
ค่ำคืนวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา สนามกลางที่ระอุด้วยเสียงเชียร์และไฟในดวงตาของแฟนบอลทั่วโลก กลายเป็นเวทีโชว์ความโหดของ กอนซาโล่ การ์เซีย ดาวยิงหนุ่มเลือดร้อนของ เรอัล มาดริด ที่ระเบิดฟอร์มร้อนแรงสุดขีด ส่องประตูตั้งแต่ต้นเกม พา “ราชันชุดขาว” เบียดเอาชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สุดระทึก 3-2 ในศึก ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ รอบแปดทีมสุดท้าย พร้อมทำสถิติยิงประตูในรายการเดียวเทียบเท่ากับตำนานอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้อย่างน่าตะลึง
เกมนี้เรอัล มาดริดเปิดฉากด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม เดินเกมบุกเข้าใส่เสือเหลืองตั้งแต่นาทีแรก และเพียงแค่นาทีที่ 10 กองหน้าดาวรุ่งเจ้าของความหวังของสโมสรอย่างการ์เซียก็ไม่ปล่อยให้แฟนๆ ต้องรอนาน เขาโชว์ความเฉียบขาด ซัดบอลพุ่งเสียบตาข่ายให้ทีมขึ้นนำอย่างรวดเร็ว กลายเป็นประตูที่ 4 ของเขาในรายการนี้ทันที ตัวเลขที่ทำให้เขาจารึกชื่อเคียงข้างกับโรนัลโด้ที่เคยทำได้เมื่อปี 2016 อย่างสง่างาม
แม้เกมนี้ราชันชุดขาวจะออกนำไปถึง 3-1 แต่ช่วงท้ายเกมพวกเขาก็ต้องเจอกับบททดสอบหนักเมื่อ ดีน เฮาเซ่น กองหลังดาวรุ่งชาวสเปนไปพลาดโดนใบแดง ไล่กลับห้องแต่งตัว ทำให้ทีมต้องลงเล่นสิบคนในช่วงท้าย และเปิดโอกาสให้ดอร์ทมุนด์ตีตื้นมาจนสกอร์จบที่ 3-2 อย่างหวุดหวิด แต่สุดท้ายก็ยังรักษาสามแต้มพร้อมตั๋วสู่รอบต่อไปไว้ได้
สำหรับการ์เซียแล้ว ค่ำคืนนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในเส้นทางลูกหนังของเขา หัวหอกวัยเพียง 21 ปีถูกจับตามองมาตลอดตั้งแต่สมัยระเบิดฟอร์มในทีมชุดบีของมาดริด ด้วยผลงานสุดโหดซัดไป 25 ประตูจาก 36 นัด จนถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในฤดูกาลนี้ และยังคงรักษามาตรฐานการถล่มประตูได้อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเขาทำไปแล้ว 4 ประตูจาก 10 นัดกับทีมชุดใหญ่ในทุกรายการ ซึ่งน่าสนใจอย่างยิ่งที่ทั้ง 4 ประตูล้วนเกิดขึ้นในเวที ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ทั้งหมด แสดงให้เห็นถึงสัญชาตญาณของดาวยิงที่ไม่กลัวเวทีใหญ่
แฟนราชันชุดขาวคงยิ้มออกเมื่อเห็นเพชรเม็ดงามคนนี้กำลังเจียระไนตัวเองขึ้นสู่การเป็นหัวหอกตัวหลักในอนาคต และค่ำคืนนี้คือหลักฐานชัดเจนว่าเด็กหนุ่มผู้นี้มีของจริงในตัว พร้อมแบกความหวังของเบอร์เสื้อสีขาวต่อไป
ติดตามทุกข่าวร้อน ข่าวเดือด และบทวิเคราะห์แบบถึงแก่นของโลกฟุตบอลได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา