ภาพรวมศึกบุนเดสลีกา: บาเยิร์นทะยานหนี ดอร์ทมุนด์ไล่จี้
ศึก บุนเดสลีกา เดินทางมาถึง 15 นัดแรก และภาพบนหัวตารางชัดเจนแบบไม่ต้องเพ่งแว่น เมื่อ บาเยิร์น มิวนิค ยืนหนึ่งในฐานะจ่าฝูง เก็บไป 41 คะแนนจาก 45 แต้มเต็ม ยังไม่แพ้ใคร พร้อมเดินหน้าไล่ล่าสถิติสโมสรที่เคยทำไว้ 91 คะแนนในฤดูกาล 2012-2013 แบบไม่เกรงใจใครในลีก
ฝั่ง ดอร์ทมุนด์ แม้แต้มจะเป็นรองอยู่ถึง 9 คะแนน แต่จุดเด่นคือเกมรับที่เหนียวแน่น เสียเพียง 12 ประตู น้อยเป็นอันดับสองของลีก เป็นรองแค่บาเยิร์นที่โดนไปเพียง 11 ลูก เท่านั้น แปลว่าศึกชิงพื้นที่บนหัว ตารางคะแนนบุนเดสลีกา ยังเดือดต่อได้อีกยาว แม้จ่าฝูงจะเริ่มหนี แต่ยังไม่ถึงขั้นปิดลีก
โครงสร้างทีมยอดเยี่ยมครึ่งซีซั่น: 4-4-2 เปิดทางปีกดิบดุ
สื่อดังจากฝรั่งเศสอย่าง L’Équipe เลือกจัด ทีมยอดเยี่ยมครึ่งซีซั่น ในระบบ 4-4-2 เพื่อขับเน้นให้เห็นกันชัด ๆ ว่า บุนเดสลีกาชั่วโมงนี้อัดแน่นไปด้วยปีกคุณภาพสูงทั้งสองฝั่ง ทั้งการลากเลื้อย หนีตัวประกบ และสร้างสรรค์เกมรุกจากด้านข้าง
แผงหลังใช้จุดแข็งจากสองทีมใหญ่ บาเยิร์น-ดอร์ทมุนด์ กลางสนามผสมระหว่างความนิ่งและความคิดสร้างสรรค์ ส่วนแนวรุกเป็นของเหล่าดาวยิงมาตรฐานระดับยุโรปที่กำลังล่าแต้มอย่างเมามัน
แนวรับเหล็กกล้า: โคเบล–ชล็อตเทอร์เบ็ค ตัวแทนเกมรับเสือเหลือง
ตำแหน่งผู้รักษาประตู เป็นของ เกรเกอร์ โคเบล มือกาวของดอร์ทมุนด์ ที่รั้งสถิติคลีนชีตสูงสุดในลีก 8 นัด เซฟทั้งจังหวะง่ายและยาก ส่งผลให้เกมรับเสือเหลืองแน่นหนาและมีส่วนสำคัญกับอันดับของทีมในตาราง
คู่หูในแนวรับฝั่งดอร์ทมุนด์คือ นิโก้ ชล็อตเทอร์เบ็ค เซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่กลายเป็นเสาหลักทั้งในสโมสรและทีมชาติ เยอรมนี ด้วยสไตล์การเล่นดุดัน ดักบอลขาด และอ่านเกมเด่น ทำให้เขาคือหัวใจของแนวรับฝั่งเหลือง-ดำในซีซั่นนี้
แบ็กขวา-แบ็กซ้าย: ไลเมอร์แจ้งเกิดใหม่, รามครองฝั่งซ้าย
ฝั่งขวาเป็นพื้นที่ของ คอนราด ไลเมอร์ ที่ปกติเล่นมิดฟิลด์ตัวรับ แต่ในซีซั่นนี้ถูกขยับไปยืนแบ็กขวาให้บาเยิร์น และทำผลงานได้ดีเกินคาด ทั้งการบีบเพรสซิ่งสูง เติมเกมซ้อนปีก และช่วยป้องกันฝั่งขวาไม่ให้โดนเจาะง่าย ๆ กลายเป็นอีกอาวุธลับเชิงแท็กติกในทีมของเสือใต้
คู่กับเขาที่ฝั่งซ้ายคือ ดาวิด ราม แบ็กซ้ายทีมชาติเยอรมนี ที่เบียด อเล็กซ์ กริมัลโด้ ได้ในทีมชุดนี้ เหตุผลสำคัญคือความเหมาะสมในระบบแบ็กโฟร์ รามเป็นรองกัปตันของไลป์ซิก และเป็นผู้เล่นที่โค้ชอย่าง นาเกิลส์มันน์ ไว้ใจมายาวนาน จุดเด่นคือเล่นได้หลากหลายบทบาทริมเส้นทั้งรับและรุก
ด้านเซ็นเตอร์อีกฝั่งเป็นของ ดาโยต์ อูปาเมกาโน ปราการหลังของบาเยิร์น ผู้ชนะดวลลูกกลางอากาศบ่อยครั้ง เล่นเกมรุกจากด้านหลังได้ดีทั้งการเลี้ยงฝ่าไลน์แรก และวางบอลยาวขึ้นหน้าอย่างแม่นยำ
ห้องเครื่องกลางสนาม: คิมมิชคุมจังหวะเกม การ์เซียเติมความเนียน
ในแดนกลาง โค้ชคงไม่มองข้าม โยชัว คิมมิช มิดฟิลด์ตัวคุมจังหวะของบาเยิร์น เจ้าของเหรียญแชมป์แชมเปียนส์ลีก 2020 ที่ทำได้ทั้งตัดเกมหน้าแผงรับ กระจายบอลสั้น-ยาว และเติมขึ้นไปช่วยปั้นเกมรุก เมื่อไหร่ที่คิมมิชเล่นนิ่ง เกมบาเยิร์นก็มักจะไหลลื่นตามไปด้วย
คู่กลางอีกคนคือ อเล็กซ์ การ์เซีย จากเลเวอร์คูเซ่น ซึ่งเพิ่งเล่นในบุนเดสลีกาเป็นซีซั่นที่สอง แต่แสดงให้เห็นชัดถึงความเก๋าในเกม วางบอลคม ทะลุช่องดี เป็นฟันเฟืองสำคัญในทีมเลเวอร์คูเซ่นชุดปัจจุบันที่เล่นเกมรุกไหลลื่น
ปีกสุดจัด: โอลิเซ่–ดิยอม็องด์ แบกเกมรุกริมเส้น
ฝั่งขวาเป็นของ ไมเคิล โอลิเซ่ ผู้สร้างสรรค์เกมหมายเลขหนึ่งของลีกในตอนนี้ ตัวเลขบอกชัด 7 ประตูกับ 8 แอสซิสต์ ทำให้เขากลายเป็นจอมปั้นเกมที่ทุกแนวรับต้องระวัง ทั้งการลากตัดเข้าใน การผ่านบอลคิลเลอร์พาส และจังหวะยิงเองแบบไม่เกรงใจใคร
ฝั่งซ้ายเป็นของ ยัน ดิยอม็องด์ ปีกที่จัดจ้านทั้งสปีดและเทคนิค ยิงไปแล้ว 6 ประตู พร้อมตัวเลขการเลี้ยงบอลผ่านสำเร็จ 42 ครั้ง เฉลี่ยราว 3 ครั้งต่อเกม ที่โหดกว่านั้นคือเขากดแฮตทริกใส่แฟร้งค์เฟิร์ตในเดือนธันวาคม กลายเป็นเกมที่ย้ำเตือนว่าปีกหนุ่มรายนี้พร้อมจะขึ้นไปยืนในแถวหน้าของลีกแล้ว
กองหน้าตัวโหด: เคนล่าประวัติศาสตร์ จับคู่กับอัสลานนี่ดาวยิงม้ามืด
แดนหน้าไม่มีทางไม่เอ่ยชื่อ แฮร์รี่ เคน ดาวยิงเลือดผู้ดีที่กำลังระเบิดฟอร์มกับบาเยิร์น ซัดไปแล้ว 19 ประตูจาก 15 นัดในลีก เฉลี่ยมากกว่าประตูต่อนัด เป้าหมายในหัวของเขาคือการไล่ล่าสถิติ 41 ประตูของ เลวานดอฟสกี้ ที่ทำไว้ในฤดูกาล 2020-2021 ถ้าเคนรักษามาตรฐานแบบนี้ได้ มีลุ้นจารึกชื่อในประวัติศาสตร์ลีกเยอรมันแน่นอน
พาร์ตเนอร์ของเคนคือ ฟิสนิก อัสลานนี่ กองหน้าดาวรุ่งสายปั้นเองจากอะคาเดมีฮอฟเฟ่นไฮม์ และเป็นแข้งทีมชาติโคโซโว เขาคือหนึ่งในคีย์แมนที่พาทีมม้ามืดอย่างฮอฟเฟ่นไฮม์บินสูงอยู่ในอันดับ 5 ของลีก เก็บไปแล้ว 27 คะแนนในครึ่งซีซั่นแรก ฟอร์มร้อนแรงเกินกว่าที่ใครคาดไว้ก่อนเปิดฤดูกาล
ทำไมทีมยอดเยี่ยมครึ่งซีซั่นจึงสำคัญกับแฟนบอล
ทุกครั้งที่มีการจัดทีมยอดเยี่ยมในช่วงครึ่งซีซั่น มันไม่ใช่แค่ “ลิสต์รายชื่อเท่ ๆ” แต่เป็นภาพสะท้อนเทรนด์แท็กติกของลีก ว่าโค้ชยุคนี้เน้นเกมเพรสซิ่งสูงแค่ไหน ให้ค่ากับปีกเลี้ยงกินตัวมากเพียงใด หรือใช้กองกลางคุมจังหวะแบบไหน แฟนบอลจึงมักใช้ทีมชุดเหล่านี้เป็นตัวชี้วัดว่าซีซั่นนั้น ๆ กำลังเดินไปในทิศทางไหน และยังช่วยให้จับตาดาวรุ่งหรือแข้งที่กำลังขึ้นมาเป็นสตาร์ใหม่ได้ตั้งแต่ก่อนจบฤดูกาล
ยิ่งใน บุนเดสลีกา ที่เป็นลีกเปิดโอกาสให้แข้งหนุ่มและแท็กติกใหม่ ๆ เสมอ การมองย้อนจากทีมยอดเยี่ยมครึ่งทางแบบนี้ ทำให้แฟนบอลไทยสามารถเข้าใจภาพรวมของลีกได้ง่ายขึ้น ว่าทำไมบางทีมทะยานขึ้นหัวตาราง ทำไมบางทีมเกมรับเปลี่ยนจากรั่วเป็นเหนียว หรือทำไมดาวยิงบางคนถึงกลายเป็นตัวเต็งล่ารางวัลดาวซัลโวแบบไม่ต้องเดา
มุมมองบ้านกีฬา: ครึ่งซีซั่นจบ แต่ศึกแย่งบัลลังก์ยังอีกไกล
มองจาก 11 ตัวที่ถูกเลือก จะเห็นชัดว่าพลังของบาเยิร์นและดอร์ทมุนด์ยังคงเป็นแกนกลางของลีก ขณะเดียวกันดาวรุ่งจากทีมม้ามืดอย่างฮอฟเฟ่นไฮม์ก็กำลังแทรกตัวขึ้นมาเขย่าเวทีใหญ่ จุดเด่นคือการผสมผสานระหว่างประสบการณ์ระดับแชมป์ยุโรปกับความสดใหม่ของแข้งหนุ่ม ทำให้ครึ่งหลังของฤดูกาลมีโอกาสเกิดดราม่าบนหัวตารางได้ทุกเมื่อ
ไม่ว่าจะเป็นการไล่ล่าประตูของเคน การปั้นเกมของโอลิเซ่ หรือการลากเลื้อยของดิยอม็องด์ ทั้งหมดนี้คือเชื้อไฟชั้นดีให้แฟนลูกหนังติดตามบุนเดสลีกาต่อแบบห้ามกะพริบตา และแน่นอน บ้านกีฬา จะคอยเกาะติดทุกประตู ทุกสถิติ และทุกดราม่าในสนามมารายงานให้แฟนบอลชาวไทยได้อินไปพร้อมกัน
แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะของโลกฟุตบอล ทั้งข่าวซื้อขาย สถิติ อินไซด์ริมสนาม และมุมมองแบบถึงลูกถึงคน อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวมันส์ๆ ได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา

