
แม้จะพา ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สร้างประวัติศาสตร์คว้า แชมป์ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ได้เป็นครั้งแรก แต่สุดท้าย แอนจ์ ปอสเตโคกลู กลายเป็นอดีตผู้จัดการทีมไปแล้ว หลังสโมสรตัดสินใจปลดเขาจากตำแหน่งเมื่อวันศุกร์ที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าตัวก็ออกมาเปิดใจด้วยถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและซาบซึ้งใจถึงแฟนบอลและทุกคนในสโมสรที่เคียงข้างเขาตลอดระยะเวลา 2 ปี
ปอสเตโคกลู ผู้จัดการทีมชาวออสเตรเลียวัย 58 ปี เข้ารับตำแหน่งกุนซือของ “ไก่เดือยทอง” เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2023 ท่ามกลางความคาดหวังและแรงกดดันจากการเข้ามาแทนที่ยุคเปลี่ยนผ่านของทีม แต่เขากลับสามารถจารึกชื่อของตัวเองไว้ในประวัติศาสตร์สโมสรด้วยการนำทีมผงาดคว้าแชมป์ ยูโรปา ลีก ฤดูกาล 2024/25 ในค่ำคืนอันยิ่งใหญ่ที่เมืองบิลเบา ยุติการรอคอยโทรฟี่แชมป์นานถึง 17 ปีของสโมสรอย่างสมศักดิ์ศรี
อย่างไรก็ตาม ฟอร์มในเวทีพรีเมียร์ลีกกลับไม่เป็นดั่งฝัน โดยท็อตแน่มจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 17 ของตาราง มีเพียง 38 คะแนน จากผลงาน ชนะ 11 นัด และแพ้ถึง 22 เกม ซึ่งถือว่าไม่เป็นที่ยอมรับสำหรับบอร์ดบริหาร โดยเฉพาะ แดเนี่ยล เลวี ประธานสโมสร ที่ตัดสินใจเด้งปอสเตโคกลูแม้เขาจะเพิ่งพาทีมชูถ้วยแชมป์ยุโรปก็ตาม
หลังถูกปลด ปอสเตโคกลูกล่าวด้วยน้ำเสียงแห่งความภูมิใจว่า “เมื่อผมมองย้อนกลับไปช่วงเวลาที่ผมได้เป็นผู้จัดการทีมของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ผมรู้สึกเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ผมมีโอกาสได้นำหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการฟุตบอลอังกฤษกลับคืนสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จ มันคือประสบการณ์ที่จะอยู่กับผมไปตลอดชีวิต”
เขายังกล่าวถึงค่ำคืนในเมืองบิลเบาว่าเป็นผลลัพธ์ของ ความพยายามอย่างหนัก ความเสียสละ และความศรัทธา ที่มีต่อเป้าหมายตลอดสองปีที่ผ่านมา แม้จะเต็มไปด้วยความท้าทาย ปัญหา และเสียงวิจารณ์ แต่เขาไม่เคยละทิ้งความมุ่งมั่นในการนำความสำเร็จกลับสู่สเปอร์ส และเขาเชื่อว่าสิ่งที่เขาทำได้วาง “รากฐานของความสำเร็จในอนาคต” เอาไว้แล้วสำหรับทีมชุดนี้
“ผมเชื่อในนักเตะชุดนี้อย่างเต็มหัวใจ พวกเขาไม่ได้แค่มีพรสวรรค์ แต่ยังมีความกระหายในการพัฒนาและเติบโต ผมเชื่อว่า ท็อตแน่ม จะไม่ต้องรออีก 17 ปีเพื่อความสำเร็จครั้งต่อไป” ปอสเตโคกลูกล่าว
เขายังไม่ลืมขอบคุณแฟนบอลและทีมงานเบื้องหลังทุกคนอย่างสุดซึ้ง “ผมอยากขอบคุณทุกคนที่อยู่เคียงข้างผมตลอดสองปีที่ผ่านมา แฟนบอลที่ไม่เคยทิ้งกันแม้ในวันที่ยากลำบาก พวกเขาทำให้ผมรู้สึกถึงแรงสนับสนุน และมันเป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ในการทำงาน”
“สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณนักเตะทุกคน โดยเฉพาะดาวรุ่งที่กลายเป็นตำนานของสโมสรไปแล้ว รวมถึงทีมงานสตาฟฟ์โค้ชทุกคนที่ไม่เคยลังเลในสิ่งที่เราพยายามจะสร้าง ผมจะไม่มีวันลืมสิ่งที่เราร่วมกันทำ”
ปอสเตโคกลูทิ้งท้ายด้วยข้อความทรงพลัง “จงกล้าที่จะทำ” ซึ่งเป็นคำพูดที่กลายเป็นคำจำกัดความในเส้นทางการคุมทีมของเขาที่สเปอร์ส
ติดตามทุกความเคลื่อนไหวในโลกฟุตบอล และเรื่องราวเข้มข้นจากวงการลูกหนังได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา