บ้านผลบอล สรุปหลังเกม พรีเมียร์ลีก เดือดสะเทือนสแตมฟอร์ดบริดจ์! พัลเมอร์-เอ็นโซยิงไม่พอ เชลซีหลุดนำสองหนโดนบอร์นมัธไล่เจ๊า 2-2 โอกาสลุ้นพื้นที่ยุโรปยังต้องลุยต่อ

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

จาก : ผลบอลสด พรีเมียร์ลีก ระหว่าง เชลซี 2-2 บอร์นมัธ เอเอฟซี วันนี้ 31/12/68 – บ้านกีฬา

พรีเมียร์ลีก เกมที่สแตมฟอร์ดบริดจ์คืนนี้ แฟนเชลซีเปิดจอรอเช็ก ผลบอลสด กันตั้งแต่นาทีแรก เพราะรู้ว่า 3 แต้มคือกุญแจสำคัญในการเกาะกลุ่มหัวตาราง แต่สุดท้าย “สิงห์บลูส์” ของเอนโซ่ มาเรสก้า ทำได้แค่เสมอ 2-2 กับบอร์นมัธของอันโดนี่ อิราโอล่า ทั้งที่รูปเกมเหนือกว่า ยิงมากกว่า และครองบอลข้างเดียว ทิ้งความเสียดายไว้เต็มหน้าเว็บสรุปสกอร์ของ บ้านผลบอล

⏱ ครึ่งแรก: 4 ประตูใน 21 นาที บอลไม่ให้หายใจ

เริ่มมาเพียง 6 นาที กองเชียร์เจ้าถิ่นต้องเงียบกริบเมื่อเดวิด บรูคส์หลุดขึ้นมาซัดให้บอร์นมัธนำ 0-1 จากจังหวะหลุดโซนรับฝั่งขวา เชลซีเสียสมาธิเร็ว แถมก่อนหน้านั้นไม่นานมอยเซส ไกเซโด้เพิ่งโดนใบเหลืองจากการเข้าบอลช้า ทำให้แดนกลางเสียจังหวะไล่บีบ

นาที 12 เอสเตวาว โชว์ความคล่องลากบอลทะลุแนวรับก่อนโดนทำฟาวล์ในเขตโทษ ผู้ตัดสินซามูเอล บาเร็ตต์ชี้จุดโทษทันที โคล พัลเมอร์ รับหน้าที่สังหารไม่พลาด ตีเสมอ 1-1 ในนาที 15 คืนความมั่นใจให้ฝั่งเจ้าบ้าน

เกมรุกเชลซียังดุดันต่อเนื่อง นาที 23 อเลฆานโดร การ์นาโช่ ไหลบอลคืนให้เอ็นโซ่ แฟร์นานเดซ ปั่นด้วยขวาเสียบเสาอย่างสวยงาม พลิกสกอร์เป็น 2-1 และเหมือนทุกอย่างกำลังจะไหลไปทางเดียว

แต่เพียง 4 นาทีต่อมา นาที 27 จัสติน ไคลเวิร์ต โผล่มาเป็นตัวแสบ พาบอลทำชิ่งหน้าเขตโทษก่อนซัดผ่านมือโรเบิร์ต ซานเชซเข้าไปเป็น 2-2 ทำให้ครึ่งแรกจบแบบสุดมัน มีครบทั้งจุดโทษ เกมเร็ว และการสวนกลับที่ลงโทษเจ้าบ้านแบบจังๆ

🔁 ครึ่งหลัง: สิงห์บลูส์ล้อมแล้วแต่ไม่ล้ม

ลงครึ่งหลัง มาเรสก้าแก้เกมทันที ส่งรีซ เจมส์กับเปโดร เนโต ลงมาแทนอาชัมปงกับการ์นาโช่เพื่อเร่งสปีดทางริมเส้น เชลซีบุกโหมต่อเนื่อง พัลเมอร์ถอยต่ำเชื่อมบอล เอสเตวาวลากหาช่องยิง บอร์นมัธถอยลงต่ำเกือบทั้งทีมตั้งบล็อกหน้าเขตโทษ

นาที 63 เชลซีส่งเจา เปโดรลงมาแทนพัลเมอร์ เติมความจัดจ้านในกรอบเขตโทษ ช่วงท้ายเกมนาที 87 แอนดรี้ ซานโตสถูกส่งแทนเดแล็ป เพื่อยืนกลางรุกเพิ่มการคุมจังหวะ แต่แนวรับบอร์นมัธยังยืนกันเหนียว แม้จะโดนบุกใส่จนตัวเลขการครองบอลต่างกันเกือบเท่าตัว

ฝั่งอิราโอล่าปรับเกมเช่นกัน นาที 78 ส่งอามีน อัดลีลงแทนบรูคส์ นาที 82 เอเนส อูนัลแทนเอวานิลซอน เปลี่ยนเป็นเกมสวนกลับแบบสดใหม่ ปลายเกม 90+2 เชลซีถอดเอสเตวาวที่วิ่งจนหมดแรง แล้วส่งเจมี่ กิทเทนส์ลงมา ส่วนฝั่งเยือนเปลี่ยนจัสติน ไคลเวิร์ตออกให้อดัม สมิธลงมาอุดช่วงทดเจ็บ จบ 90 นาที สกอร์นิ่งที่ 2-2 ทั้งที่รูปเกมเหมือนเจ้าบ้านใกล้เคียงสามแต้มมากกว่า

🧾 รายชื่อนักเตะตัวจริงและการเปลี่ยนตัว

🔵 เชลซี : 4-2-3-1 คุมบอลกลางสนาม

ตัวจริงเชลซีค่าเฉลี่ยทีม 7.07

  • ผู้รักษาประตู: โรเบิร์ต ซานเชซ (7.5) เซฟสำคัญหลายจังหวะ แม้โดนยิงสองเม็ดแต่ช่วยชีวิตทีมไว้ไม่น้อย
  • แผงหลัง: มาล็อง กุสโต (6.3), ทิโมธี ชาโลบาห์ (6.5), เวสลีย์ โฟฟาน่า (8.0), เจย์ อาชัมปง (5.7) ด้านขวาโฟฟาน่าเด่นสุดทั้งตัดบอลและช่วยเซ็ตเกม ขณะที่ฝั่งซ้ายอาชัมปงยังดูประหม่า เสียตำแหน่งหลายครั้ง
  • คู่กลางรับ-เชื่อมเกม: มอยเซส ไกเซโด้ (7.1), เอ็นโซ่ แฟร์นานเดซ กัปตันทีม (8.1) ไกเซโด้ช่วยปัดกวาดหน้าเซ็นเตอร์ ส่วนเอ็นโซ่คือหัวใจการจ่ายบอลและยิงหนึ่งประตู
  • แนวรุกสามตัวด้านหลังหน้าเป้า: เอสเตวาว (8.2) ทางขวา, โคล พัลเมอร์ (7.7) กลางรุก, อเลฆานโดร การ์นาโช่ (6.6) ด้านซ้าย
  • หน้าเป้า: เลียม เดแล็ป (6.4) พยายามพักบอลดึงกองหลังแต่ยังขาดความคมในพื้นที่สุดท้าย

ตัวสำรองที่ได้ลง: รีซ เจมส์ (7.0), เปโดร เนโต (7.4), เจา เปโดร (6.2), แอนดรี้ ซานโตส (7.3), เจมี่ กิทเทนส์ (เรตติ้งดีใช้ได้ในช่วงเวลาสั้นๆ)

ผู้เล่นที่นั่งสำรองไม่ได้ลง: ฟิลิป เยอร์เกนเซ่น, เบอนัวต์ บาเดียชิล, โทซิน อดาราไบโย, ฟาคุนโด บัวโนโนตเต้

🔴 บอร์นมัธ : 4-2-3-1 เกมรับหนาแน่นสวนกลับเร็ว

ตัวจริงบอร์นมัธค่าเฉลี่ยทีม 6.68

  • ผู้รักษาประตู: ดานิโล เปโตรวิช (6.9) อาจเสียสองประตูแต่มีจังหวะปัดลูกยิงไกลและลูกโหม่งที่ช่วยทีมไว้เช่นกัน
  • แผงหลัง: เจย์เดน ฮิลล์ (6.5), มาร์กอส เซเนซี (6.8), อาเดรียง ทรูแฟร์ (7.1), อเล็กซ์ ฆิเมเนซ (7.5) คู่เซ็นเตอร์กับทรูแฟร์โดนทดสอบหนักทั้งเกม ส่วนฆิเมเนซเติมสูงช่วยบุกทางซ้ายบ่อยครั้ง
  • คู่กลาง: อเล็กซ์ สกอตต์ (6.5), มาร์คัส ทาเวอร์เนียร์ (6.4) ช่วยปิดพื้นที่กลางสนาม แม้จะไล่บอลหนักจนทาเวอร์เนียร์ต้องรับใบเหลือง
  • ตัวรุกสามคน: เดวิด บรูคส์ กัปตันทีม (7.6) ขวา, จัสติน ไคลเวิร์ต (7.3) กลางรุก, อองตวน เซเมนโย (5.4) ซ้าย
  • หน้าเป้า: เอวานิลซอน (6.2) ทำงานหนักกับการพักบอลดึงตัวประกบ แม้ไม่มีชื่อบนสกอร์บอร์ด

ตัวสำรองที่ได้ลง: อามีน อัดลี (6.6), เอเนส อูนัล (6.0), อดัม สมิธ (ลงมาช่วงทดเจ็บช่วยอุดเกมรับ) ส่วนวิลล์ เดนนิส, ฆูเลียน อเราโฮ, ฆูลิโอ โซเลร์, บาโฟเด ดิยากิเต้, เอลี จูเนียร์ ครูปี และเรมี่ รีส-ดอตติน เป็นสำรองไม่ได้ลงสนาม

ผู้เล่นบาดเจ็บ/ติดโทษแบนที่หายไปจากเกมนี้ฝั่งเชลซีมีมุคฮาอิโล มูดริก (แบน), โรเมโอ ลาเวีย, ดาริโอ เอซซูโก, จอเรล ฮาโต้, ลีวาย โคลวิลล์, มาร์ก คูคูเรญ่า ขณะที่บอร์นมัธขาดเบน แกนนอน-โด๊ค, เวลย์โก มิโลซาฟเยวิช, ไทเลอร์ อดัมส์ และมาทาย อาคินมโบนี

📊 วิเคราะห์บอลการรุกและการรับ

หากมองเชิงแท็กติก เกมนี้คือภาพชัดๆ ของทีมหนึ่งที่พยายาม “คุมทุกอย่าง” กับอีกทีมที่เลือก “รอจังหวะเชือด” เชลซีในระบบ 4-2-3-1 ของมาเรสก้าเน้นต่อบอลสั้นจากแนวรับขึ้นไปถึงเอ็นโซ่ก่อนจ่ายออกริมเส้นให้เอสเตวาวหรือการ์นาโช่ดวล 1 ต่อ 1 จุดเด่นคือการขยับของพัลเมอร์ที่ไม่ยืนตายตัว ทำให้การเชื่อมเกมตรงกลางแน่นและหาช่องเจาะได้เรื่อยๆ นี่คือภาพที่คนดูเอาไปคุยในบทความ วิเคราะห์บอล กันต่อว่า เชลซีเริ่มมีเอกลักษณ์เกมรุกชัดเจนขึ้น

แต่จุดอ่อนก็ชัดไม่แพ้กัน เมื่อฟูลแบ็กดันสูงพร้อมกัน ช่องว่างหลังไกเซโด้และหน้าเซ็นเตอร์เปิดให้บอร์นมัธเล่นบอลทะลุช่องสวนกลับหลายครั้ง โดยเฉพาะด้านของอาชัมปงที่โดนบรูคส์กับคูคลูเอิร์ตสลับกันโจมตี ทำให้ประตูแรกและหลายจังหวะหวาดเสียวเกิดขึ้นจากฝั่งนี้

ด้านบอร์นมัธของอิราโอล่า วางหมาก 4-2-3-1 แต่ปรับเป็น 4-4-2 ยามตั้งรับ บรูคส์กับเซเมนโยถอยลงมาเป็นปีกช่วยฟูลแบ็ก ขณะที่คูคลูเอิร์ตยืนระหว่างไลน์คอยตัดบอลแล้วแทงสวนกลับทันที กลยุทธ์คือปล่อยให้เชลซีครองบอล แต่ทุกครั้งที่แย่งบอลได้จะรีบวางบอลยาวหาพื้นที่ด้านหลังฟูลแบ็ก ทำให้แม้ตัวเลขการครองบอลจะเสียเปรียบ แต่โอกาสยิง 17 ครั้ง 7 เข้ากรอบ บอกชัดว่าการสวนกลับของพวกเขาอันตรายขนาดไหน

📈 สถิติการแข่งขันบอกอะไรบ้าง

เชลซียิงทั้งหมด 19 ครั้ง เข้ากรอบ 4 ครั้ง ครองบอลถึง 67% ส่งบอลสำเร็จ 525 ครั้ง อัตราความแม่นยำ 89% ฟาวล์ 4 ครั้ง ได้ใบเหลือง 1 ใบ ไม่มีใบแดง ติดล้ำหน้า 0 ครั้ง และได้เตะมุมมากถึง 12 ครั้ง

บอร์นมัธยิง 17 ครั้ง เข้ากรอบมากกว่าเป็น 7 ครั้ง แม้ครองบอลเพียง 33% ส่งบอลแค่ 259 ครั้ง ความแม่นยำ 76% แต่จัดฟาวล์ถึง 11 ครั้ง ได้ใบเหลือง 1 ใบ ไม่มีใบแดง ติดล้ำหน้า 1 ครั้ง และได้เตะมุมเพียง 3 ครั้ง ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนภาพว่าเชลซีบุกเป็นชุด แต่บอร์นมัธเน้นความคมและเล่นเกมรับดักโต้กลับอย่างมีวินัย

⏰ เหตุการณ์สำคัญตลอด 90 นาที

  • 🟨 4′ มอยเซส ไกเซโด้ รับใบเหลืองจากจังหวะเข้าบอลหนักกลางสนาม
  • ⚽ 6′ เดวิด บรูคส์ ซัดให้บอร์นมัธขึ้นนำ 0-1 จากการจบสกอร์ในเขตโทษ
  • 🧿 12′ เอสเตวาว โดนทำฟาวล์ในเขตโทษ ผู้ตัดสินให้จุดโทษเชลซี
  • ⚽ 15′ โคล พัลเมอร์ กดจุดโทษตีเสมอ 1-1 อย่างเยือกเย็น
  • ⚽ 23′ เอ็นโซ่ แฟร์นานเดซ ยิงไกลสุดสวยให้เชลซีนำ 2-1 จากการทำชิ่งกับการ์นาโช่
  • ⚽ 27′ จัสติน ไคลเวิร์ต หลุดมาซัดเสียบเสา ตีเสมอ 2-2 ให้บอร์นมัธ เกมเดือดตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก
  • 🔁 46′ เชลซีเปลี่ยนสองคนรวด เปโดร เนโต แทนการ์นาโช่ และรีซ เจมส์ แทนอาชัมปง เสริมความสดริมเส้น
  • 🔁 63′ เจา เปโดร ลงแทนโคล พัลเมอร์ ปรับแนวรุกให้เน้นทะลุแนวลึกมากขึ้น
  • 🔁 78′ บอร์นมัธส่งอามีน อัดลี ลงมาแทนเดวิด บรูคส์ เพื่อเพิ่มพลังสดทางริมเส้นขวา
  • 🔁 82′ เอเนส อูนัล ลงแทนเอวานิลซอน เปลี่ยนหน้าเป้าในช่วงท้ายเกม
  • 🟨 84′ มาร์คัส ทาเวอร์เนียร์ โดนใบเหลืองจากจังหวะตัดเกมกลางสนาม
  • 🔁 87′ เชลซีส่งแอนดรี้ ซานโตส แทนเลียม เดแล็ป เติมมิดฟิลด์รุกในช่วงท้าย
  • 🔁 90+2′ เจมี่ กิทเทนส์ ลงมาแทนเอสเตวาว ที่วิ่งจนหมดแรง
  • 🔁 90+2′ บอร์นมัธเปลี่ยนจัสติน ไคลเวิร์ตออก ส่งอดัม สมิธลงมาช่วยปิดเกมรับ

⭐ Player of the Match: เอสเตวาว ไอ้หนูปีกขวาที่เด้งที่สุดในสนาม

รางวัลแมนออฟเดอะแมตช์ตกเป็นของเอสเตวาว ปีกขวาดาวรุ่งของเชลซีด้วยเรตติ้ง 8.2 เขาคือคนที่ดึงจุดโทษสำคัญในครึ่งแรกจากการลากเลื้อยเข้ากรอบเขตโทษ สร้างปัญหาให้ฟูลแบ็กบอร์นมัธทั้งเกม ด้วยสปีดต้น การเปลี่ยนทิศทางที่ยากจะจับทาง รวมถึงการจ่ายบอลคิลเลอร์พาสหลายครั้ง แม้จะไม่มีชื่อเป็นคนยิง แต่ทุกครั้งที่บอลไปอยู่กับเท้าของเขา กองเชียร์ทั้งสนามจะลุกขึ้นจากที่นั่ง เพราะรู้ว่ามีโอกาสลุ้นสกอร์ตลอด

เอ็นโซ่ แฟร์นานเดซกับเวสลีย์ โฟฟาน่าก็ทำผลงานเด่นตามมาด้วยเรตติ้ง 8.1 และ 8.0 ขณะที่ฝั่งบอร์นมัธ เดวิด บรูคส์, อเล็กซ์ ฆิเมเนซ และจัสติน ไคลเวิร์ต คือสามคนที่ยืนหยัดพาทีมเก็บหนึ่งแต้มสำคัญกลับออกจากลอนดอน

🏆 สถานการณ์ในตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก

ผลเสมอ 2-2 เกมนี้ทำให้เชลซีเพิ่มเป็น 30 คะแนนจาก 19 นัด อยู่ที่ 5 ของตาราง ยังตามกลุ่มลุ้นแชมป์อย่างอาร์เซนอล, แมนฯ ซิตี้, แอสตัน วิลล่า และลิเวอร์พูลแบบมีช่องว่างให้ต้องเร่งเก็บชัยชนะต่อเนื่อง เพราะการพลาดเก็บสามแต้มในบ้านแบบนี้อาจกลายเป็นจุดหักเหในการลุ้นพื้นที่ยุโรปช่วงปลายฤดูกาล

ส่วนบอร์นมัธขยับแต้มเป็น 23 คะแนนจาก 19 นัด รั้งอันดับ 15 ห่างโซนตกชั้นซึ่งมีฟอเรสต์, เวสต์แฮม, เบิร์นลีย์ และวูล์ฟส์ อยู่พอสมควร หนึ่งแต้มจากสแตมฟอร์ดบริดจ์จึงถือว่ามีค่ามหาศาลต่อการหนีตายระยะยาว ทำให้ความมั่นใจในห้องแต่งตัวของลูกทีมอิราโอล่าเพิ่มขึ้นอีกระดับ

📅 ตารางบอล และโปรแกรมบอล นัดถัดไปของทั้งสองทีม

มองไปข้างหน้าในหน้ากระดาน โปรแกรมบอล ของพรีเมียร์ลีก เชลซีต้องเจองานช้างต่อเนื่อง เริ่มจากบุกเยือนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คืนวันที่ 5 มกราคม ก่อนจะทำศึกดาร์บี้แมตช์ลอนดอนกับฟูแล่มในวันที่ 8 มกราคม สองเกมนี้จะเป็นบททดสอบชัดๆ ว่าแผนของมาเรสก้าพร้อมชนทีมใหญ่แค่ไหน

ฝั่งบอร์นมัธไม่เบาเช่นกัน ตารางชี้ให้เห็นว่าพวกเขาจะเปิดบ้านรับอาร์เซนอลในวันที่ 4 มกราคม ก่อนจะเจอสเปอร์สในวันที่ 8 มกราคม ถ้าลูกทีมของอิราโอล่ายังรักษาระดับเกมสวนกลับคมๆ แบบวันนี้ได้ โอกาสเก็บแต้มจากสองทีมลุ้นตั๋วยุโรปก็ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน

📺 ติดตามทุกจังหวะ บ้านผลบอล กับ บ้านกีฬา

ใครที่ตามเชียร์ทั้งเชลซีและบอร์นมัธ รวมถึงอยากเกาะทุกสเต็ปของพรีเมียร์ลีกแบบไม่พลาดสักช็อต บ้านกีฬา ขอชวนมารออัปเดตสกอร์สด ข่าวก่อนแข่ง สถิติเจาะลึก และสรุปหลังเกมสไตล์เจาะใจแฟนบอลไปพร้อมกัน อัปเดต บ้านผลบอล พร้อมบทวิเคราะห์จัดเต็มทุกคืนลูกหนังที่บ้านกีฬา

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา