
จาก : ผลบอลสด อีเอฟแอลแชมเปียนชิป ระหว่าง เลสเตอร์ ซิตี้ 2-1 ดาร์บี้ เค้าท์ตี้ วันนี้ 30/12/68 – บ้านกีฬา
บ้านกีฬา พาเกาะสนามคิง เพาเวอร์ สเตเดียม เกมอีเอฟแอลแชมเปียนชิปที่จังหวะมันส์ตั้งแต่นาทีแรก ตามหน้า ผลบอลสด ระบุชัด เลสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านเบียดชนะ ดาร์บี้ เค้าท์ตี้ 2-1 ในเกมที่รูปเกมสูสี แต่ความคมและความเยือกเย็นหน้าปากประตูเป็นฝั่งเจ้าถิ่นที่ทำได้ดีกว่า ก่อนเก็บสามแต้มสำคัญขยับจี้โซนเพลย์ออฟเข้าไปอีกก้าว
🕐 ครึ่งแรก: ยิงกันตั้งแต่นกหวีดดัง
เริ่มมาแค่หกนาที เลสเตอร์กดดันสูงตั้งแต่แดนหน้า บอลถูกเคาะจากฝั่งซ้ายมาที่หัวกะทิของทีมอย่าง บ็อบบี้ เดคอร์โดวา-รีด หลุดเข้าเขตโทษก่อนกดเน้น ๆ ส่งบอลเสียบตาข่ายให้เจ้าบ้านนำ 1-0 แบบยังไม่ทันได้เหงื่อ ดาร์บี้ไม่ยอมหมอบ กลับมาบุกกดดันทันที และเพียงนาทีที่ 9 ก็เอาคืนได้สำเร็จ จากจังหวะครอสทางซ้ายของ คัลลัม เอลเดอร์ ไปเข้าทาง ริอาน บรูว์สเตอร์ โฉบโหม่งตุงตาข่าย เกมกลับมาเท่ากัน 1-1 ตั้งแต่ไก่โห่
หลังจากนั้นรูปเกมเปิดแลกสนุก ดาร์บี้ครองบอลได้มากกว่า ใช้การต่อบอลสั้นไหลลื่นตรงกลางสนามผ่าน แซนเดอร์สัน กับ อีบู อดัมส์ คุมจังหวะ ขณะที่เลสเตอร์อาศัยการสวนกลับเร็ว ใช้ความเร็วของ สเตฟี มาวิดิตี กับ อับดุล ฟาตาวู อิสซาฮาคู เล่นงานแนวรับทีมเยือน จนกระทั่งนาทีที่ 41 เลสเตอร์มาได้ประตูสำคัญจากการทำชิ่งฝั่งซ้าย บอลถูกไหลย้อนให้ จอร์แดน เจมส์ ตั้งเท้าซัดนอกกรอบเสียบมุม กลายเป็นประตูให้เจ้าถิ่นนำ 2-1 ก่อนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
🕑 ครึ่งหลัง: เลสเตอร์เน้นวินัย ดาร์บี้ไล่กดดันจนวูบวาบท้ายเกม
ครึ่งหลัง มาร์ติ ซิฟูเอนเตส แก้เกมทันที ส่ง ริคาร์โด เปเรย์รา ลงมาเติมเกมรุกฝั่งขวาแทน ฮัมซ่า ชูดูรี่ เพื่อช่วยดันทีมให้ขึ้นไปเล่นสูงกว่าเดิม แต่จังหวะลุ้นประตูของเลสเตอร์กลับไม่ชัดเจนเหมือนช่วงต้นเกม ดาร์บี้เริ่มตั้งเกมได้มากขึ้น ใช้สองกองหน้า บรูว์สเตอร์ กับ เบรเรตอน ดิอาซ ไล่บีบเซ็นเตอร์เจ้าถิ่นจนต้องเคลียร์ทิ้งหลายครั้ง
ช่วงกลางครึ่งหลังทั้งสองทีมเปลี่ยนตัวชุดใหญ่ เลสเตอร์ส่ง อารอน แรมซีย์, ซิลโก โธมัส, หลุยส์ เพจ และ เยเรมี มองก้า ลงมาช่วยไล่เพรสและเก็บบอล ส่วนดาร์บี้ตอบโต้ด้วยการถอดคู่หอกตัวจริงออก ส่ง คอรี แบล็กเก็ตต์-เทย์เลอร์ กับ ลาร์ส-เยอร์เกน ซัลเวเซน ลงมาเติมความสด ก่อนตามด้วย อันเดรียส ไวมันน์ และ เลวิส ทราเวิส ในช่วงท้าย
10 นาทีสุดท้ายกลายเป็นช่วงที่ดาร์บี้บุกหนัก หวังตีเสมอให้ได้ แต่แนวรับเลสเตอร์ยังยืนกันเหนียว โดยมี ลุค โธมัส กับ เบน เนลสัน ช่วยกันเคลียร์ลูกอันตรายหลายจังหวะ นาที 83 จอร์แดน เจมส์ โดนใบเหลืองจากจังหวะตัดฟาวล์กลางสนาม ก่อนที่ทดเจ็บจะเดือดอีกครั้งจากการปะทะของ เคย์เดน แจ็กสัน กับ เลียม ทอมป์สัน จนทั้งคู่โดนจดชื่อเพิ่ม เกมจบลงที่สกอร์เดิม 2-1 เจ้าถิ่นคว้าชัยแบบหืดเล็ก ๆ แต่สะใจแฟนบอลเต็ม ๆ

📋 รายชื่อตัวจริง คะแนน และการเปลี่ยนตัว
🦊 เลสเตอร์ ซิตี้ (4-2-3-1, เรตติ้งทีม 6.79)
ผู้รักษาประตู
- ยาคุบ สโตลาร์ชิค (6.4) ยืนเฝ้าเสา เซฟลูกยิงสำคัญช่วงท้ายเกม
กองหลัง
- แบ็กซ้าย: ลุค โธมัส (7.1) เติมเกมรุกจัด ๆ มีส่วนกับประตูนำ 2-1
- เซ็นเตอร์แบ็ก: เบน เนลสัน (7.1), คาเล็บ โอโคลี (6.9) คู่หูคุมหัวใจแนวรับ
- แบ็กขวา: ฮัมซ่า ชูดูรี่ กัปตันทีม (7.0) ช่วยบีบเกมริมเส้นก่อนถูกเปลี่ยนออก
กองกลาง
- โอลิเวอร์ สกิปป์ (7.0) คอยตัดเกมหน้าแผงแบ็กโฟร์
- จอร์แดน เจมส์ (7.3) เดินเกมจากกลางสนามและซัดประตูชัยสุดสวย
แนวรุก
- ปีกซ้าย: สเตฟี มาวิดิตี (6.6) ดึงตัวประกบเปิดพื้นที่ให้เพื่อน
- ปีกขวา: อับดุล ฟาตาวู อิสซาฮาคู (6.6) แอสซิสต์ให้ประตูขึ้นนำ 1-0
- หน้าต่ำ: บ็อบบี้ เดคอร์โดวา-รีด (7.6) ทำหนึ่งประตู ขยันไล่บีบทั้งเกม
กองหน้า
- จอร์แดน อายิว (6.3) เคลื่อนที่ดึงแนวรับ เปิดช่องให้ตัวรุกสองข้าง
ตัวสำรองที่ใช้งาน
- ริคาร์โด เปเรย์รา (6.8) ลงนาที 51 แทน ชูดูรี่ เพิ่มคุณภาพเกมบุกฝั่งขวา
- อารอน แรมซีย์ (6.7) ลงนาที 65 แทน เดคอร์โดวา-รีด ก่อนถูกถอดนาที 69
- ซิลโก โธมัส (6.3) ลงนาที 65 แทน อายิว เพิ่มความสดในแดนหน้า
- หลุยส์ เพจ (6.9) ลงนาที 69 แทน แรมซีย์ ช่วยล็อกเกมริมเส้นช่วงกดดัน
- เยเรมี มองก้า (6.0) ลงนาที 69 แทน อิสซาฮาคู เน้นเกมโต้กลับเร็ว
ตัวสำรองไม่ได้ลงสนาม
- แอสมิร์ เบโกวิช, โอลาบาเด อาลูโก, วูต แฟส, ฮูเลียน การันซา
ผู้เล่นบาดเจ็บ / ไม่พร้อม
- วิคเตอร์ คริสเตียนเซน, บูบาการี ซูมาเร, แฮร์รี เซาตตาร์ (เช็กฟิต), แยนิก เวสเตอร์การ์ด
🐏 ดาร์บี้ เค้าท์ตี้ (4-4-2, เรตติ้งทีม 6.53)
ผู้รักษาประตู
- ยาค็อบ วัลเดมาร์ เซตเทอร์สตรอม (6.0) เจองานชิ้นโบ้ใหญ่จากสองประตูของเจ้าถิ่น
กองหลัง
- แบ็กซ้าย: เลียม ทอมป์สัน (6.9) วิ่งขึ้นลงตลอดเกม แม้จะมาโดนใบเหลืองช่วงทดเจ็บ
- เซ็นเตอร์แบ็ก: ไมเคิล คลาร์ก (6.4), เบน คลาร์ก (6.0) พยายามหยุดเกมรุกเลสเตอร์แต่ยังมีหลุดหลายจังหวะ
- แบ็กขวา: คัลลัม เอลเดอร์ (6.8) ทำแอสซิสต์ลูกตีเสมอให้ทีม
กองกลาง
- ปีกขวา: พานูเชย์ อาเกเยมัง (6.4) ลากเลื้อยสร้างปัญหาให้แบ็กซ้ายเจ้าบ้าน
- คู่กลาง: ดิออน แซนเดอร์สัน (6.5), อีบู อดัมส์ กัปตันทีม (7.1) คุมจังหวะและเชื่อมเกมรุก
- ปีกซ้าย: ซิกูร์ด เค ลังกาส (6.3) คอยโยนบอลเข้ากรอบเขตโทษ
กองหน้า
- เบน เบรเรตอน ดิอาซ (6.3) พยายามหาพื้นที่จบสกอร์แม้โอกาสไม่มาก
- ริอาน บรูว์สเตอร์ (7.4) ยิงประตูตีเสมอ 1-1 ให้ทีมตั้งแต่ต้นเกม
ตัวสำรองที่ใช้งาน
- คอรี แบล็กเก็ตต์-เทย์เลอร์ (6.7) ลงนาที 67 แทน บรูว์สเตอร์ เติมความจัดจ้านริมเส้น
- ลาร์ส-เยอร์เกน ซัลเวเซน (6.1) ลงนาที 67 แทน เบรเรตอน ดิอาซ ช่วยปักหลักในเขตโทษ
- อันเดรียส ไวมันน์ (6.6) ลงนาที 73 แทน เบน คลาร์ก เปลี่ยนระบบเติมกองหน้าตัววิ่ง
- เลวิส ทราเวิส (6.4) ลงนาที 89 แทน อีบู อดัมส์ เสริมความสดแดนกลาง
- เคย์เดน แจ็กสัน (6.5) ลงนาที 89 แทน เอลเดอร์ ก่อนมาโดนใบเหลืองช่วงทดเวลา
ตัวสำรองไม่ได้ลงสนาม
- ริชาร์ด โอดอนเนลล์, เคอร์ติส เนลสัน, เคร็ก ฟอร์ไซธ์, แดนนี แบตธ์
ผู้เล่นบาดเจ็บ / ไม่พร้อม
- คาร์ลตัน มอร์ริส, โอเวน เบ็ค, เดวิด โอซอห์ (เช็กฟิต), จอช วิคเกอร์ส, โจ วอร์ด (แบน)
📊 วิเคราะห์บอลการรุกและการรับ
เกมนี้เลสเตอร์ยืนระบบ 4-2-3-1 แบบชัดเจน การขึ้นเกมเริ่มจากคู่เซ็นเตอร์ เนลสัน–โอโคลี ไล่ไหลบอลออกซ้ายไปที่ ลุค โธมัส ให้เป็นตัวเริ่มจุดระเบิดเกมรุก โดยมี มาวิดิตี กับ เดคอร์โดวา-รีด ขยับเข้ามารับบอลระหว่างไลน์ ทำให้แนวรับดาร์บี้ต้องถอยร่นเปิดพื้นที่ให้ เจมส์ สอดขึ้นมาทำประตูที่สอง จังหวะเปลี่ยนจากรับเป็นรุกของเลสเตอร์ทำได้เฉียบ ใช้การออกบอลจังหวะเดียวจาก สกิปป์ ตัดผ่านกลางสนามอย่างแม่นยำ ถือเป็นภาพชัดของการเล่นเชิงรุกที่มีแบบแผนในมุมมองของการ วิเคราะห์บอล
ในเกมรับ เลสเตอร์พยายามยืนบล็อกกลางสนาม ไม่ไล่เพรสสูงตลอดเวลา แต่คอยดักเก็บบอลจังหวะสอง เมื่อเสียบอล ปีกสองฝั่งจะหุบเข้ามาช่วยบีบแดนกลาง ทำให้ดาร์บี้แม้ครองบอลมากกว่า แต่เจาะพื้นที่ในเขตโทษได้น้อย ส่วนดาร์บี้ในระบบ 4-4-2 ใช้การต่อบอลสั้นสลับโยนยาวไปหาคู่หน้า บรูว์สเตอร์ กับ เบรเรตอน ดิอาซ จุดเด่นคือการเคลื่อนที่หาช่องระหว่างแบ็กกับเซ็นเตอร์ อย่างไรก็ตาม เมื่อคู่หน้าถูกเปลี่ยนออก เกมรุกเริ่มฝืด ต้องหวังจากลูกตั้งเตะและการครอสจากริมเส้นเป็นหลัก เกมรับของดาร์บี้พอรับมือบอลครอสได้ดี แต่มีปัญหาเรื่องการดันไลน์และการตามประกบตัวทะลุครึ่งช่อง จนโดนยิงสองประตูทั้งจากการเข้าทำระยะอันตรายหน้ากรอบเขตโทษ

📈 สถิติการแข่งขันสะท้อนรูปเกม
ตัวเลขหลังเกมบอกชัดว่าเกมนี้สูสี เลสเตอร์มีโอกาสยิงทั้งหมด 9 ครั้ง เข้ากรอบ 3 ครั้ง ขณะที่ดาร์บี้ยิง 8 ครั้ง เข้ากรอบ 2 ครั้ง ฝั่งทีมเยือนครองบอลมากกว่า 56% ต่อ 44% ของเจ้าถิ่น แต่เลสเตอร์ใช้โอกาสได้คมกว่า เปลี่ยนสองจากสามครั้งที่เข้ากรอบให้เป็นสกอร์จริง ๆ เกมเต็มไปด้วยการปะทะกลางสนาม ฟาวล์รวมกัน 22 ครั้ง (เลสเตอร์ 10, ดาร์บี้ 12) ใบเหลืองเจ้าบ้าน 1 ใบ ทีมเยือน 2 ใบ ไม่มีใบแดง ล้ำหน้าฝั่งดาร์บี้ 1 ครั้ง ขณะที่ลูกเตะมุมเป็นทีมเยือนที่ได้มากกว่าเล็กน้อย 4 ต่อ 3 สะท้อนว่าดาร์บี้บุกใส่อยู่เรื่อย แต่เลสเตอร์เล่นตรงเป้าและปิดจังหวะสำคัญได้ดีกว่า
⏱️ เหตุการณ์สำคัญของเกม
⚽ 6′ เลสเตอร์ขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ อิสซาฮาคู ไหลบอลให้ บ็อบบี้ เดคอร์โดวา-รีด หลุดเข้าไปซัดไม่เหลือ
⚽ 9′ ดาร์บี้ตีเสมอ 1-1 คัลลัม เอลเดอร์ เปิดบอลทางซ้ายเข้าเขตโทษ ริอาน บรูว์สเตอร์ โฉบโหม่งตุงตาข่าย
⚽ 41′ เลสเตอร์ออกนำ 2-1 ลุค โธมัส เติมสูงก่อนไหลย้อนให้ จอร์แดน เจมส์ ซัดด้วยขวาหน้ากรอบเขตโทษเสียบเสา
🔁 51′ เลสเตอร์เปลี่ยนตัว ส่ง ริคาร์โด เปเรย์รา แทน ฮัมซ่า ชูดูรี่ เสริมเกมรุกริมเส้นขวา
🔁 65′ เลสเตอร์ส่ง ซิลโก โธมัส แทน จอร์แดน อายิว เพื่อเติมความสดแดนหน้า
🔁 65′ เลสเตอร์ถอด บ็อบบี้ เดคอร์โดวา-รีด ออก ส่ง อารอน แรมซีย์ ลงมาคุมเกมรุกกลางสนาม
🔁 67′ ดาร์บี้เปลี่ยนคู่หน้า ถอด ริอาน บรูว์สเตอร์ ส่ง คอรี แบล็กเก็ตต์-เทย์เลอร์ ลงไปเล่นริมเส้นและขยับระบบ
🔁 67′ ดาร์บี้ถอด เบน เบรเรตอน ดิอาซ ส่ง ลาร์ส-เยอร์เกน ซัลเวเซน ลงมายืนหน้าเป้า
🔁 69′ เลสเตอร์เปลี่ยนสองคนติด ส่ง เยเรมี มองก้า แทน อิสซาฮาคู และ หลุยส์ เพจ แทน แรมซีย์
🔁 73′ ดาร์บี้ส่ง อันเดรียส ไวมันน์ ลงแทน เบน คลาร์ก เพิ่มจำนวนตัวรุกในกรอบเขตโทษ
🟨 83′ จอร์แดน เจมส์ รับใบเหลืองจากจังหวะตัดเกมกลางสนาม
🔁 89′ ดาร์บี้ถอด อีบู อดัมส์ ส่ง เลวิส ทราเวิส ลงมาไล่เพรสแดนกลาง
🔁 89′ ดาร์บี้ถอด คัลลัม เอลเดอร์ ส่ง เคย์เดน แจ็กสัน ลงไปวิ่งไล่แนวรับเลสเตอร์
🟨 90+6′ เคย์เดน แจ็กสัน โดนใบเหลืองจากจังหวะปะทะและโวยผู้ตัดสิน
🟨 90+6′ เลียม ทอมป์สัน รับใบเหลืองจากการทำฟาวล์หนักริมเส้น
⭐ Player of the Match: บ็อบบี้ เดคอร์โดวา-รีด
หัวใจเกมรุกของเลสเตอร์สมควรได้รับรางวัลนี้เต็ม ๆ เดคอร์โดวา-รีด ได้คะแนนสูงสุดของทีมที่ 7.6 ไม่ใช่แค่เพราะประตูขึ้นนำ 1-0 แต่เพราะการเคลื่อนที่ลงต่ำเชื่อมเกมระหว่างกลางกับริมเส้น ทำให้แนวรับดาร์บี้ต้องตามประกบจนเสียรูปทรงหลายครั้ง เขาช่วยเปิดพื้นที่ให้ เจมส์ มีจังหวะสอดขึ้นมาทำประตูที่สอง แถมยังเป็นคนคอยไล่เพรสด่านแรกทุกครั้งที่ทีมเสียบอล ถ้าไม่มีฟอร์มของเขา เกมนี้เลสเตอร์อาจไม่ปิดจ็อบสามแต้มได้ง่าย ๆ แบบนี้

📊 สถานการณ์บนตารางคะแนนอีเอฟแอลแชมเปียนชิป
ชัยชนะเกมนี้ส่งให้เลสเตอร์ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 12 ของตาราง แข่ง 24 นัด ชนะ 9 เสมอ 7 แพ้ 8 ยิงได้ 34 เสีย 34 ประตู ผลต่างประตูได้เสียกลับมาเท่ากันที่ 0 และมี 34 คะแนน เทียบกับโซนเพลย์ออฟอันดับ 6 อย่างวัตฟอร์ดที่มี 38 คะแนน ถือว่าระยะห่างยังพอไล่ทันหากรักษามาตรฐานผลงานในบ้านให้เหนียวแน่นแบบนี้ต่อไป
ส่วนดาร์บี้ เค้าท์ตี้ หล่นไปอยู่กลางตารางตอนล่างที่อันดับ 14 แข่ง 24 นัด ชนะ 8 เสมอ 8 แพ้ 8 ยิงได้ 33 เสีย 33 ผลต่างประตูได้เสีย 0 และมี 32 คะแนน สถิติ 8-8-8 ที่ดูสมดุลเกินไปสะท้อนชัดว่าทีมยังขาดความคงเส้นคงวา หากอยากลุ้นพื้นที่เพลย์ออฟ พวกเขาจำเป็นต้องเร่งเก็บชัยชนะให้มากกว่านี้โดยเฉพาะเวลาเจอทีมกลุ่มกลางตารางด้วยกันเอง
📅 ตารางบอลแชมเปียนชิปนัดถัดไป
โปรแกรมในลีกยังแน่นปึ้ก เลสเตอร์ต้องออกไปเยือน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในเกมสำคัญนัดต่อไป ก่อนจะกลับมาเปิดบ้านรับมือ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน ซึ่งทั้งสองแมตช์ถือเป็นบททดสอบใหญ่ของทีมของซิฟูเอนเตส หากเก็บแต้มได้ต่อเนื่อง เส้นทางไล่ล่าพื้นที่เพลย์ออฟจะเปิดกว้างทันที สำหรับดาร์บี้ พวกเขามีคิวเล่นในบ้านต่อเนื่อง พบ มิดเดิลสโบรช์ แล้วตามด้วยดวล เร็กซ์แฮม เกมในถิ่นนี่แหละคือโอกาสทองที่จะเรียกความมั่นใจกลับมา แฟนบอลที่อยากเช็กเวลาเตะ ช่องถ่ายทอดสด และอัปเดต โปรแกรมบอล แบบครบ ๆ อย่าลืมแวะเช็กที่ บ้านกีฬา ก่อนบอลเตะทุกครั้ง
📣 ติดตาม บ้านผลบอล กับ บ้านกีฬา
ใครที่อยากรู้สกอร์แบบเรียลไทม์ เช็กฟอร์มทีมรัก และสรุปทุกแมตช์เด็ดสไตล์เจาะลึกเหมือนนั่งคุยกับเพื่อนข้างสนาม บ้านกีฬา จัดให้ครบทั้ง บ้านผลบอล เช็กสกอร์ย้อนหลัง, รายงาน ผลบอลสด นาทีต่อนาที, บทวิเคราะห์ และข่าวอัปเดตจากทุกมุมของวงการลูกหนัง แฟนบอลห้ามพลาด กดเข้ามาเช็กทุกวัน ไม่มีตกข่าวแน่นอน

