
ในก้าวสำคัญของการใช้กีฬาเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนสังคม การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และ กรมราชทัณฑ์ ผนึกกำลังเปิดตัวความร่วมมือระดับชาติในการผลักดัน “มวยไทย” เข้าสู่เรือนจำทั่วประเทศอย่างเป็นระบบ ผ่านโครงการ “มวยไทยฟอร์ออล” เพื่อให้ผู้ต้องขังได้เรียนรู้ ฝึกฝน และพัฒนาศักยภาพด้านกีฬา เพื่อเปลี่ยน “โทษ” ให้กลายเป็น “โอกาส” พร้อมปูทางสู่การเป็นนักมวยอาชีพ หรือประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับวงการ มวยไทย หลังพ้นโทษ
พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) จัดขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2568 ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา กกท. หัวหมาก โดยมีผู้แทนจากทั้งสองหน่วยงานเข้าร่วมอย่างคับคั่ง นำโดย ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬา, นางจิรภา สินธุนาวา รองปลัดกระทรวงยุติธรรม, นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. และ นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์
ผศ.พิมล กล่าวเน้นว่า มวยไทย คือหนึ่งใน ซอฟต์พาวเวอร์ของไทย ที่ไม่เพียงแค่ถ่ายทอดศิลปะการต่อสู้ แต่ยังสามารถเป็นทักษะชีวิตที่สร้างโอกาสทางอาชีพได้จริง “มวยไทยใช้ได้กับคนทุกกลุ่ม ทุกวัย และในทุกสถานะ ความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้ผู้ต้องขังได้ฝึกฝนเพื่อสุขภาพ และต่อยอดเป็นตัวแทนแข่งขันในระดับเรือนจำ หรือก้าวสู่การเป็นนักมวยมืออาชีพ โค้ช หรือบุคลากรในวงการกีฬาได้เมื่อพ้นโทษ” โดยโครงการนำร่องนี้จะเริ่มใน 13 ทัณฑสถานที่ได้รับการคัดเลือกทั่วประเทศ และจะขยายต่อไปยังเรือนจำอื่น ๆ ในอนาคต
ด้าน นางจิรภา สินธุนาวา ย้ำว่า กระทรวงยุติธรรมให้ความสำคัญกับการ ส่งเสริมทักษะกีฬาในเรือนจำ เพื่อให้ผู้ต้องขังสามารถนำไปใช้สร้างอาชีพและกลับเข้าสู่สังคมในฐานะ “คนดีมีคุณภาพ” ได้จริง ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นต้นแบบของการฟื้นฟูและพัฒนาผู้ต้องขังผ่านเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดอย่าง “กีฬา”
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. เผยว่า การกลับมาร่วมมือกับกรมราชทัณฑ์ในครั้งนี้ เป็นการย้ำจุดยืนของ กกท. ที่จะใช้กีฬาเป็นสื่อกลางเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ต้องขังอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรมมวยไทยในเรือนจำ, การสนับสนุนอุปกรณ์กีฬา, จัดอบรมหลักสูตรผู้ฝึกสอนและผู้ตัดสินมวยไทย ไปจนถึงการพัฒนาให้ผู้ต้องขังที่มีพรสวรรค์สามารถเดินทางต่อในสายอาชีพได้จริง พร้อมเปิดพื้นที่ให้กับการ ดูมวยไทย ในระดับเรือนจำเพื่อเพิ่มแรงบันดาลใจ
ไฮไลต์สำคัญในงานวันนั้นคือการแสดง “คีตะมวยไทย” ชุดพิเศษในชื่อ “อิฐเก่าเล่าตำนาน” โดยผู้ต้องขังจาก ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง ซึ่งเป็นเรือนจำต้นแบบด้านกีฬา การแสดงนี้ตอกย้ำบทบาทของมวยไทยในฐานะมรดกทางวัฒนธรรมที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้อย่างแท้จริง
ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การนำกีฬามาเสริมกำลัง แต่คือการวางรากฐานเพื่อ สร้างอาชีพจากมวยไทย และเปิดทางให้ผู้ต้องขังได้กลับคืนสู่สังคมในแบบที่น่าภาคภูมิใจ ทั้งในฐานะนักกีฬา ครูฝึก หรือผู้ถ่ายทอดซอฟต์พาวเวอร์ไทยไปสู่ระดับสากล
ติดตามข่าวโครงการดี ๆ เพื่อสังคม และความเคลื่อนไหวของวงการ มวยไทย ทุกระดับ พร้อมช่องทาง ดูมวยไทย สดแบบมืออาชีพ ได้ที่ มวยสดบ้านกีฬา