สถานการณ์ร้อนในรังรอสโซเนรี
กระแสในอิตาลีกำลังตั้งคำถามกันสนั่นว่า เอซี มิลาน เดินหมากถูกหรือไม่กับการดึง คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู มาร่วมทีม เมื่อผลงานในสนามยังไม่เปรี้ยงเท่าที่คาด และโดยเฉพาะ “บทบาท” ที่ถูกจับไปเล่น ทำให้ทั้งสโมสรและแฟนบอลเริ่มมองดีลนี้ด้วยสายตาวิจารณ์มากขึ้น แม้เพิ่งผ่านไปไม่กี่เดือนนับจากวันเซ็นสัญญาก็ตาม
สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้น่าปวดหัวคือ มันไม่ใช่แค่เรื่องฟอร์มส่วนตัวของเอ็นคุนคูเท่านั้น แต่รวมถึงตำแหน่งที่เขาถูกมอบหมายในระบบของมิลาน ซึ่งหลายครั้งเป็นงานที่ไม่ได้สอดคล้องกับธรรมชาติในสไตล์การเล่นของเจ้าตัวเลยด้วยซ้ำ
ดีล 42 ล้านยูโรที่เริ่มถูกตั้งคำถาม
มิลานลงทุนดึงเอ็นคุนคูมาด้วยค่าตัวราว 42 ล้านยูโรรวมโบนัส ในตลาดซัมเมอร์ ดีลระดับนี้โดยปกติแล้วต้องถูกมองว่าเป็น “ตัวหลักระยะยาว” มากกว่าตัวเสริม แต่ผ่านไปแค่ไม่กี่เดือน ความสงสัยกลับเริ่มผุดขึ้นมา โดยเฉพาะแนวคิดในการใช้เขาเป็นกองหน้าตัวเป้า
เอ็นคุนคูไม่เคยเป็นกองหน้าเบอร์ 9 แบบคลาสสิก จุดแข็งของเขาคือการเล่นในพื้นที่ระหว่างไลน์ การหาช่อง การเชื่อมเกม และสอดขึ้นมายิงมากกว่าการยืนค้ำชนเซนเตอร์ฮาล์ฟเต็ม ๆ แม้เขาจะพยายามปรับตัวให้เข้ากับแท็กติกของโค้ช แต่ก็ชัดเจนว่านี่ไม่ใช่บทบาทที่อยู่ในดีเอ็นเอลูกหนังของเจ้าตัวตั้งแต่แรก
เมื่อการลงทุนสูง แต่การใช้งานไม่ตรงจุด คำถามจึงตามมาว่า มิลานวาง “แผนการใช้งาน” เขาตั้งแต่วันแรกถูกทิศทางแล้วจริงหรือไม่
ทำไมการขายในตลาดมกราคมถึงแทบเป็นทางเลือกสุดท้าย
ในทางทฤษฎี หากมิลานมั่นใจว่าสามารถเรียกค่าตัวคืนได้ในระดับที่ “ไม่ขาดทุนยับ” การขายเอ็นคุนคูออกจากทีมในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคมก็อาจเป็นทางออกที่น่าสนใจ แต่ในโลกความจริงของธุรกิจฟุตบอล ดีลแบบนี้เสี่ยงอย่างหนักกับการขาดทุนทางบัญชี
เมื่อคุณเพิ่งทุ่มเงินก้อนโตในตลาดซัมเมอร์ การตัดสินใจขายนักเตะทิ้งเพียงไม่กี่เดือนให้หลัง ย่อมสุ่มเสี่ยงต่อการเกิด “ส่วนขาดทุน” ที่สโมสรต้องแบกไว้ในงบการเงิน และสำหรับทีมที่ต้องรักษาสมดุลทั้งในสนามและในสมุดบัญชี การเลือกมูฟแบบนี้จึงแทบเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบสุด ๆ
ผลลัพธ์คือ แนวคิดเรื่อง “ปล่อยเอ็นคุนคูออกจากทีมในหน้าหนาว” แม้จะถูกพูดถึงในเชิงทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติกลับดูเป็นหมากที่เดินได้ยากมาก
ขอบเขตตัวเลือกของมิลานในตลาดหน้าหนาว
ด้วยเงื่อนไขด้านการเงินและความเสี่ยงเรื่องทุนจม ทำให้พื้นที่ในการขยับตัวของมิลานในตลาดมกราคมค่อนข้างจำกัด หากไม่มี “ผู้ซื้อรายไม่คาดฝัน” โผล่มาพร้อมข้อเสนอที่สามารถช่วยให้สโมสรไม่ขาดทุนหนัก ดีลปล่อยเอ็นคุนคูจึงแทบเป็นไปไม่ได้
หากเกิดปาฏิหาริย์มีทีมกล้าเข้ามาเจรจาจริง ๆ มิลานจึงจะสามารถหันไปโฟกัสทางเลือกในเกมรุกแบบอื่นได้อย่างจริงจัง ทั้งตัวเลือกที่ไม่เกี่ยวกับ นิกลาส ฟึลล์ครุก และเส้นทางของ กาเบรียล เชซุส ที่เพิ่งถูกโยงชื่อเข้ามาในช่วงไม่กี่วันมานี้ แต่ทั้งหมดนี้ยังอยู่ในระดับ “แผนสำรองบนกระดาน” มากกว่าความเคลื่อนไหวที่จับต้องได้ในตอนนี้
ทำไมการจับตัวรุกไปยืนกองหน้าเป้ามักกลายเป็นดาบสองคม
กรณีของเอ็นคุนคูสะท้อนให้เห็นภาพที่เกิดขึ้นบ่อยในฟุตบอลยุคใหม่ เมื่อทีมหวังแก้ปัญหาขาดแคลนกองหน้าตัวเป้า ด้วยการดันตัวรุกที่เล่นด้านข้างหรือยืนหลังกองหน้า มารับบทบาทหัวหอกแบบเต็มตัว หลายครั้งมันอาจสร้างมิติใหม่ให้ทีม แต่หากไม่ตรงกับจุดเด่นนักเตะ สุดท้ายฟอร์มทั้งตัวบุคคลและทีมอาจถดถอยไปพร้อมกัน
สำหรับแฟนบอลไทยที่ติดตาม กัลโช่ เซเรีย อา หรือฟุตบอลยุโรป จะเห็นได้ชัดว่าการเซ็นชื่อดังไม่ใช่คำตอบทุกอย่าง สิ่งสำคัญคือการหาตำแหน่งที่ “ใช่จริง” ให้กับนักเตะ และสร้างโครงสร้างทีมที่ดึงศักยภาพสูงสุดของเขาออกมาให้ได้ มิฉะนั้น จากดีลที่หวังให้เป็นหมากเด็ด อาจกลายเป็นภาระระยะยาวของสโมสรได้ทันที
มองไปข้างหน้า เอ็นคุนคูจะตอบคำถามนี้ในสนาม
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่ากระแสข่าวเรื่องดีลมกราคมจะดังแค่ไหน คำตอบที่แท้จริงอยู่ในสนามเท่านั้น ฟอร์มของ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ภายใต้เสื้อแดงดำในช่วงต่อจากนี้ จะเป็นตัวชี้วัดว่ามิลานควรเดินหน้าสร้างทีมโดยมีเขาเป็นหนึ่งในแกนหลัก หรือควรมองหาทางแยกทางกันในอนาคตอันใกล้
สำหรับมิลาน นี่ไม่ใช่แค่เรื่องตัวผู้เล่นคนหนึ่ง แต่เกี่ยวพันกับภาพรวมโครงสร้างเกมรุก การวางแผนตลาดซื้อขายในระยะยาว และสมดุลการเงินของสโมสรทั้งหมด บ้านกีฬา มองว่าช่วงครึ่งหลังของซีซั่น คือบทพิสูจน์สำคัญว่าดีลนี้จะถูกจารึกว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า หรือกลายเป็นตัวอย่างของการ “ใช้ของไม่ถูกที่ไม่ถูกทาง” อีกหนึ่งเคสของวงการลูกหนังยุโรป
แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะของโลกฟุตบอล ทั้งข่าวซื้อขาย ตลาดหน้าหนาว และประเด็นร้อนในยุโรป อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวมันส์ๆ แบบจัดเต็มได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา

