9 ปีเปลี่ยนโค้ช 8 คน! ทีมชาติไทย U23 ยังไร้เงาความสำเร็จในเอเชีย ถึงเวลาทบทวนโครงสร้างฟุตบอลเยาวชนไทยทั้งระบบ

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

ตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมา ทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี (U23) เดินหมากเปลี่ยนแม่ทัพมาแล้วถึง 8 ราย ทว่าความสำเร็จในระดับทวีปยังคงเป็นเพียง “ความใฝ่ฝัน” ไม่เคยแตะถึงรอบรองชนะเลิศในศึก ชิงแชมป์เอเชีย U23 แม้แต่หนเดียว ล่าสุด “ทาคายูกิ นิชิกายะ” โค้ชชาวญี่ปุ่นก็กลายเป็นคนล่าสุดที่กำลังจะหลุดจากตำแหน่ง หลังพาทีมแพ้รวด 5 นัดเต็ม เตรียมเปิดทางให้ “โค้ชวัง” ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ก้าวขึ้นมาแบกรับความหวังแทน

นี่ไม่ใช่เพียงสถิติ แต่คือหลักฐานชัดเจนของความเปลี่ยนแปลงที่ไร้ทิศทาง เพราะแม้จะมีการเปลี่ยนตัวกุนซือหลายครั้ง แต่ผลงานของ ทีมชาติไทย U23 กลับไม่ขยับไปไหน โดยเฉพาะในรายการใหญ่ที่สุดของทวีปอย่าง ชิงแชมป์เอเชีย ที่ไทยไม่เคยทะลุถึงรอบตัดเชือกได้เลย มีเพียงครั้งเดียวในปี 2020 ที่ทีมทะลุถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งก็เป็นปีที่ไทยรับหน้าที่เจ้าภาพเสียด้วยซ้ำ

ย้อนดูรายชื่อกุนซือทั้ง 8 รายในช่วงปี 2016–2025 ก็จะพบว่า แต่ละคนล้วนมีดีกรีและประสบการณ์แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นโค้ชสายเลือดไทยที่เติบโตมากับวงการบ้านเรา หรือโค้ชต่างชาติจากญี่ปุ่น บราซิล สเปน ไปจนถึงบัลแกเรีย แต่ไม่ว่าใครจะเข้ามากุมบังเหียน ผลลัพธ์สุดท้ายก็ไม่ต่างกัน—ไทยยังไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมได้เลยในระดับเอเชีย

8 กุนซือใน 9 ปี กับภารกิจที่ยังไม่เสร็จ

  1. วรวุธ ศรีมะฆะ – ถือเป็นคนที่วนกลับมาคุมทีมมากที่สุดถึง 3 ช่วงเวลา (2016–17, 2018, 2021–22) พาไทยคว้าแชมป์ซีเกมส์ 2017 และผ่านรอบคัดเลือกชิงแชมป์เอเชีย 2022 แต่ไม่รอดรอบแรกของทัวร์นาเมนต์
  2. โซรัน แยนโควิช (บัลแกเรีย) – คุมทีมช่วง 2017–18 แต่พาทีมตกรอบแรกชิงแชมป์เอเชีย 2018 แบบไร้ความน่าจดจำ
  3. อเล็กซานเดร กาม่า (บราซิล) – คุมในปี 2018–19 พาทีมคว้ารองแชมป์อาเซียน แต่ตกรอบคัดเลือกเอเชีย 2020 แม้สุดท้ายจะได้สิทธิ์ไปเล่นในฐานะเจ้าภาพ
  4. อากิระ นิชิโนะ (ญี่ปุ่น) – คนเดียวที่พาไทย U23 ทะลุถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเอเชียในปี 2020 แต่ต้องบอกว่าได้เปรียบจากการเล่นในบ้าน
  5. ซัลบาดอร์ บาเลโร กาเซียร์ (สเปน) – คุมทีมในปี 2022 พาทีมคว้ารองแชมป์อาเซียนเท่านั้น
  6. มาโน่ โพลกิ้ง (บราซิล) – คุมทีมในซีเกมส์ 2021 พาทีมเข้าชิงแต่ได้เพียงรองแชมป์
  7. อิสระ ศรีทะโร – อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุดในยุคหลัง (2022–2024) แต่ยังไม่อาจสร้างความสำเร็จในระดับเอเชีย รอบล่าสุดจอดป้ายแค่รอบแรกของชิงแชมป์เอเชีย 2024
  8. ทาคายูกิ นิชิกายะ (ญี่ปุ่น) – รับงานปี 2024–25 แต่พาทีมพ่ายรวด 5 นัดติด ทำให้แนวโน้มถูกปลดสูงมาก และอาจเป็นการเปิดทางให้โค้ชไทยอีกรายขึ้นมารับช่วงต่อ

การเปลี่ยนโค้ชอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาเพียง 9 ปี ไม่ได้สะท้อนถึงการแสวงหาความสำเร็จเท่านั้น แต่มันคือสัญญาณเตือนของโครงสร้างที่ไม่มั่นคง โดยเฉพาะระบบพัฒนาเยาวชนของไทยที่ยังมีช่องโหว่ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันที่ไม่ต่อเนื่อง จำนวนแมตช์ระดับชาติที่น้อยเกินไป หรือการขาดเวทีให้ผู้เล่นสะสมประสบการณ์อย่างจริงจัง

ทีมชาติไทย U23 ไม่ใช่แค่ทีมเพื่อการแข่งขัน แต่คือสะพานที่เชื่อมจากระดับเยาวชนไปสู่ทีมชาติชุดใหญ่ การที่เรายังมองว่าการเปลี่ยนตัวกุนซือคือทางออกในทุกสถานการณ์ อาจเป็นการมองปัญหาเพียงผิวเผิน ทั้งที่สิ่งที่ควรปรับเปลี่ยนจริงๆ คือ “ระบบ” ไม่ใช่แค่ “คน”

เราจำเป็นต้องวางแผนระยะยาว ตั้งแต่ระดับรากหญ้าให้มั่นคง โดยยกระดับ ลีกเยาวชน, เพิ่มจำนวนการแข่งขันระหว่างประเทศ, ปรับปรุงการคัดเลือกนักเตะด้วยมาตรฐานที่ชัดเจน และให้โค้ชมีอำนาจในการวางแผนระยะยาว ไม่ใช่โดนตัดสินจากผลแค่ไม่กี่แมตช์

หากไม่เริ่มแก้จากโครงสร้าง แม้จะเปลี่ยนกุนซูอีกสัก 10 คนใน 10 ปีข้างหน้า เราก็อาจยังย่ำอยู่ที่เดิมบนเวที ชิงแชมป์เอเชีย U23 และยังคงได้แค่ใกล้ แต่ไม่เคยได้สัมผัสคำว่า “สำเร็จ” จริงๆ สักที

ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของฟุตบอลทีมชาติไทยได้ที่ ข่าวบอลไทยบ้านกีฬา

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา