บ้านผลบอล สรุปหลังเกม คูคูเรญ่าซัดชัย! สิงห์บลูส์เฉือนผีแดง 1-0 ดันขึ้นท็อปโฟร์ พรีเมียร์ลีกลุกเป็นไฟ

จาก : ผลบอลสด พรีเมียร์ลีก 2025 ระหว่าง เชลซี 1-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วันนี้ 17/5/68 – บ้านกีฬา

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2024/25 กลายเป็นแมตช์ที่ทั้งเชลซีและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต้องสู้กันด้วยเดิมพันที่ต่างกันสิ้นเชิง แต่ผลลัพธ์สุดท้ายคือชัยชนะของ “สิงห์บลูส์” ที่เฉือนเอาชนะไปได้ 1-0 จากประตูโทนของ มาร์ก กูคูเรญ่า นาที 71 ทำให้ทีมของเอ็นโซ่ มาเรสก้า เก็บ 3 แต้มสำคัญ ขยับแต้มขึ้นไปทาบอันดับ 4 ได้แบบสุดระทึก ในขณะที่ฝั่งปีศาจแดงของรูเบน อาโมริม ยังจมอยู่ท้ายตาราง ส่อเค้าวิกฤตตกชั้นเต็มตัว โดย บ้านกีฬา จะพาไปเจาะลึกทุกช็อตทุกประเด็นพร้อมอัปเดต ผลบอลสด สไตล์เข้มข้นคมชัด

ครึ่งแรกของเกมที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นไปอย่างสูสี แม้แมนฯ ยูไนเต็ดจะครองบอลได้มากกว่า แต่ยังไม่สามารถเจาะแนวรับของเชลซีที่จัดระเบียบกันมาอย่างดีได้ ส่วนฝั่งเจ้าบ้านเองก็มีจังหวะเข้าทำที่วูบวาบจาก โคล พาล์มเมอร์ และ เอนโซ่ เฟร์นานเดซ แต่ยังไม่เด็ดขาดพอ ทั้งสองทีมผลัดกันได้ลูกเตะมุมบ้าง แต่ยังไม่มีโอกาสชัดเจนพอจะเปลี่ยนเป็นสกอร์ จบครึ่งแรกเสมอกัน 0-0 โดยมีจังหวะ VAR ย้อนหลังยกเลิกประตูของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ นาที 17 ที่ทำให้ฝั่งยูไนเต็ดพลาดโอกาสทอง

ครึ่งหลังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ นาที 71 แฟนบอลเจ้าถิ่นได้เฮลั่นเมื่อ รีซ เจมส์ เติมเกมขึ้นมาทางขวาก่อนเปิดเข้ากลาง และเป็น มาร์ก กูคูเรญ่า ที่สอดขึ้นมาซัดเต็มข้อไม่เหลือซาก ส่งเชลซีขึ้นนำ 1-0 และกลายเป็นประตูชัยในเกมนี้ แม้แมนฯ ยูไนเต็ดจะพยายามแก้เกมเปลี่ยนตัวส่งการ์นาโช่, มาอิโน และอูการ์เต้ ลงมา แต่ก็ไม่สามารถสร้างความแตกต่างได้ สุดท้ายปีศาจแดงต้องจบเกมด้วยความพ่ายแพ้แบบไร้แต้มกลับบ้านอีกนัด

รายชื่อนักเตะตัวจริงและการเปลี่ยนตัว

เชลซี (ระบบ 4-2-3-1):
ผู้รักษาประตู: โรเบิร์ต ซานเชซ
กองหลัง: รีซ เจมส์ (กัปตัน), โตซิน อดาราไบโอโย, ลีวาย โคลวิลล์, มาร์ก กูคูเรญ่า
กองกลาง: เอนโซ่ เฟร์นานเดซ, มอยเซส ไกเซโด้
ตัวรุก: โคล พาล์มเมอร์, เปโดร เนโต้, นอนี่ มาดูเอเก้
หน้าเป้า: ทีเจ จอร์จ

ตัวสำรองที่ถูกเปลี่ยนลง: โรเมโอ ลาเวีย (แทน จอร์จ น.81), มาโล กุสโต้ (แทน เนโต้ น.90)

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ระบบ 3-4-2-1):
ผู้รักษาประตู: อังเดร โอนาน่า
กองหลัง: วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, นุสแซร์ มาซราอุย
กองกลาง: ลุค ชอว์, เมสัน เมาท์, คาเซมิโร่, แพทริก ดอร์กู
ตัวรุก: บรูโน่ แฟร์นันด์ส (กัปตัน), อาหมัด ดิยัลโล่
หน้าเป้า: ราสมุส ฮอยลุนด์

ตัวสำรองที่ถูกเปลี่ยนลง: มานูเอล อูการ์เต้ (แทน คาเซมิโร่ น.70), อเลฮานโดร การ์นาโช่ (แทน เมาท์ น.70), ไทเลอร์ เฮฟเว่น (แทน ลุค ชอว์ น.81), โคบี มาอิโน (แทน บรูโน่ น.81)

วิเคราะห์บอลการรุกและการรับ

ในเกมนี้ วิเคราะห์บอล จากแท็คติกชัดเจนว่าเชลซีมาเน้นครองเกมในแดนกลางและรอจังหวะสวนกลับ ใช้แผน 4-2-3-1 ที่ขึงเกมได้ดีทั้งสองฝั่ง ด้วยการขึ้นเกมริมเส้นจาก เจมส์ และ กูคูเรญ่า ที่ทำเกมได้น่ากลัวโดยเฉพาะจังหวะเติมขึ้นมายิงประตูชัย ส่วนคู่มิดฟิลด์ ไกเซโด้ กับ เฟร์นานเดซ ประสานงานกันได้เหนียวแน่นตัดเกมกลางสนามได้อย่างยอดเยี่ยม

ฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ด แม้จะครองบอลมากถึง 54% และผ่านบอลแม่นยำพอกันที่ 80% แต่การสร้างโอกาสจบสกอร์ยังน่าผิดหวัง โดยมีโอกาสยิงแค่ 4 ครั้ง เข้ากรอบเพียงหนเดียว แผน 3-4-2-1 ดูจะไม่เหมาะกับแนวรุกที่ขาดจินตนาการ และการเสียบอลง่ายในแดนกลางทำให้ทีมถูกกดดันอยู่บ่อยครั้ง เกมรับแม้จะมีแน่นหนาในบางจังหวะ แต่สุดท้ายก็พลาดในจังหวะเดียวที่เชลซีใช้โอกาสไม่เปลือง

สถิติการแข่งขัน

แม้แมนฯ ยูไนเต็ดจะครองบอลได้มากกว่าที่ 54% ต่อ 46% และมีจำนวนการผ่านบอลมากถึง 471 ครั้ง แต่กลับไม่สามารถสร้างอันตรายให้แนวรับเชลซีได้เลยเมื่อเทียบกับ 403 ครั้งของเจ้าบ้าน เชลซีเองมีโอกาสยิงมากกว่าอย่างชัดเจนที่ 11 ครั้ง เข้ากรอบ 3 ส่วนทีมเยือนยิงเพียง 4 ครั้งเข้ากรอบแค่ 1 นอกจากนี้ปีศาจแดงยังเสียฟาวล์ถึง 14 ครั้ง และโดนใบเหลืองถึง 6 ใบ เทียบกับเชลซีที่ฟาวล์ 10 และได้แค่ใบเหลืองเดียว ทั้งยังได้เตะมุมเพียง 2 ครั้ง ตลอดเกม

เหตุการณ์สำคัญ

⚽ นาที 71 – มาร์ก กูคูเรญ่า ยิงประตูชัยให้เชลซีจากการแอสซิสต์ของ รีซ เจมส์
🔁 นาที 81 – เชลซีเปลี่ยนตัว: ลาเวีย ลงแทน จอร์จ
🔁 นาที 81 – แมนยูเปลี่ยน 2 คน: มาอิโน แทน บรูโน่, เฮฟเว่น แทน ลุค ชอว์
🟨 นาที 90+3 – ไทเลอร์ เฮฟเว่น (แมนยู) ฟาวล์
🟨 นาที 90 – มานูเอล อูการ์เต้ (แมนยู) ฟาวล์
🔁 นาที 90+1 – เชลซีเปลี่ยน: กุสโต้ ลงแทน เนโต้
🟨 นาที 90+5 – โคล พาล์มเมอร์ (เชลซี) ถ่วงเวลา
🟨 นาที 69 – อาหมัด ดิยัลโล (แมนยู) ล้มพุ่ง
🟨 นาที 65 – นุสแซร์ มาซราอุย (แมนยู) ฟาวล์
❌ นาที 62 – VAR ยกเลิกจุดโทษที่แมนยูได้จากจังหวะของ ทีเจ จอร์จ
🟨 นาที 47 – คาเซมิโร่ (แมนยู) ฟาวล์
🟨 นาที 31 – บรูโน่ แฟร์นันด์ส (แมนยู) ฟาวล์
❌ นาที 17 – VAR ยกเลิกประตูของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ (แมนยู)

Player of the Match

มาร์ก กูคูเรญ่า แบ็คซ้ายของเชลซีโชว์ฟอร์มเด่นเต็มสูบ ทั้งในเกมรับและเกมรุก พร้อมยิงประตูชัยในนาทีที่ 71 ได้อย่างเด็ดขาด คว้าคะแนนสูงสุดในเกมนี้ที่ 7.9 เป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยให้เชลซีคว้า 3 แต้มล้ำค่า

สถานการณ์ในตารางคะแนน

เชลซีขยับแต้มเป็น 66 คะแนนจาก 37 นัด เท่ากับแอสตัน วิลล่าและนิวคาสเซิล โดยรั้งอันดับ 4 ตามประตูได้เสีย โอกาสลุ้นตั๋วแชมเปียนส์ลีกยังคงเปิดกว้าง ในขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พ่ายรวด 2 เกมติด ทำให้ยังรั้งอันดับ 16 มีเพียง 39 คะแนน จาก 37 นัด ห่างจากโซนตกชั้นแค่แต้มเดียวเท่านั้น หากไม่ชนะในเกมสุดท้าย อาจต้องพบจุดจบที่ไม่คาดฝัน

การแข่งขันนัดถัดไป

ในโปรแกรม ตารางบอล นัดสุดท้ายของฤดูกาล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของแอสตัน วิลล่า ในวันที่ 25 พฤษภาคม เวลา 22:00 น. ซึ่งอาจเป็นเกมชี้ชะตาอยู่รอด ขณะที่เชลซีจะออกไปเยือนน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ในวันเดียวกัน เพื่อลุ้นยึดพื้นที่ท็อปโฟร์ให้สำเร็จ

ติดตาม ผลบอล บ้านผลบอล และความเคลื่อนไหวพรีเมียร์ลีกแบบเข้มข้นทุกวินาทีได้ที่ บ้านกีฬา ไม่พลาดทุกจังหวะของเกมลูกหนัง

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา