ดราม่าจังหวะปะทะเดือด เกมใหญ่ สเปอร์ส ปะทะ ลิเวอร์พูล
ศึกใหญ่บนเวที พรีเมียร์ลีก นัดที่แฟนบอลทั้งโลกจับตา เมื่อ สเปอร์ส เปิดรังดวลเดือดกับ ลิเวอร์พูล จบเกมด้วยชัยชนะของหงส์แดง 2-1 แต่แทนที่คนจะพูดถึงสกอร์ กลับกลายเป็นดราม่าจังหวะปะทะของ ฟาน เดอ เฟน ใส่ อเล็กซานเดอร์ อิซัก ซึ่งลงสนามมาเป็นตัวสำรอง ก่อนจะยิงให้ทีมเยือนขึ้นนำ และต้องถูกเปลี่ยนตัวออกเพราะเจ็บหนัก จนมีข่าวลือว่าอาจพักยาวหลายเดือน ส่งแรงสะเทือนไปทั้งโลกโซเชียล และโต๊ะวิเคราะห์บอลทุกมุมโลกที่ถกกันว่า “ช็อตนี้แดงหรือไม่แดง?”
หลายเสียงในหมู่กูรูและแฟนบอลมองว่าจังหวะเข้าปะทะของแนวรับสเปอร์ส “แรงเกินเหตุ” และสมควรโดนใบแดง ขณะที่อีกฝั่งมองว่าเป็นแค่จังหวะ 50-50 ในเกมระดับสูงที่ทุกอย่างเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที ยิ่งเกมนี้มีผลต่อภาพรวมตารางและความมั่นใจของทั้งสองทีม ทำให้ทุกจังหวะถูกขยายความและถูกพูดถึงอย่างหนัก โดยเฉพาะในหมู่แฟนบอลชาวไทยที่ติดตามผ่าน ตารางบอลวันนี้ และนั่งเช็กช็อตปะทะกันแบบเฟรมต่อเฟรม
จังหวะ ฟาน เดอ เฟน ชน อิซัก จุดแตกหามเข้าโรงหมอ
เหตุการณ์ต้นเรื่องเกิดขึ้นในช่วงต้นครึ่งหลัง หลังจากที่ อิซัก ลงมาเติมความสดในแนวรุกแล้วซัดให้ ลิเวอร์พูล นำ 1-0 บรรยากาศในสนามกำลังเดือดได้ที่ แนวรับเจ้าถิ่นต้องยกระดับความเข้มข้นในการประกบตัว และในจังหวะสำคัญ ฟาน เดอ เฟน พยายามพุ่งสไลด์เข้าไปบล็อกจังหวะลุ้นยิงของกองหน้าชาวสวีเดน แต่กลับกลายเป็นจังหวะปะทะเต็มๆ จน อิซัก ล้มลงไปกองกับพื้น
ภาพรีเพลย์แสดงให้เห็นถึงการเข้าหนักที่อาจมีการปะทะบริเวณขาส่วนล่างของดาวยิงหงส์แดง สื่อลูกหนังหลายสำนักรายงานตรงกันว่า มีความกังวลว่าอาการบาดเจ็บครั้งนี้อาจรุนแรงถึงขั้น “กระดูกขาส่วนล่างแตกหรือขาหัก” ต้องลุ้นผลสแกนอย่างใกล้ชิด และมีการเรียกร้องจากบางฝ่ายให้สมาคมพิจารณาลงโทษย้อนหลังทันที เพราะมองว่าผู้ตัดสิน “ปล่อยผ่าน” จังหวะอันตรายไป
อาการเจ็บของ อเล็กซานเดอร์ อิซัก ทำแฟนหงส์เครียดจัด
สำหรับ ลิเวอร์พูล แล้ว อิซัก ไม่ได้เป็นแค่หน้าตัวเป้า แต่เป็นตัวความหวังในการยกระดับมิติการเข้าทำในพื้นที่สุดท้าย ยิ่งเมื่อมีรายงานว่า “หงส์แดงเหลือกองหน้าให้เลือกใช้งานแบบจริงจังอยู่แค่ไม่กี่ราย” การเสียแข้งความหวังไปแม้เพียงไม่กี่เดือนก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งในมุมแท็กติกและสภาพจิตใจของทีม
สื่อต่างประเทศระบุว่า อิซัก มีโอกาสต้องพักยาวหลายเดือนหากผลสแกนยืนยันว่ามีการแตกหักของกระดูกขา นั่นหมายความว่ากำลังสำคัญในแนวรุกอาจหายไปช่วงโปรแกรมแน่นสุดของฤดูกาล ทั้งเกมลีก ถ้วยยุโรป และบอลถ้วยในประเทศ แฟนหงส์จึงมีสิทธิ์กังวลว่าความฝันลุ้นแชมป์ หรืออย่างน้อยการจบในพื้นที่ท็อปโฟร์ อาจได้รับผลกระทบแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
ใบแดงหรือไม่ใบแดง? ประเด็นถกสนั่นหลังเกม
จุดที่แฟนบอลถกกันไม่จบคือจังหวะฟาวล์ดังกล่าว สมควรเป็นใบแดงโดยตรงหรือไม่ บางส่วนมองว่าการยกเท้าสูงและเข้าหนักบริเวณขาส่วนล่าง เป็นการเข้าปะทะที่เกินกว่า “การเล่นบอลตามปกติ” และอาจถูกตีความว่าเป็นการเล่นที่ประมาทอย่างรุนแรง ขณะที่อีกฝ่ายมองว่าแนวรับอย่าง ฟาน เดอ เฟน ไม่มีทางเลือกมากนัก เพราะหากปล่อยให้ อิซัก มีจังหวะง้างยิงในเขตโทษ โอกาสโดนประตูเพิ่มก็สูงขึ้นทันที
ในโลกฟุตบอลระดับสูง เกมเร็ว สปีดบอลแรง การตัดสินใจในเสี้ยววินาทีอาจส่งผลถึงอาชีพของทั้งผู้เล่นเกมรุกและกองหลัง การที่บางเสียงเรียกร้องให้ลงดาบย้อนหลังจึงสะท้อนถึงกระแสที่อยากเห็นการปกป้องนักเตะให้ปลอดภัยมากขึ้น แต่ในอีกมุมหนึ่งก็มีคำถามว่า “เรากำลังเปลี่ยนเกมฟุตบอลให้กลายเป็นกีฬาไร้การปะทะเกินไปหรือเปล่า?”
คาร์ราเกอร์ สวมบทกองหลังเก๋า ป้อง ฟาน เดอ เฟน เต็มตัว
ท่ามกลางเสียงวิจารณ์แตกเป็นสองฝั่ง ตำนานกองหลังหงส์แดงอย่าง คาร์ราเกอร์ กลับไม่เลือกเข้าข้างทีมเก่าตัวเองแบบสุดโต่ง แต่หันมาปกป้อง ฟาน เดอ เฟน ในฐานะคนที่เคยยืนแนวรับในเกมใหญ่ๆมาแล้วนับไม่ถ้วน โดยมองว่าจังหวะดังกล่าวคือความโชคร้ายในเกมมากกว่าจะเป็นการ “เล่นน่าเกลียด” หรือเจตนาทำร้ายคู่แข่ง
คาร์ราเกอร์ ให้สัมภาษณ์กับ สกาย สปอร์ตส์ เอาไว้ชัดเจน โดยยืนยันว่าไม่ควรโทษ ฟาน เดอ เฟน จากจังหวะนี้ พร้อมอธิบายมุมมองของกองหลังที่ต้องตัดสินใจในเวลาไม่กี่วินาที ว่าหากไม่เข้าไปบล็อกเลยก็อาจโดนวิจารณ์อีกแบบว่าปล่อยให้กองหน้ามีพื้นที่ยิงแบบฟรีๆ
“มันเป็นผลเสียครั้งใหญ่เพราะผมคิดว่า ลิเวอร์พูล เหลือกองหน้าแค่รายเดียวเท่านั้น มีการพูดกันมากมายถึงการเข้าปะทะจากนักเตะ สเปอร์ส แต่ส่วนใหญ่ไม่ฉลาด คาร์ราเกอร์ เอ่ยเมื่อ 22 ธ.ค.ต่อ สกาย สปอร์ตส์
ผมพาตัวเองไปอยู่ในตำแหน่งของ ฟาน เดอ เฟน และผมต้องเข้าปะทะเช่นกัน เขาพยายามเข้าบล็อก และมันเป็นการลื่นไถล เขาต้องเข้าปะทะ คุณไม่อาจปล่อยให้กองหน้าง้างยิงในจังหวะนั้นได้
มันเป็นความโชคร้ายของ อิซัก อย่างแท้จริง มันน่าจะเป็นเกมแรกๆที่เราได้เห็นถึงความสามารถที่แท้จริงของเขาในชุดของ ลิเวอร์พูล”
คำพูดนี้ของ คาร์ราเกอร์ สะท้อนชัดว่า ในสายตาของกองหลังอาชีพ จังหวะดังกล่าวคือการเล่นที่จำเป็นในกรอบเกมแข่งขัน แทนที่จะเป็นการ “จงใจเสียบ” แบบที่บางคนตีความกันในโลกออนไลน์
เส้นบางๆ ของกองหลังยุคใหม่ ระหว่างเล่นหนักกับเล่นน่าเกลียด
เคสของ ฟาน เดอ เฟน – อิซัก กลายเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างให้ถกกันว่า ในยุคที่เทคโนโลยี VAR ทำให้ทุกจังหวะถูกขยายและถูกย้อนดูได้หลายมุม กองหลังจำเป็นต้องอ่านเกมเร็วแค่ไหน และควบคุมจังหวะปะทะให้ดีเพียงใด เพื่อไม่ให้ทีมเสียเปรียบทั้งในสนามและบนโต๊ะพิจารณาโทษภายหลัง
ฟุตบอลคือเกมที่ต้องมีการปะทะ ทุกทีมต้องการเซ็นเตอร์แบ็คที่กล้าเข้าเสียบ และไม่ถอยหนีจังหวะ 1 ต่อ 1 แต่ขณะเดียวกันกติกายุคใหม่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้เล่นมากขึ้น การอ่านองศาการเข้าไปบล็อก การกะระยะไม่ให้ปุ่มสตั๊ดเปิดปะทะสูงเกิน และการรักษาสมดุลเวลาเข้าสไลด์ จึงกลายเป็น “ศาสตร์เฉพาะทาง” ของกองหลังยุคนี้ ถ้าพลาดแม้เพียงนิดเดียว ทั้งเสียงวิจารณ์ โทษแบน และอาชีพของคู่แข่งอาจได้รับผลกระทบตามมา
แฟนบอลจึงมักเห็นจังหวะถกเถียงแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยขึ้นเรื่อยๆ และทุกครั้งก็จะมีทั้งฝ่ายที่มองว่า “ต้องตัดให้หนักขึ้นเพื่อปกป้องนักเตะ” กับฝ่ายที่ยืนยันว่า “อย่าทำลายความเข้มข้นของเกมฟุตบอลจนเกินไป”
มองเกมนี้ผ่านสายตาแฟนบอลไทย และอนาคตของทั้งสองทีม
แม้เหตุการณ์นี้จะทำให้บรรยากาศหลังเกมร้อนระอุ แต่ในภาพรวมแล้ว ทั้ง ลิเวอร์พูล และ สเปอร์ส ยังต้องเดินหน้าต่อในฤดูกาลที่ยาวไกล หากอาการของ อิซัก ออกมาย่ำแย่จริง หงส์แดงต้องเร่งหาทางปรับเกมรุก แก้โจทย์เรื่องความหลากหลายในการเข้าทำ และบริหารสภาพร่างกายของแนวรุกที่เหลืออยู่ให้ดีที่สุด
ด้าน ฟาน เดอ เฟน เองก็ต้องจัดการกับแรงกดดันทั้งจากสื่อและแฟนบอล คู่แข่งที่อาจ “จับตาเป็นพิเศษ” ในเกมถัดๆไป แต่ในเชิงฟุตบอล เขายังถือเป็นกำลังสำคัญในแนวรับของสเปอร์ส การยืนระยะในลีกต้องใช้กองหลังแบบนี้นี่แหละ ที่ทั้งแข็งแกร่งและกล้าเสี่ยงในจังหวะตัดสินเกม
สุดท้ายแล้ว ผลสแกนของ อิซัก จะบอกเราว่าเหตุการณ์นี้หนักแค่ไหน แต่ในมุมของแฟนบอลไทยที่ติดตามลีกอังกฤษอย่างใกล้ชิด ผ่านจอทีวีและโลกออนไลน์ บทเรียนจากจังหวะนี้ชี้ชัดว่า ฟุตบอลระดับสูงไม่มีพื้นที่ให้ลังเล ทุกการตัดสินใจมีราคาที่ต้องจ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝั่งกองหลัง ผู้ตัดสิน หรือแม้แต่ทีมแพทย์ก็ตาม และแน่นอนว่า ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา จะยังเกาะติดทุกความเคลื่อนไหว ทั้งอาการบาดเจ็บและกระแสวิจารณ์ของเกมใหญ่แบบนี้มาอัปเดตให้แฟนบอลได้ตามกันอย่างต่อเนื่อง

