โปรไฟล์ซีซั่นนี้ – ปีที่ลงตัวที่สุดในชีวิตค้าไม้คิว
ตอนนี้ Elliot Slessor กำลังยืนอยู่บนจุดที่ดีที่สุดในเส้นทางอาชีพสนุ๊กเกอร์ของตัวเอง ด้วยผลงานจัดจ้านจนขึ้นไปอยู่อันดับ 10 ใน Sportsbet.io One Year Rankings ซีซั่นล่าสุดกลายเป็นปีที่เขา “ปลดล็อก” ตัวเอง ทั้งฟอร์มการเล่น ความมั่นใจ และมาตรฐานในทัวร์อาชีพ
เจ้าตัวยอมรับแบบตรงไปตรงมาว่า
“ผมกำลังก้าวไปถูกทาง สิ่งที่ผมมองหาคือการคว้าโทรฟี่สักใบ แม้ผมยังทำไม่ได้ แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันจะมาวันไหน”
แม้วันนี้จะยังไม่มีถ้วยแชมป์แรก แต่ทุกสเต็ปที่เขาเดินอยู่บนทัวร์ กำลังชี้ชัดว่า Slessor ไม่ได้มาเล่น ๆ และพร้อมจะระเบิดศักยภาพเต็มสูบในเร็ว ๆ นี้
ไม่ได้มาเอาแค่ค่าเหนื่อย – ทัศนคติโหดของ Slessor
หนึ่งในจุดเด่นของ Slessor คือแนวคิดที่ชัดเจนว่า เขาไม่ได้เล่นสนุ๊กเกอร์เพื่อ “แค่เลี้ยงชีพ” แต่เล่นเพื่อ “ล่าแชมป์” เท่านั้น เจ้าตัวพูดชัดเจนว่า
“ผมไม่เคยอยู่ตรงนี้เพื่อแค่หาเลี้ยงชีพ ผมไม่อยากเอ่ยชื่อ แต่ผมรู้ว่ามีบางคนเล่นเพื่อเช็คเงินเดือนเท่านั้น นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ผมเล่น ผมอยากชนะรายการและถ้าทำไม่ได้ ผมก็ไม่อยากเล่นมันด้วยซ้ำ”
ทัศนคติแบบนี้คือสิ่งที่แฟนสนุ๊กเกอร์หลายคนหลงรัก เขาไม่ได้สนใจเพียงเงิน แต่โฟกัสไปที่ “มรดกในอาชีพ” และความรู้สึกของการชูโทรฟี่บนเวทีใหญ่
จากดาวรุ่งวัย 18 สู่ระดับท็อป – กว่าจะกลมกลืนกับมาตรฐานโลก
Slessor ขึ้นสู่ทัวร์อาชีพตั้งแต่อายุเพียง 18 ปีในปี 2013 ตอนนั้นเขายอมรับว่าตกใจกับมาตรฐานของนักสนุ๊กเกอร์ระดับโลก แต่วันนี้เขารู้สึกแล้วว่าตัวเองปีนขึ้นมาถึงระดับนั้น และควรเป็นหนึ่งในคนที่ “มีสิทธิ์ลุ้นแชมป์” ทุกทัวร์นาเมนต์
เขาเล่าว่าชั่วโมงซ้อมคือจุดที่ทำให้มั่นใจในฝีมือ
“ในห้องซ้อม วันแล้ววันเล่า ผมอยู่ในระดับที่ถ้าถ่ายทอดมันออกมาในแมตช์จริงได้ คุณจะเห็นผมเป็นคนละคนเลย ตอนนี้ผมเริ่มได้ผลลัพธ์บ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่ทั้งหมดที่ผมทำได้”
สนามประจำของเขาคือ North Shields Snooker Centre ที่เขายกให้เป็นสภาพโต๊ะระดับเพอร์เฟกต์
“สโมสรที่ผมมีโต๊ะอยู่ North Shields Snooker Centre สภาพโต๊ะสมบูรณ์แบบมาก เลยมีคนขึ้นมาซ้อมกับผมเยอะ และหลายคนมักไม่อยากเชื่อว่าผมเล่นดีขนาดนี้ แต่เกมจริงในทัวร์มันเป็นอีกโลกหนึ่งเลย”
ซ้อมโหด ฟอร์มดี แต่การจะดึงฟอร์มแบบนั้นออกมาในเกมแข่งต่อหน้าแฟน ๆ และกล้องทีวี คือโจทย์ใหญ่ที่เขากำลังไล่แก้ทีละจุด
ทำไมต้องใช้เวลา 5–10 ปี กว่าจะถึงจุดพีกบนทัวร์
ในสายตาของ Slessor การจะเห็นนักสอยคิวไปถึง “ตัวตนที่แท้จริง” บนทัวร์อาชีพ ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นในไม่กี่ปีแรก
“มันคือการหาที่ยืนของตัวเอง มันมาพร้อมประสบการณ์และเวลา คุณเร่งมันไม่ได้ บางคนจับจุดได้เร็ว บางคนเริ่มต้นดีแล้วค่อย ๆ แผ่ว บางคนอย่าง Stuart Bingham กับ Barry Hawkins เพิ่งจะพีคตอนอายุมากหน่อย ทุกอย่างขึ้นกับตัวบุคคลและความเร็วในการเรียนรู้”
สำหรับเขา สิ่งที่ต้องเรียนรู้ไม่ใช่แค่แท็กติกหรือการวางสนุ๊ก แต่คือการจัดการ “อารมณ์” ในเกมแข่งขัน
“สำหรับผมมันคือเรื่องอารมณ์ ผมซ้อมหนักมาก เลยคาดหวังมาตรฐานระดับหนึ่งในเกมแข่ง และพอเล่นไม่ได้ตามนั้นมันกลืนไม่ลง บางครั้งผมชนะ แต่ไม่มีความสุขเพราะเล่นไม่ดี มันคือการเรียนรู้ที่จะรับมือกับสิ่งนั้น”
มุมมองแบบนี้สะท้อนชัดว่าเขาไม่ใช่แค่นักสอยคิวที่พอใจกับชัยชนะแบบไหนก็ได้ แต่ต้องการเล่นให้ถึงมาตรฐานของตัวเองทุกเฟรม
ฟอร์มโหดแม้ในวันที่พ่าย – ศึกเดือดกับ Shaun Murphy
ซีซั่นนี้มีหลายแมตช์ที่ Slessor รู้สึกว่าตัวเองโชว์ฟอร์มใกล้เคียง “ตัวจริง” มากที่สุด แม้ผลลัพธ์จะไม่เข้าข้างเขา เช่น เกมใหญ่กับ Shaun Murphy ในศึก International Championship ที่เขาพ่ายไป 4-6 เฟรม แต่กลับมองว่าเป็นเกมที่ยอดเยี่ยมสำหรับทั้งคู่
“ผมไม่ซีเรียส ถ้าผมถูกเล่นดีกว่าในเกมแบบนั้น ผมจะเดินไปจับมือเขาแล้วบอกว่า ‘well played’ ปัญหาคือวันที่ผมเล่นไม่ได้ตามศักยภาพตัวเอง นั่นแหละที่ผมหงุดหงิด”
นี่คือดีเอ็นเอของนักสู้ตัวจริง แพ้ได้ถ้าอีกฝ่ายดีกว่า แต่ไม่ยอมรับตัวเองได้ถ้าเล่นไม่ถึงมาตรฐานที่ตั้งใจไว้
อันดับโลกพุ่งแรง และเป้าหมายใหญ่ใน Players Series
ปัจจุบัน Slessor ขยับขึ้นไปอยู่อันดับ 20 ใน Johnstone’s Paint World Rankings ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในชีวิตค้าไม้คิวของเขา เจ้าตัวมองสิ่งนี้ว่าเป็นเพียงหนึ่งในหลักฐานของการพัฒนา
“นั่นคือความก้าวหน้า ถ้าผมชนะ Neil Robertson ในรอบตัดเชือกที่ซาอุฯ ผมคงหลุดเข้าไปท็อป 16 แล้ว แต่ผมไม่ได้มองอันดับเยอะเท่าไหร่ ผมสนใจแค่อยากไปถึงช่วงท้าย ๆ ของทัวร์นาเมนต์มากกว่า”
แม้อันดับโลกจะสำคัญต่อการเข้ารายการใหญ่ แต่สิ่งที่เขาจับตาคือ Players Series ซึ่งเอาเฉพาะฟอร์มปีล่าสุดมาตัดสิน
“พวกนั้นเป็นทัวร์นาเมนต์ใหญ่ นักกีฬาที่ได้เล่นคือระดับท็อปของท็อป และถ้าผมได้อยู่ในนั้น มันจะเพิ่มโอกาสให้ผมคว้าแชมป์มากขึ้น ซีซั่นที่แล้วผมได้ไป World Grand Prix ปีนี้ผมตั้งเป้าเลยว่าจะเข้าให้ครบทั้งสามรายการ”
หากเขายังรักษาฟอร์มแบบนี้ต่อไป แฟน ๆ มีโอกาสได้เห็น Slessor ไล่ล่าแชมป์ในเวทีใหญ่ต่อเนื่องแน่นอน
ชีวิตนอกโต๊ะสนุ๊ก – คุณพ่อสายกีฬาและแฟนสาลิกาดงตัวจริง
นอกจากภาพบนโต๊ะสนุ๊กเกอร์ Slessor ยังมีบทบาทคุณพ่อที่น่ารักกับลูกสาว Hallie ที่เพิ่งมีโอกาสตามพ่อไปงาน Shoot Out ที่ Blackpool แถมได้ออกทีวีสัมภาษณ์สดคู่กับพ่อครั้งแรกในชีวิต
“ใช่ครับ เธอสนุกมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ไป Blackpool เธอชอบสนุ๊กเกอร์นะ แต่สิ่งที่โปรดที่สุดคือ Gruffalo Land!”
