มุมมองใหญ่หลังเกม คืนดราม่าที่แฟนบอลหายใจไม่ทั่วท้อง
เกมนี้ไม่ใช่แค่สกอร์ นิวคาสเซิ่ล 2-2 เชลซี ธรรมดา แต่คืออีกหนึ่งค่ำคืนสุดมันในเวที พรีเมียร์ลีก ที่บอกทุกอย่างว่าทำไมลีกนี้ถึงขึ้นชื่อเรื่องความเดือด ตั้งแต่นกหวีดแรก “สาลิกาดง” ไล่บี้กดดันจน “สิงห์บลูส์” แทบหายใจไม่ทัน ครึ่งแรกจบลงด้วยการที่ทีมเยือนตามหลังถึง 0-2 เหมือนทุกอย่างกำลังจะพัง แต่ครึ่งหลังทีมของ เอ็นโซ มาเรสก้า กลับมาลุยแบบหน้าไม่ถอย แสดงให้เห็นคาแรกเตอร์ของทีมใหญ่ที่ไม่มีคำว่ายอมแพ้ง่ายๆ
จุดเปลี่ยนสำคัญคือจังหวะลูกนิ่ง และการขยับแท็กติกที่กล้าลองของกุนซืออิตาเลียน ทำให้รูปเกมพลิกจากที่กำลังจะแพ้เละ กลายเป็นการเก็บหนึ่งแต้มล้ำค่ากลับลอนดอน แถมยังได้ “กัปตันทีม” โชว์ของเต็มตาอีกต่างหาก เรียกว่าถ้าเช็ก บ้านผลบอล หรือ ผลบอลพรีเมียร์ลีก คู่นี้เฉยๆ คุณจะไม่มีวันรู้เลยว่าภายใน 90 นาทีมีดราม่าซ่อนอยู่เยอะขนาดไหน
รีซ เจมส์ โชว์ของสองบทบาท ทั้งกลาง ทั้งแบ็ก ในเกมใหญ่แบบไม่เกรงใจเจ้าบ้าน
หัวใจของเรื่องทั้งหมดอยู่ที่ชื่อ รีซ เจมส์ กัปตันเชลซีที่เกมนี้ไม่ได้ทำแค่ “เล่นดี” แต่เล่นในระดับแบกทีมทั้งเรื่องเกมรุกและเกมรับ มาเรสก้าตัดสินใจใช้เขาในบทบาทกองกลางช่วงต้นเกม ก่อนจะถอยกลับมายืน แบ็กขวา ในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย เป็นสองตำแหน่งที่ต้องใช้พลังและสมาธิสูงมาก แต่เจมส์รับมือได้แบบนิ่งสนิท
ในครึ่งหลังนาทีที่ 49 เจมส์สวมบทฮีโร่กู้ชีพให้ทีม ด้วยการซัดฟรีคิกสุดงามกลายเป็นประตูตีไข่แตก จุดไฟให้ “สิงห์บลูส์” กลับเข้าสู่เกมได้อีกครั้ง ก่อนที่ ชูเอา เปโดร จะเติมเต็มการคัมแบ็กด้วยประตูตีเสมอ 2-2 ในนาทีที่ 66 เปลี่ยนบรรยากาศจากความหมดหวังให้กลายเป็นความเชื่อมั่นในเวลาไม่กี่นาที
เกมนี้เลยไม่ใช่แค่การยิงสวย ๆ ลูกหนึ่งแล้วจบ แต่คือการยืนยันว่า รีซ เจมส์ คือหนึ่งในฟูลแบ็ก/มัลติฟังก์ชันที่ครบเครื่องที่สุดของลีก ทั้งการคุมจังหวะเกม การเปิดบอล และความนิ่งในช่วงที่ทีมโดนกดดันหนัก ๆ
เอ็นโซ มาเรสก้า ยกนิ้วให้ลูกทีม ย้ำชัดฟอร์มเจมส์ “ครบเครื่องกว่าที่เห็นในสกอร์”
หลังจบเกม เอ็นโซ มาเรสก้า ไม่พลาดที่จะออกมาชื่นชมลูกทีมคนสำคัญอย่างชัดเจน โดยเฉพาะฟอร์มของกัปตันหมายเลข 24 ที่รับภาระทั้งสองตำแหน่งในแมตช์สุดโหดแบบนี้
เขากล่าวหลังเกมว่า
เป็นอีกครั้งที่เขา (เจมส์) ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม กุนซือชาวอิตาเลียนวัย 45 ปี กล่าวหลังเกม “เขาเล่นตำแหน่งกองกลางเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ก่อนจะขยับไปยืนฟูลแบ็กตามตำแหน่งถนัดในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย”
คำพูดนี้สะท้อนชัดว่า มาเรสก้าไม่ได้มองเจมส์แค่เป็นแบ็กธรรมดา แต่เห็นว่าเป็นตัวคุมจังหวะที่สามารถยืนได้หลายโซนในสนาม และสร้างความแตกต่างในเกมระดับ พรีเมียร์ลีก ได้จริง ๆ
เขายังเสริมถึงผลงานรวมๆ ของกัปตันว่า ทำได้มากกว่าการยิงแค่หนึ่งประตู เพราะมีส่วนสำคัญกับรูปเกมตลอดทั้ง 90 นาที ทั้งการต่อบอล การเชื่อมเกม และการช่วยเกมรับยามที่ทีมโดนสวนกลับ ถือเป็นฟอร์มที่ตอบแทนความไว้วางใจของกุนซือได้เต็ม 100
มุมมองต่างฝั่ง เอ็ดดี ฮาว มองว่านิวคาสเซิ่ลควรชนะ แต่มาเรสก้าบอก “แบ่งแต้มยุติธรรมแล้ว”
