
อีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ที่ไม่มีใครอยากจดจำของวงการลูกหนังอิตาลี เมื่อ ซามพ์โดเรีย สโมสรระดับตำนานต้องพบจุดตกต่ำที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ด้วยการ ตกชั้นสู่ เซเรีย ซี เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร สะเทือนหัวใจแฟนบอล “ลา ซามพ์” ไปทั้งเมืองเจนัว พร้อมตอกย้ำว่าความยิ่งใหญ่ในอดีตไม่ได้การันตีความอยู่รอดในยุคปัจจุบัน
ย้อนกลับไปเพียงซีซั่นก่อน ซามพ์โดเรีย ยังมีลมหายใจแห่งความหวัง หลังจบอันดับ 7 ในศึก เซเรีย บี ฤดูกาล 2023-24 และได้สิทธิ์เข้าไปเล่นรอบเพลย์ออฟเลื่อนชั้น ท่ามกลางเสียงเชียร์ของแฟนบอลที่อยากเห็นทีมรักกลับไปโลดแล่นในลีกสูงสุดอีกครั้งหลังร่วงจาก เซเรีย อา เมื่อฤดูกาล 2022-23 แต่แล้วความฝันนั้นก็พังครืนลงเมื่อทีมไม่สามารถฝ่าด่านเพลย์ออฟได้สำเร็จ
เข้าสู่ฤดูกาล 2024-25 แทนที่ทีมจะยกระดับกลับมาเดินหน้าลุ้นเลื่อนชั้น กลับกลายเป็นว่าซามพ์โดเรียดำดิ่งลงเหวอย่างต่อเนื่อง จนต้องมาลุ้นหนีตกชั้นในเกมสุดท้ายของฤดูกาล โดยแมตช์ชี้ชะตาดังกล่าวมีขึ้นในวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา เมื่อพวกเขาต้องบุกไปเยือน ยูเว่ สตาเบีย ทีมอันดับ 5 ของตาราง พร้อมเงื่อนไขที่ชัดเจนว่า ต้องชนะเท่านั้น จึงจะยังมีโอกาสอยู่รอด หรืออย่างน้อยได้สิทธิ์ไปเล่นรอบเพลย์เอาท์หนีตกชั้นในอันดับ 16 หรือ 17
แต่สุดท้าย… “ลา ซามพ์” ก็ไม่สามารถทำสิ่งนั้นได้ พวกเขาทำได้เพียงเสมอแบบไร้สกอร์ 0-0 กับ ยูเว่ สตาเบีย จบฤดูกาลด้วยผลงานน่าผิดหวัง เก็บได้เพียง 41 คะแนนจาก 38 นัด จบอันดับ 18 ของตาราง และต้อง ตกชั้นจาก เซเรีย บี ลงไปเล่น เซเรีย ซี ในฤดูกาลหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นี่คือหายนะครั้งใหญ่ของทีมที่เคยมีอดีตอันยิ่งใหญ่ ซามพ์โดเรีย เคยคว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา มาแล้วในฤดูกาล 1990-91 ภายใต้ยุคทองของดาวเตะระดับตำนานอย่าง โรแบร์โต้ มันชินี่ และ จานลูก้า วิอัลลี่ รวมถึงเคยคว้าแชมป์ ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ ในปี 1989-90 อีกด้วย เรียกได้ว่าในยุคหนึ่งพวกเขาคือขาใหญ่ของยุโรป แต่วันนี้ภาพนั้นกลับเลือนลางลงจนแทบจำไม่ได้
การตกชั้นสู่ลีกระดับ 3 ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ถือเป็นบทพิสูจน์ชัดเจนว่า ซามพ์โดเรียจำเป็นต้องปฏิรูปทุกมิติ ตั้งแต่โครงสร้างภายในทีมไปจนถึงการบริหารจัดการ เพื่อกลับมาทวงคืนศักดิ์ศรีของทีมใหญ่อีกครั้ง ไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจกลายเป็นเพียงชื่อหนึ่งในอดีตที่ถูกหลงลืม
ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของทีมดังในลีกอิตาลี พร้อมวิเคราะห์เข้มทุกประเด็นได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา