ที่มาของโทษปรับ 35,000 เหรียญ
ลีกบาสเกตบอล NBA ออกแถลงการณ์ลงโทษ เดวิด แอเดลแมน เฮดโค้ชมือใหม่ของ เดนเวอร์ นักเก็ตส์ ปรับเงินหนักถึง 35,000 เหรียญสหรัฐฯ จากเหตุเดือดในเกมบุกพ่าย ฮิวสตัน ร็อคเก็ตส์ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โทษครั้งนี้มาจากสองข้อหาเต็มๆ คือใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมใส่ทีมงาน ผู้ตัดสิน และไม่ยอมออกจากสนามทันทีตามกฎหลังถูกไล่ออกจากเกม ทำให้ชื่อของเขาถูกจับตามองทันทีในหมู่แฟนยัดห่วงและคนในลีก
แม้จำนวนเงินปรับระดับนี้จะถือว่าไม่ถึงขั้นสูงสุดของมาตรฐานลีก แต่ก็สะท้อนชัดว่า NBA ต้องการส่งสัญญาณเตือนโค้ชทุกคนว่า การระเบิดอารมณ์ใส่กรรมการจนเกินขอบเขต จะไม่ได้รับการมองข้ามอย่างเด็ดขาด
The following has been released by the NBA. pic.twitter.com/3us870DZbH
— NBA Communications (@NBAPR) December 21, 2025
ใบไล่ออกครั้งแรกในอาชีพเฮดโค้ช
ที่สำคัญ เหตุการณ์นี้ยังนับเป็นครั้งแรกในอาชีพของแอเดลแมนที่ถูกไล่ออกจากสนามในฐานะหัวหน้าโค้ช ทั้งที่เพิ่งก้าวขึ้นมาจับบังเหียนเต็มตัวในซีซันนี้เท่านั้น การออกสตาร์ตเส้นทางโค้ชแบบมีใบไล่ติดตัวตั้งแต่ปีแรก ย่อมกลายเป็นเครื่องหมายดอกจันในประวัติการทำงานของเขา ซึ่งสื่อและแฟนบาสย่อมไม่ลืมง่ายๆ
จังหวะเดือดกลางควอเตอร์สี่ จุดแตกหักของเกม
ต้นเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงกลางควอเตอร์สี่ เมื่อแอเดลแมนมองว่า นิโคล่า โยกิช ซูเปอร์สตาร์ตัวความหวังของนักเก็ตส์ ควรได้ฟาวล์จากจังหวะปะทะใต้แป้น แต่กรรมการกลับปล่อยให้เกมไหลต่อไป ความไม่พอใจปะทุทันที เฮดโค้ชเดนเวอร์วิ่งกรูกลางสนาม ตะโกนโวยวายพร้อมชี้หน้าไปยังหนึ่งในผู้ตัดสินแบบไม่เกรงใจใคร จนทีมงานต้องเข้ามากัน และสุดท้ายถูกเป่าฟาวล์เทคนิคสองครั้งติดต่อกันตามระเบียบ ส่งตัวเองขึ้นห้องแต่งตัวก่อนเวลาอันควร
ภาพที่โค้ชพุ่งลงไปกลางคอร์ตต่อหน้าผู้เล่นทั้งสองทีมและแฟนในสนาม กลายเป็นช็อตไวรัลที่ถูกแชร์ไปทั่วโซเชียลในหมู่แฟนบาสทันทีหลังจบเกม
คำอธิบายจากปากแอเดลแมน
หลังเกม แอเดลแมนออกมาอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้น โดยยืนยันว่าเป็นเรื่องของอารมณ์ที่พุ่งขึ้นมาจากเกมล้วนๆ
“ผมรู้สึกว่ามันเป็นปฏิกิริยาต่อเกม นั่นคือสิ่งที่ผมรู้สึก” แอเดลแมน กล่าวหลังจบเกม
เขาเสริมมุมมองต่อการเป่าฟาวล์ในเกมนี้ว่า
“พวกเขามีฟาวล์หนึ่งครั้งเมื่อเหลือเวลาห้านาทีในควอเตอร์ที่สอง และผมรู้สึกว่าทั้งสองทีมเล่นกันอย่างหนักหน่วงและดุดัน… พูดตามตรง ผมสับสน ก็เลยมองหาคำตอบ แล้วปรากฏว่าต้องถูกไล่ออกจากสนามไป”
จากคำพูดเหล่านี้จะเห็นได้ชัดว่า แอเดลแมนรู้สึกคาใจกับมาตรฐานการเป่าฟาวล์ตลอดทั้งเกม และมองว่าทีมของเขาไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่าที่ควร จนสุดท้ายอดกลั้นไม่ไหว
ตัวเลขฟาวล์เท่ากัน แต่ความรู้สึกไม่เท่ากัน
แม้สถิติบนกระดานหลังจบเกมจะระบุชัดว่า ทั้ง ร็อคเก็ตส์ และ นักเก็ตส์ ทำฟาวล์ส่วนตัวไปทีมละ 20 ครั้งเท่ากัน ดูเผินๆ เหมือนการเป่าเป็นกลางและสมดุล แต่สำหรับคนที่อยู่ในสนามจริงอย่างแอเดลแมน การ “รู้สึกว่าถูกกด” มักไม่ได้มองแค่จำนวนครั้งรวมบนสถิติ แต่ไปโฟกัสที่จังหวะสำคัญ วินาทีเปลี่ยนเกม ว่าถูกเป่าหรือไม่ถูกเป่าในช่วงเวลาไหน
โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับสตาร์เบอร์หนึ่งของทีมอย่างโยกิช ทุกครั้งที่เขาไม่ได้ฟาวล์ในจังหวะที่โค้ชคิดว่าสมควรได้ ย่อมกลายเป็นเชื้อไฟให้ความไม่พอใจลุกลามจนยากควบคุม
บทเรียนเรื่องการคุมอารมณ์ของโค้ชใน NBA
เหตุการณ์นี้กลายเป็นตัวอย่างให้เห็นชัดว่า บนเวที NBA ที่เต็มไปด้วยการแข่งขันดุเดือดและแรงกดดันมหาศาล ไม่ใช่แค่ผู้เล่นที่ต้องควบคุมอารมณ์ แต่เฮดโค้ชเองก็ต้องรักษา “สติ” ให้มั่นคงเช่นกัน ลีกมีมาตรการชัดเจนต่อการประท้วงกรรมการเกินเส้น ทั้งใบเทคนิค ใบไล่ออก ไปจนถึงการปรับเงินในภายหลัง เพื่อปกป้องภาพลักษณ์เกมและความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ในสนาม
สำหรับโค้ชหน้าใหม่ การเรียนรู้เส้นแบ่งระหว่างการปกป้องลูกทีมอย่างแข็งกร้าว กับการก้าวข้ามไปสู่การทำผิดวินัย ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะนอกจากจะส่งผลต่อผลการแข่งขันแล้ว ยังสะท้อนถึงความเป็นผู้นำที่ทุกคนในทีมเฝ้ามองอยู่ตลอดเวลา
มุมมองแฟนยัดห่วงจาก บ้านกีฬา
จากสายตาแฟนบาสชาวไทย เหตุการณ์ของแอเดลแมนอาจถูกตีความได้สองด้าน ด้านหนึ่งคือภาพของโค้ชที่ยืนข้างนักเตะแบบสุดตัว พร้อมชนทุกอย่างเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้ทีม แต่อีกด้านก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การด่าเปาและไม่ออกจากสนามทันทีหลังถูกไล่ ย่อมต้องแลกมาด้วยบทลงโทษที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
สุดท้ายแล้ว บทเรียนครั้งนี้อาจทำให้แอเดลแมนเติบโตขึ้นในฐานะกุนซือ รู้จักบาลานซ์อารมณ์กับความเด็ดขาดให้ดีขึ้น ขณะเดียวกันก็เป็นสีสันให้แฟนบาสได้พูดถึงกันสนั่นโลกออนไลน์ และแน่นอนว่าแฟนกีฬาเมืองไทยยังจับตาดูฟอร์มของนักเก็ตส์และปฏิกิริยาข้างสนามของโค้ชรายนี้ต่อไป ว่าจะสงบนิ่งขึ้น หรือจะยังเดือดจัดให้เห็นอีกในอนาคต
แฟนบาสที่อยากติดตามทุกดราม่าเดือด ข่าวแรง และเรื่องร้อนในโลกกีฬา อย่าลืมตามเช็กข่าวเด่น ข่าววันนี้ ได้ที่ บาสสดบ้านกีฬา

