
ดัชนี นิเคอิ หรือ Nikkei 225 ของตลาดหลักทรัพย์โตเกียว กลายเป็นจุดสนใจระดับโลกในทันที หลังจากพุ่งทะยานขึ้นแรงถึง 9.13% ภายในวันเดียว ปิดที่ 34,609.00 จุด เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2568 ถือเป็นการปรับตัวขึ้นรายวันที่ร้อนแรงที่สุดในรอบหลายปีของตลาดหุ้นเอเชีย สะท้อนแรงกระเพื่อมจาก สงครามภาษีโลก ที่ปะทุขึ้นอีกระลอก
สำหรับใครที่ยังไม่รู้จัก ดัชนี Nikkei 225 คือดัชนีราคาหุ้นของบริษัทชั้นนำ 225 แห่งในตลาดหุ้นโตเกียว อาทิ Toyota, Sony, SoftBank และ Panasonic โดยเป็นดัชนีสำคัญระดับตำนานของเอเชียที่สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจญี่ปุ่นและทิศทางการลงทุนทั่วภูมิภาค
การทะยานขึ้นครั้งนี้เกิดขึ้นทันทีหลังจาก ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศระงับการบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) กับประเทศพันธมิตรทั่วโลกเป็นเวลา 90 วัน โดย ยกเว้นจีนเพียงประเทศเดียว การตัดสินใจนี้ถูกมองว่าเป็นความพยายามในการผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้า และเปิดทางให้ภูมิภาคเอเชียฟื้นตัวจากแรงกดดันที่สะสมมายาวนาน
ตลาดหุ้นเอเชียตอบรับทันทีด้วยแรงซื้อแบบจัดเต็ม ไม่เพียงแค่ ญี่ปุ่น เท่านั้นที่ได้อานิสงส์ KOSPI ของเกาหลีใต้พุ่ง 6.60% ปิดที่ 2,445.06 จุด, S&P/ASX 200 ของออสเตรเลียทะยานขึ้น 4.54% ปิดที่ 7,709.60 จุด ส่วน CSI 300 ของจีนแม้เป็นเป้าหลักของมาตรการภาษีก็ยังขยับบวก 1.31% ปิดที่ 3,735.32 จุด
ในขณะเดียวกัน จีนได้โต้กลับอย่างร้อนแรง ประกาศขึ้นภาษี นำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ในหลายหมวดหมู่ โดยบางรายการถูกขึ้นภาษีสูงสุดถึง 125% สร้างแรงสั่นสะเทือนทันทีต่อ ห่วงโซ่อุปทานโลก และทำให้ภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกต้องกลับมาทบทวนกลยุทธ์ใหม่อีกครั้ง
ปัจจัยพื้นฐานที่ผลักดัน “นิเคอิ” พุ่งแรง
นักวิเคราะห์การเงินชี้ว่า การปรับตัวขึ้นของ นิเคอิ ครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การเก็งกำไรสั้น ๆ แต่มีปัจจัยพื้นฐานหลายประการร่วมสนับสนุน:
- ค่าเงินเยนอ่อนค่า: ล่าสุดเยนอ่อนลงแตะระดับ 153 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งถือว่าอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 34 ปี ทำให้บริษัทญี่ปุ่นที่เน้นการส่งออกได้รับประโยชน์เต็ม ๆ จากการแลกเปลี่ยนเงินตรา
- ราคาน้ำมันลดลง: ญี่ปุ่นนำเข้าพลังงานจำนวนมาก เมื่อต้นทุนพลังงานลดลง ย่อมส่งผลบวกต่อบริษัทอุตสาหกรรมและภาคการผลิต
- นโยบายของ BOJ: แม้ธนาคารกลางญี่ปุ่นเพิ่งขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 17 ปีเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่ยังคงเดินหน้า นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ทำให้ตลาดหุ้นยังได้แรงสนับสนุนจากสภาพคล่องในระบบ
วิเคราะห์เชิงเทคนิคและแนวโน้มในระยะถัดไป
นักวิเคราะห์จาก บล.บัวหลวง ประเมินว่า ดัชนี นิเคอิ มีแนวรับสำคัญอยู่ที่ 33,000 จุด และหากโมเมนตัมบวกยังเดินหน้าต่อ มีโอกาสทะลุแนวต้านในกรอบ 36,000–38,000 จุด ภายในไตรมาสหน้า โดยเฉพาะหากไม่มีข่าวลบด้านภูมิรัฐศาสตร์เข้ามากระทบ
นักลงทุนไทยลงทุน “นิเคอิ” ได้อย่างไร?
ปัจจุบันการลงทุนใน ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เปิดกว้างกว่าที่เคย สำหรับนักลงทุนไทยสามารถลงทุนใน Nikkei 225 ได้หลายช่องทาง:
- ผ่าน ETF ที่อิงกับ Nikkei 225 ซื้อขายได้ง่ายผ่านตลาดหุ้นในไทย
- กองทุนรวมต่างประเทศ จากบลจ.ชั้นนำที่ลงทุนในหุ้นญี่ปุ่น
- บัญชีโบรกเกอร์ต่างประเทศ ที่สามารถซื้อหุ้นญี่ปุ่นแบบรายตัวโดยตรง
การกระจายพอร์ตการลงทุนไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่น กำลังเป็นเทรนด์ที่มาแรงในยุคที่ตลาดหุ้นทั่วโลกเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด
บ้านกีฬาสรุปให้ โอกาสหรือสัญญาณเตือน?
แม้การพุ่งขึ้นของ ดัชนีนิเคอิ จะดูน่าตื่นเต้นและน่าลงทุน แต่ก็ถือเป็น สัญญาณเตือน ว่าโลกการเงินยังเปราะบาง และขึ้นอยู่กับนโยบายของประเทศมหาอำนาจเพียงไม่กี่แห่ง หากสงครามภาษีระหว่าง สหรัฐฯ–จีน ปะทุรอบใหม่ ตลาดอาจพลิกผันลงได้อย่างรวดเร็ว
หากคุณไม่อยากพลาดทุกความเคลื่อนไหวของ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น และการวิเคราะห์เศรษฐกิจระดับโลก ติดตามได้ที่ ข่าวกระแสมาแรงบ้านกีฬา ที่เดียวครบทุกมุมมอง!