ฝั่งเจ้าบ้าน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ เอ็ดดี ฮาว เชื่อเต็มที่ว่า ทีมของเขาสมควรได้สามแต้มจากฟอร์มในภาพรวม โดยเฉพาะครึ่งแรกที่เปิดเกมบุกใส่ไม่ยั้งและขึ้นนำก่อน 2-0 ในบ้านของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม มาเรสก้ามองต่างออกไป เมื่อถูกถามถึงมุมมองเรื่องผลการแข่งขัน เขาอธิบายว่า ทั้งสองทีมเล่นดีกันคนละครึ่ง และนั่นทำให้ผลเสมอ 2-2 เป็นสิ่งที่ “แฟร์” ที่สุดแล้วสำหรับเกมนี้
เขากล่าวว่า
แน่นอน หลังจบครึ่งแรก พวกเขาสมควรเป็นฝ่ายชนะ แต่จากมุมมองของผม หลังจบครึ่งหลัง ผมมองว่าเราก็สมควรชนะเช่นกัน นี่คือมุมมองของผม หลังจากที่เรายิงประตูที่สองได้ เรามีโอกาสจะแจ้งถึงสามหรือสี่ครั้งที่จะทำประตูเพิ่ม
จากนั้นเขายังพูดถึงจำนวนโอกาสของทั้งสองฝั่งอย่างชัดเจนว่า
“ขณะที่พวกเขามีโอกาสจริงๆ เพียงครั้งเดียว เท่าที่ผมนึกออกนะ คือจังหวะของ (ฮาร์วีย์) บาร์นส์ แต่โดยรวมแล้ว ผมคิดว่าผลเสมอเป็นผลการแข่งขันที่ยุติธรรมสุดแล้ว” นายใหญ่ เชลซี ระบุ
เมื่อฟังจากทั้งสองมุมมอง จะเห็นได้ว่าฝั่งเจ้าบ้านเน้นผลงานในช่วงที่ตัวเองเหนือกว่า ส่วนฝั่งทีมเยือนเชื่อในพลังการคัมแบ็กที่พลิกเกมและสร้างโอกาสชัด ๆ ได้หลายครั้งในครึ่งหลัง เป็นอีกหนึ่งสีสันของการให้สัมภาษณ์หลังเกมที่แฟนบอลคุ้นเคยกันดีในโลกของลูกหนัง
ความสำคัญของแข้งเล่นได้หลายบทบาทในยุคพรีเมียร์ลีกสมัยใหม่
หากมองให้ลึกกว่าผล ผลบอลวันนี้ เกมนี้คือภาพสะท้อนฟุตบอลยุคใหม่ชัดเจน โดยเฉพาะบทบาทของผู้เล่นแบบ รีซ เจมส์ ที่ไม่ได้เป็นเพียงแบ็กเติมเกมริมเส้นเหมือนสมัยก่อน แต่ต้องอ่านเกม เล่นด้านในได้ สลับยืนกลางสนาม ช่วยขึ้นเกม และยังต้องมีทีเด็ดเรื่องลูกนิ่งติดตัว
สำหรับทีมอย่าง เชลซี หรือสโมสรในระดับท็อปของ พรีเมียร์ลีก การมีนักเตะที่สามารถเล่นได้หลายตำแหน่ง ทำให้กุนซืออย่าง มาเรสก้า ปรับแท็กติกในเกมได้หลากหลาย ไม่ว่าจะดันขึ้นไปช่วยเพรสแดนสูง หรือถอยลงมาช่วยเซ็นเตอร์แพ็กปิดพื้นที่ริมเส้น สิ่งเหล่านี้คือรายละเอียดเล็ก ๆ ที่มักตัดสินผลลัพธ์ในเกมใหญ่
ในมุมของแฟนบอลชาวไทยที่ติดตามผ่านสกอร์จากเว็บ บ้านผลบอล หรือเช็กสถิติทีหลัง อาจเห็นแค่ชื่อคนยิงประตูและผลการแข่งขัน แต่เบื้องหลังคือศาสตร์ของฟุตบอลสมัยใหม่ ที่ทุกตำแหน่งต้องยืดหยุ่นและทำงานได้มากกว่าหนึ่งอย่างเสมอ
มองไปข้างหน้าของเชลซี หลังแต้มสำคัญที่เซนต์เจมส์พาร์ก
หนึ่งแต้มในถิ่น นิวคาสเซิ่ล อาจไม่ใช่ผลที่แฟน เชลซี ฝันถึงก่อนแข่ง แต่เมื่อดูรูปเกมที่เริ่มจากความผิดพลาดและตามหลังถึงสองลูก แล้วกลับมาแบ่งแต้มได้ ถือเป็นผลลัพธ์ที่ช่วยเติมความมั่นใจให้ทีมอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องสปิริตและการแก้เกมของกุนซือกับบรรดาแกนหลักในสนาม
ฟอร์มของ รีซ เจมส์ ในเกมนี้น่าจะกลายเป็นต้นแบบให้แฟนบอลและโค้ชเยาวชนพูดถึงไปอีกพักใหญ่ ว่าการเล่นสองตำแหน่งในระดับความเข้มข้นแบบ พรีเมียร์ลีก ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่ต้องอาศัยทั้งคุณภาพ ความฟิต และความเข้าใจเกมที่ลึกจริง ๆ
แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะมันส์ ๆ และไม่พลาดมุมมองใหม่ ๆ จากเกมใหญ่แบบนี้ อย่าลืมติดตามเรื่องราวฟุตบอลสุดเดือดได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา เพราะเราจะเกาะทุกประเด็น ทั้งข่าวร้อน ผลบอลล่าสุด และมุมมองเชิงลึกแบบจัดเต็มเพื่อคอบอลชาวไทยโดยเฉพาะ

