รัฐบาลปลื้มทัพไทยสร้างประวัติศาสตร์ซีเกมส์
วันที่ 21 ธันวาคม 2568 นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยอย่างเป็นทางการว่า รัฐบาลไทย ขอบคุณและชื่นชม ทัพนักกีฬาไทย ทุกคน รวมถึงครูผู้ฝึกสอนและเจ้าหน้าที่เบื้องหลังทุกฝ่าย ที่ร่วมกันทำงานอย่างเต็มขีดความสามารถในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 หรือ ซีเกมส์ 2025 ซึ่งไทยรับหน้าที่เจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม 2568
ด้วยการเตรียมทีมอย่างจริงจัง บวกความทุ่มเทของนักกีฬาในทุกสนามแข่งขัน ทำให้ธงไตรรงค์ถูกชูขึ้นเหนือเสียงเพลงชาติไทยครั้งแล้วครั้งเล่า กลายเป็นภาพจำสำคัญของแฟนกีฬาในทัวร์นาเมนต์นี้ และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่รัฐบาลต้องออกมาย้ำคำขอบคุณต่อหน้าสาธารณชนอย่างชัดเจน
ผลงานโหด 233 ทอง ทำลายสถิติเจ้าเหรียญทองเดิม
ผลงานในซีเกมส์ครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียง “ทำได้ดี” แต่ถูกยกระดับไปถึงคำว่า “สร้างประวัติศาสตร์” เมื่อประเทศไทยกวาดเหรียญรวมได้ถึง 499 เหรียญ แบ่งเป็น 233 เหรียญทอง 154 เหรียญเงิน และ 112 เหรียญทองแดง ตัวเลข 233 เหรียญทอง ไม่เพียงพาทัพไทยผงาดเป็น เจ้าเหรียญทอง สมัยที่ 14 เท่านั้น แต่ยังทำลายสถิติเดิมของกีฬาซีเกมส์ที่เวียดนามเคยทำไว้ 205 เหรียญทอง ในปี 2021 แบบทิ้งห่าง
สำหรับเวทีอาเซียน การก้าวผ่านหลักไมล์เดิมกว่า 200 เหรียญทองไปได้อย่างแข็งแรง คือการส่งสัญญาณว่าระบบการพัฒนาของไทยยังเดินมาถูกทาง ไม่ว่าจะเป็นด้านการวางตัวโค้ช การปั้นเยาวชนขึ้นสู่ทีมชาติ หรือการจัดการทรัพยากรในสมาคมต่างๆ ที่เริ่มออกดอกออกผลให้เห็นชัดในทัวร์นาเมนต์นี้
ซีเกมส์ 2025 จัดหนัก ทั้งกีฬาและเศรษฐกิจไทย
มหกรรมซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ไม่ได้สร้างผลงานอยู่แค่ในตารางเหรียญ แต่ยังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ โดยประเมินกันว่าการจัดการแข่งขันครั้งนี้สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 12,000 ล้านบาท
ตัวเลขนี้รวมทั้งเม็ดเงินที่เกิดจากการแข่งขันโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากการจัดอีเวนต์ ตั๋วเข้าชม สนามซ้อมและสนามแข่ง รวมไปถึงมูลค่าทางอ้อม อย่างการท่องเที่ยว การเดินทาง โรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้าท้องถิ่น และธุรกิจบริการต่างๆ ที่ได้อานิสงส์เต็มๆ จากการที่นักกีฬา เจ้าหน้าที่ สื่อมวลชน และแฟนกีฬาจากชาติสมาชิกอาเซียนหลั่งไหลเข้ามาในไทยตลอดช่วงทัวร์นาเมนต์
เมื่อเทียบกับการจัดมหกรรมกีฬาในอดีต ซีเกมส์ครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในงานที่ช่วยขับเคลื่อนเม็ดเงินสะพัดในระบบได้อย่างโดดเด่น ทั้งในแง่ภาพลักษณ์และผลประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ
พลังกองเชียร์และ soft power ไทยบนเวทีอาเซียน
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่รัฐบาลหยิบยกขึ้นมาชื่นชมคือพลังของกองเชียร์ไทย ทั้งในสนามและทางบ้านที่ร่วมส่งแรงใจอย่างพร้อมเพรียง ภาพแฟนกีฬาชาวไทยโบกธง ร้องเพลง เชียร์ด้วยรอยยิ้มและมารยาทที่ดี สร้างความประทับใจให้กับนักกีฬาทั้งไทยและต่างชาติอย่างชัดเจน
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า
“รัฐบาลชื่นชมกองเชียร์ชาวไทยทั้งในสนามและทางบ้าน ต่างร่วมกันเชียร์อย่างสนุกสนาน สร้างความประทับใจต่อนักกีฬาและกองเชียร์ชาวต่างชาติ แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรม และพลัง soft power ของประเทศไทย ในการเป็นเจ้าภาพที่ดี ซึ่งมากกว่าชัยชนะ คือความมีน้ำใจ แสดงออกถึงมิตรภาพและความเป็นหนึ่งเดียวของอาเซียน” นางสาวอัยรินทร์ กล่าว
คำพูดนี้สะท้อนชัดว่า นอกจากเหรียญทองแล้ว สิ่งที่ไทยได้จากซีเกมส์ครั้งนี้คือภาพลักษณ์ของประเทศที่เป็นเจ้าภาพที่อบอุ่น มีระเบียบ รู้จักให้เกียรติคู่แข่ง และใช้กีฬาเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ในภูมิภาค
ซีเกมส์กับบทเรียนระยะยาวของกีฬาไทย
เมื่อเสียงนกหวีดนัดสุดท้ายเงียบลง สิ่งที่เหลืออยู่ไม่ใช่แค่สถิติ 233 เหรียญทอง แต่คือบทเรียนระยะยาวของระบบ กีฬาไทย ในภาพรวม ซีเกมส์ครั้งนี้แสดงให้เห็นทั้งด้านที่แข็งแรงและด้านที่ยังต้องเร่งแก้ไข ตั้งแต่ชนิดกีฬาที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมจนเป็นกำลังหลัก ไปจนถึงชนิดกีฬาที่ต้องกลับไปทบทวนการเตรียมทีมและโครงสร้างภายใน
การเป็นเจ้าภาพที่ดีในสายตาชาวอาเซียนครั้งนี้ ยังช่วยต่อยอดให้ไทยมีโอกาสผลักดันการจัดมหกรรมกีฬาใหญ่ระดับภูมิภาคและระดับโลกในอนาคตมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทัวร์นาเมนต์ทีมชาติ รายการเยาวชน หรืออีเวนต์กีฬาอาชีพที่ดึงนักกีฬาชั้นนำจากทั่วโลกเข้ามาโชว์ฝีมือในบ้านเรา
แฟนกีฬาห้ามหลุดฟอร์ม ติดตามต่อทุกความเคลื่อนไหวที่บ้านกีฬา
แม้ซีเกมส์ 2025 จะปิดฉากลง แต่นี่ไม่ใช่จุดจบของเรื่องราวทัพนักกีฬาไทย ยังมีอีกหลายเวทีให้แฟนกีฬาได้ตามเชียร์ ทั้งทัวร์นาเมนต์ระดับทวีป รายการชิงแชมป์โลก ไปจนถึงโปรแกรมทีมชาติชุดต่างๆ ที่กำลังรอพิสูจน์ตัวเอง
ใครอยากเกาะติดทุกความเคลื่อนไหวของทีมชาติไทย เหรียญรางวัลในอนาคต มุมมองเชิงลึกเรื่องกีฬา และข่าวร้อนในโลกสปอร์ตแบบเข้มข้นสไตล์แฟนบอลตัวจริง อย่าลืมติดตามทุกเรื่องมันส์ๆ ได้ที่ บ้านกีฬา อัปเดตให้แฟนกีฬาไทยไม่พลาดทุกจังหวะสำคัญบนเส้นทางลูกหนังและวงการกีฬาไทย

