ดราม่าร้อนแรงกระหึ่มวงการลูกหนังเอเชีย! เมื่อ ทีมชาติจีน U17 ต้องพบกับความผิดหวังสุดขีดในการแข่งขัน ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย U17 ปี 2025 หลังพ่ายแพ้สองนัดรวดตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม จนไม่เหลือโอกาสผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ แม้จะยังเหลือโปรแกรมลงสนามอีกหนึ่งนัดก็ตาม ความพ่ายแพ้ครั้งนี้กลายเป็นชนวนให้แฟนบอลจีนจำนวนมากระเบิดอารมณ์ผ่านโลกโซเชียล พุ่งเป้าโจมตีอย่างรุนแรงไปยัง เคนอิจิ อุเอมุระ กุนซือชาวญี่ปุ่นของทีม ด้วยข้อหา “ทำให้อับอาย” ต่อหน้าสายตาทั้งเอเชีย แต่ในขณะเดียวกันก็มีเสียงจากอีกฟากฝั่งที่ลุกขึ้นโต้กลับอย่างเผ็ดร้อนว่า “ความล้มเหลวครั้งนี้ ไม่ควรโทษโค้ช แต่ควรหันกลับมาดูระบบพัฒนาเยาวชนของจีนเอง”
การแข่งขันครั้งนี้ ทีมชาติจีน รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี แพ้รวดสองนัดแรกในรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งหมายความว่าพวกเขาตกรอบทันที โดยไม่ต้องรอผลการแข่งขันนัดสุดท้ายที่จะพบกับ ทีมชาติไทย U17 ซึ่งมีกำหนดเตะในวันที่ 9 เมษายน 2568 เวลา 00.15 น. ตามเวลาประเทศไทย แม้จะยังมีเกมให้ลงสนามอีกหนึ่งนัด แต่ความหวังได้ดับลงไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
หลังผลการแข่งขันที่น่าผิดหวังดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป แฟนบอลชาวจีนจำนวนมากพากันแห่เข้าไปตั้งกระทู้และแสดงความคิดเห็นผ่านแพลตฟอร์มสนทนาออนไลน์ชื่อดังของจีน โดยมีการโจมตี อุเอมุระ อย่างหนัก พร้อมตั้งคำถามถึงสไตล์การเล่นที่เจ้าตัวเคยโม้เอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าเป็น “สไตล์ญี่ปุ่นแบบแท้จริง” แต่ในสนามกลับไม่เห็นอะไรที่ใกล้เคียงกันเลย เสียงวิจารณ์ที่รุนแรงบางส่วนถึงขั้นกล่าวหาว่าเขาคือผู้ทำให้วงการลูกหนังจีนต้องอับอาย อาทิ
“ฟุตบอลจีนแพ้อีกครั้งเพราะโค้ชญี่ปุ่นทำให้อับอาย”
“ไม่เห็นสไตล์ญี่ปุ่นที่เขาเคยโม้ไว้เลย”
“ตัดจาง หง ฟู่ กัปตันทีมออกเพราะเรื่องวินัย ทั้งที่เป็นนักเตะดีที่สุดในรุ่น”
“เฉิน จิน ตู ดาวซัลโวเยาวชนก็ไม่มีชื่อในทีม”
“ถ้าเขาไม่โดนปลด ก็อย่าหวังให้อภัยจากแฟนบอล”
แต่ท่ามกลางกระแสโจมตีที่ดุเดือด ก็ยังมีเสียงจากแฟนบอลอีกกลุ่มหนึ่งที่พยายามมองปัญหาอย่างเป็นเหตุเป็นผล โดยออกมาโพสต์ข้อความโต้แย้งว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของโค้ชเพียงฝ่ายเดียว แต่เป็นผลสะท้อนของระบบฟุตบอลเยาวชนจีนที่ยังไม่ได้มาตรฐานมากพอ พวกเขาชี้ว่าแม้จีนจะพ่ายแพ้ให้กับ ทีมชาติซาอุดีอาระเบีย และ ทีมชาติอุซเบกิสถาน แต่ทั้งสองเกมก็เป็นการแข่งขันที่สูสีและสู้ได้ ไม่ควรใช้คำว่า “อับอาย” กับฟอร์มการเล่นในทัวร์นาเมนต์นี้
หนึ่งในเสียงแย้งระบุว่า “โค้ชทำดีที่สุดแล้ว ปัญหาคือจีนไม่มีโค้ชเก่งและนักเตะยังไม่ถึงระดับ” อีกความเห็นชี้ว่า “จีนต่างหากที่ทำลายระบบเยาวชนตัวเอง แล้วโยนความผิดให้คนญี่ปุ่น” และบางคนเสริมว่า “เขาแพ้แบบมีสู้ ไม่ใช่โดนถล่มเละ ไม่สมควรกลายเป็นแพะบูชายัญ”
ขณะที่โปรแกรมนัดสุดท้ายของจีนในรอบแบ่งกลุ่มจะพบกับ ทีมชาติไทย U17 โดยเป็นเกมที่ไม่มีผลต่อการเข้ารอบแล้ว เพราะทั้งสองทีมต่างพ่ายแพ้มาในสองนัดแรก และตกรอบไปเรียบร้อย แมตช์นี้จึงเป็นเพียงการเล่นเพื่อศักดิ์ศรีเท่านั้น แต่แน่นอนว่าทุกสายตาจะจับจ้องว่า “จีนจะลุกขึ้นสู้ หรือจะล้มแบบไร้ศักดิ์ศรี?”
ไม่ว่าจะจบอย่างไร ประเด็นดราม่าระหว่าง “โค้ชญี่ปุ่น” กับ “ระบบฟุตบอลจีน” ได้จุดประกายการถกเถียงที่เข้มข้นบนโลกโซเชียล และอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ฝ่ายจัดการของจีนต้องกลับมาทบทวนระบบปั้นนักเตะเยาวชนให้จริงจังกว่าเดิม
อย่าลืมติดตามข่าวสารร้อนแรงในแวดวง ฟุตบอลเอเชีย และผลการแข่งขันนัดสุดท้ายของจีน-ไทย U17 ได้ที่ ข่าวบอลไทยบ้านกีฬา
