้คลาสสิกตลอดกาลคือมันไม่ใช่แค่ “ฆ่ามอนสเตอร์ให้จบตอน” แต่มันคือการเอาชนะ

  • ความหลงผิด
  • ความกลัว
  • ความล่อใจ
  • และความสิ้นหวัง
    ซึ่งทั้งหมดนี้…มันคือมอนสเตอร์ของชีวิตคนจริงๆ

จุดเดือดที่ควรจับตา (แบบไม่สปอยล์หนัก): มอนสเตอร์ไม่ได้หลอนเท่าความคิดในหัวตัวเอง

ตัวอย่างและข้อมูลทางการบอกใบ้ชัดว่าโนแลนหยิบองค์ประกอบไอคอนิกของตำนานมาครบ ทั้งไซคลอปส์ โพลีฟีมัส, ไซเรน, เซอร์ซี และแรงผลักจาก “เทพ/ชะตา” ที่ทำให้การเดินทางยืดเยื้อ

สิ่งที่น่าลุ้นคือ โนแลนจะตีความ “เทพเจ้าและเวทมนตร์” ออกมาเป็นแบบไหน

  • จะเป็นแฟนตาซีจัดเต็ม
  • หรือเป็นสัจนิยมที่ทำให้ทุกอย่างดู “เป็นไปได้” แบบขนลุก
    แค่ตัวอย่างก็เริ่มส่งกลิ่นว่า เขาจะทำให้ตำนานดูจริงจัง ดิบ และมีน้ำหนักเหมือนสงครามจริง

งานภาพและเทคโนโลยี: เรื่องนี้ถูกวางให้เป็นหมุดหมายของ IMAX 70mm

นี่คืออีกเหตุผลที่คอหนังต้องปักหมุด เพราะ Universal ระบุว่าเรื่องนี้ “ถ่ายทำทั่วโลกด้วยเทคโนโลยีฟิล์ม IMAX ใหม่” และจะพามหากาพย์โฮเมอร์ขึ้นจอ IMAX ฟิล์มแบบเต็มตัว สื่อใหญ่หลายเจ้าย้ำตรงกันว่า หนังถ่ายด้วยกล้องฟิล์ม IMAX แบบฟูลสเกล และเป็นโปรเจกต์ที่โนแลนผลักดันให้ “กล้องเบา-เงียบขึ้น” เพื่อถ่ายทำได้จริงในภาคสนาม

สำหรับคนดูทั่วไป แปลเป็นภาษาชาวบ้านได้ว่า:
ถ้าดูในระบบที่ใช่ คุณจะได้ภาพที่ “ใหญ่-คม-ลึก” เหมือนโดนดึงเข้าไปอยู่กลางคลื่น กลางถ้ำ กลางพายุ แบบหนีไม่พ้น

วันเข้าฉายและอัปเดตสำคัญ: จดไว้เลย—สนามจริงคือปี 2026

  • กำหนดฉายในสหรัฐฯ/สหราชอาณาจักร: 17 กรกฎาคม 2026
  • ออสเตรเลียรายงานฉาย 16 กรกฎาคม 2026 (ต่างประเทศอาจคลาดกันตามโซน)
  • ตัวอย่างออนไลน์ปล่อย 22 ธ.ค. 2025 และก่อนหน้านี้มีฟุตเทจฉายเฉพาะโรง/บางช่วงเวลา ทำให้กระแสสะสมมายาว

เตรียมตัวยังไงให้ดู ‘The Odyssey’ แล้วอิน: สูตรดูให้สนุกแบบไม่ต้องเป็นนักวิชาการ

  1. รู้แค่ “โครง” ก็พอ: โอดิสซีอุสกลับบ้านหลังสงคราม แต่โดนขวางตลอดทาง
  2. ทำความเข้าใจตัวละครหลัก 3 คน: พ่อ (โอดิสซีอุส) แม่ (เพเนโลพี) ลูก (เทเลมาคัส) เพราะนี่คือหัวใจของเรื่อง ไม่ใช่แค่มอนสเตอร์
  3. ถ้าจะดูให้ “สุด” เลือกระบบจอใหญ่/เสียงแน่น เพราะหนังถูกออกแบบให้กินโรง
  4. อย่าคาดหวังว่าเป็นแฟนตาซีใสๆ—นี่คือมหากาพย์การเอาชีวิตรอดและศึกศรัทธา

สรุป: ตัวอย่างนี้มัน “ปลุกโหมดคอหนัง” ให้ตื่น—เพราะนี่คือการกลับบ้านที่ต้องเดิมพันด้วยทุกอย่าง

ภาพรวมจากตัวอย่างและข้อมูลทางการชัดมากว่า The Odyssey จะเป็นหนังที่ยืนบน 3 เสาหลัก: เรื่องเล่าระดับตำนาน + ทีมออลสตาร์ + งานภาพ IMAX ที่ตั้งใจทำให้ “โรงหนังกลับมายิ่งใหญ่” อีกครั้ง

ถ้าคุณเป็นสายชอบงานโนแลน ชอบหนังผจญภัยที่มีหัวใจ ชอบเรื่องที่ดูจบแล้วคุยต่อได้ยาวๆ…บอกเลยว่าเรื่องนี้คือ “ศึกใหญ่ของปี 2026” ที่มีสิทธิ์กลายเป็นหนังพูดถึงทั้งปีแบบไม่ต้องพึ่งดราม่านอกจอ

ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา