
วงการลูกหนังญี่ปุ่นยังคงสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญบนเวทียุโรปอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด วาตารุ เอ็นโด มิดฟิลด์จอมขยันจาก ลิเวอร์พูล กลายเป็นแข้งซามูไรคนที่ 4 ในประวัติศาสตร์ที่สามารถคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาครองได้สำเร็จ หลัง “หงส์แดง” ระเบิดฟอร์มสุดโหดเปิดรังอัด ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ขาดลอย 5-1 ในเกมนัดสำคัญ เมื่อค่ำคืนวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา
ความสำเร็จของเอ็นโดครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงศักยภาพส่วนตัว แต่ยังตอกย้ำถึงพัฒนาการอันน่าเกรงขามของระบบฟุตบอลญี่ปุ่น ที่กลายเป็นแหล่งผลิตนักเตะคุณภาพสู่ลีกสูงสุดของยุโรปอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ที่ทีมชาติญี่ปุ่นผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายได้ 8 สมัยติดต่อกันตั้งแต่ปี 1998 เป็นต้นมา ความแข็งแกร่งของ “เจลีก 1” ในฐานะเวทีบ่มเพาะฝีเท้าจึงเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลก
หลายสโมสรในญี่ปุ่นพร้อมเปิดทางให้นักเตะก้าวไปสู่ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่กว่า หากมีโอกาสย้ายไปยังลีกชั้นนำอย่าง พรีเมียร์ลีก ซึ่งนับจนถึงปัจจุบัน มีนักเตะญี่ปุ่นถึง 11 รายที่ได้สัมผัสเกมระดับสูงสุดของอังกฤษ ได้แก่ จุนอิจิ อินาโมโตะ, คาซูยูกิ โทดะ, ฮิเดโตชิ นากาตะ, ชินจิ คางาวะ, มายะ โยชิดะ, ชินจิ โอกาซากิ, โยชิโนริ มูโตะ, ทาคุมิ มินามิโนะ, ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ, คาโอรุ มิโตมะ และล่าสุด วาตารุ เอ็นโด ผู้สร้างชื่อกึกก้องในฤดูกาล 2024/25 นี้
หากย้อนดูประวัติศาสตร์ จะพบว่าก่อนเอ็นโด มีเพียง 3 แข้งซามูไรที่เคยสัมผัสแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้แก่ ชินจิ คางาวะ กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฤดูกาล 2012/13, ชินจิ โอกาซากิ กับเลสเตอร์ ซิตี้ ฤดูกาล 2015/16 และ ทาคุมิ มินามิโนะ กับลิเวอร์พูล ฤดูกาล 2019/20
การที่ วาตารุ เอ็นโด ผงาดคว้าแชมป์ในปีนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่า ความขยัน ทุ่มเท และความอดทน คือหัวใจสำคัญของนักเตะญี่ปุ่นบนเวทีที่โหดหินที่สุดของโลก แม้บทบาทของเอ็นโดในฤดูกาลนี้จะไม่โดดเด่นเท่าฤดูกาลก่อน ภายใต้การคุมทีมของ อาร์เน่อ สล็อต ซึ่งลดบทบาทเขาให้กลายเป็นตัวสำรองที่เน้นปิดเกม มากกว่าการเป็นคีย์แมนเหมือนในยุค เจอร์เก้น คล็อปป์ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาคือหนึ่งในจิ๊กซอว์สำคัญของความสำเร็จครั้งนี้
ในซีซั่น 2024/25 วาตารุ เอ็นโด แม้จะไม่ได้ลงตัวจริงใน พรีเมียร์ลีก แม้แต่นัดเดียว แต่เขายังมีส่วนร่วมในลีกถึง 17 นัด เก็บสถิติลงสนาม 157 นาที และหากนับรวมทุกรายการ เอ็นโดลงเล่นไปทั้งสิ้น 29 นัด รวมเวลาในสนาม 762 นาที ตัวเลขเหล่านี้แม้จะดูน้อยเมื่อเทียบกับแกนหลัก แต่ความสำคัญของเขาในฐานะกองกลางที่คอยประคองเกม ป้องกันแดนกลาง และรักษาระเบียบในยามที่ต้องการความแน่นอน เป็นสิ่งที่แฟนบอล “หงส์แดง” ทุกคนรับรู้ได้อย่างแท้จริง
ชัยชนะในฤดูกาลนี้ยังถือเป็นการประกาศศักดาของ ลิเวอร์พูล ว่าไม่ได้มาเล่นๆ การคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 ได้อย่างสง่างาม ด้วยสไตล์การเล่นที่แน่นอน มีวินัย และเปี่ยมด้วยพลังศรัทธา พิสูจน์ให้เห็นว่าทุกเหงื่อและความพยายามของนักเตะทุกคนบนแอนฟิลด์ สมควรได้รับการจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์
สำหรับแฟนบอลที่ชื่นชมการต่อสู้อันไม่ยอมแพ้ของนักเตะเอเชีย การได้เห็น วาตารุ เอ็นโด ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก คือแรงบันดาลใจที่แท้จริง และยืนยันอีกครั้งว่าความพยายามไม่มีวันทรยศใคร
ติดตามทุกข่าวสารลูกหนังสุดเข้มข้น การวิเคราะห์เกมระดับโลก และอัปเดต ผลบอลสด ได้ก่อนใครที่ บอลเจลีกบ้านกีฬา แหล่งรวมข่าวกีฬาที่คุณไว้วางใจ!