ด้านฟุตบอล เขาเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Newcastle United มีตั๋วปี ดูทั้งในบ้านและออกทริปตามเชียร์เกมเยือนเท่าที่เวลาจะเอื้อ
“เราทำแต้มหล่นจากเกมที่นำอยู่เยอะมาก เราแค่รักษาสกอร์นำไม่ได้เอง ตรงนี้ต้องแก้ด่วน”
มุมมองนี้ทำให้เห็นว่าไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทนักกีฬาอาชีพ หรือแฟนบอลบนอัฒจันทร์ เขายังคงเป็นคนที่มองเกมกีฬาแบบจริงจังและตรงไปตรงมาเสมอ
สิ่งที่แฟนสนุ๊กเกอร์เรียนรู้ได้จากเคสของ Slessor
เรื่องราวของ Slessor เป็นตัวอย่างชัดเจนให้แฟนสนุ๊กเกอร์และนักสอยคิวสายพัฒนาเห็นว่า กีฬานี้ไม่ได้วัดกันแค่พรสวรรค์ แต่คือการสะสมประสบการณ์ การจัดการอารมณ์ และการรักษามาตรฐานให้ใกล้เคียงกับตอนซ้อมมากที่สุด สนุ๊กเกอร์เป็นกีฬาที่อาชีพยืนยาวได้ ถ้าคุณเรียนรู้เร็ว ปรับตัวไว และมีเป้าหมายชัดเจนเหมือนที่เขาย้ำเสมอว่าต้องการ “โทรฟี่” ไม่ใช่แค่ “ค่าเหนื่อย”
แฟน ๆ ที่ติดตามวงการ สนุ๊กเกอร์โลก จึงจับตาดูได้ยาว ๆ ว่า เมื่อจังหวะของประสบการณ์ ฟอร์มการเล่น และสภาพจิตใจมาบรรจบกัน จุดพีกของ เอลเลียต สเลสเซอร์ อาจกลายเป็นหนึ่งในไฮไลต์ใหญ่ของยุคนี้บนทัวร์อาชีพ
มุมมอง บ้านกีฬา ต่อเส้นทางล่าโทรฟี่ของ Elliot Slessor
ในมุมของ บ้านกีฬา Slessor คือหนึ่งในนักสอยคิวที่น่าจับตามองที่สุดแห่งยุค เขามีทั้งฟอร์มที่กำลังไต่ขึ้น อันดับที่ขยับเข้าใกล้กลุ่มท็อป 16 และโอกาสสำคัญในรายการระดับ Players Series ที่อาจเป็นเวทีแจ้งเกิดด้วยแชมป์แรกในชีวิต หากเขาดึงฟอร์มการซ้อมออกมาใช้ในเกมจริงได้เต็มที่ วันนั้นอาจไม่ใช่แค่การคว้าโทรฟี่ แต่คือการยืนยันว่าเขาอยู่ในระดับ “ของจริง” บนโลกสนุ๊กเกอร์
แฟนกีฬาไทยที่อยากตามเส้นทางของ Slessor รวมถึงข่าวเด็ดจากวงการสนุ๊กเกอร์และกีฬารอบโลก อย่าลืมติดตามอัปเดตมันส์ ๆ ได้ที่ สนุกเกอร์สดบ้านกีฬา

