ต้นเรื่องดราม่า: ช้างศึกพ่ายเวียดนาม ทั้งที่นำก่อน 2-0
กลายเป็นประเด็นร้อนในวงการบอลไทยทันที หลังทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ 2025 พลิกสถานการณ์แพ้ทีมชาติเวียดนาม 2-3 ทั้งที่จบครึ่งแรกเป็นฝ่ายนำก่อน 2-0 ทำให้ความผิดหวังของแฟนบอลปะทุขึ้นในโลกออนไลน์ และหนึ่งในกระแสที่แรงที่สุดคือโพสต์จาก “โจ้ 5 หลา” ศรายุทธ ชัยคำดี อดีตกองหน้าทีมชาติไทย ที่ออกมาแสดงความเห็นด้วยอารมณ์ดุเดือด จนลุกลามกลายเป็นดราม่าข้ามคืน
โพสต์เดือดจนไฟลาม: คำพูดรุนแรงถูกแชร์ต่ออย่างรวดเร็ว
“โจ้ 5 หลา” ซึ่งปัจจุบันผันตัวเป็นโค้ชฟุตบอล ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัวทันทีหลังจบเกม โดยเป็นข้อความที่สะท้อนความรู้สึกแบบ “หัวร้อน” จากผลการแข่งขัน ซึ่งแม้เจ้าตัวจะลบโพสต์ออกไปในเวลาต่อมา แต่ถ้อยคำดังกล่าวถูกแคปเจอร์และแพร่กระจายในหลายเพจข่าวกีฬาอย่างรวดเร็ว
ข้อความที่เป็นชนวนหลักซึ่งเจ้าตัวระบุไว้คือ
“ขออนุญาตพูดในการที่เป็นโค้ชเหมือนกันกับโค้ชหลายๆคนที่ไม่เคยได้รับโอกาสแบบนั้น โค้ชโคตรโง่!!”
(ข้อความต้นฉบับคงไว้ตามเดิม)
ประโยคนี้ทำให้กระแสในโลกโซเชียล “ลุกเป็นไฟ” ทันที เพราะนอกจากจะเป็นคำวิจารณ์ที่รุนแรงแล้ว ยังพุ่งเป้าไปที่ “โค้ชวัง” ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชุดซีเกมส์อย่างชัดเจน
โดนวิจารณ์หนัก: อดีตแข้งทีมชาติออกมาตำหนิเรื่องความเหมาะสม
หลังโพสต์ดังกล่าวถูกวิจารณ์ในวงกว้าง เสียงตอบโต้ก็เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะจากอดีตนักเตะทีมชาติไทยหลายรายที่ออกมาตำหนิถึงความไม่เหมาะสมของถ้อยคำ พร้อมมองว่าแม้จะผิดหวังกับผลการแข่งขันได้ แต่การใช้คำรุนแรงต่อสาธารณะอาจสร้างผลกระทบต่อทั้งตัวโค้ช ทีมงาน และภาพลักษณ์ของวงการฟุตบอลไทยโดยรวม
และยิ่งเมื่อข้อความถูกนำไปเผยแพร่ต่อในหลายเพจข่าวกีฬา ดราม่าจึงยิ่งขยายวงจาก “ความเห็นส่วนตัว” กลายเป็น “ประเด็นสังคมบอล” ที่ถกเถียงกันทั้งคืน
เช้าวันถัดมา โจ้โพสต์เพิ่ม: ขอให้เอาโพสต์เชียร์ไปทำข่าวบ้าง
ต่อมาในช่วงเช้า “โจ้ 5 หลา” ได้โพสต์ข้อความเพิ่มเติมในโทนที่เบาลง แต่ยังสะท้อนความรู้สึกในฐานะแฟนบอลไทยที่ผิดหวัง พร้อมขอให้สื่อหรือเพจข่าวนำโพสต์ที่เขาเชียร์หรือชมไปนำเสนอด้วยเช่นกัน โดยระบุว่า
“ตอนผมโพสต์ชม ผมโพสต์เชียร์ ก็เอาโพสต์นั้นไปทำข่าวบ้างนะครับ ผมก็แฟนบอลคนนึงที่ไม่อยากให้ใครมาเอาแชมป์ในบ้านเรา”
(ข้อความต้นฉบับคงไว้ตามเดิม)
ประโยคนี้ชี้ให้เห็นว่าเจ้าตัวรับรู้แล้วว่ากระแสกำลังพุ่งใส่ตนเอง และพยายามอธิบายเจตนาในมุมแฟนบอลที่อยากเห็นทีมชาติประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะเมื่อการแข่งขันจัดขึ้นในบ้านเรา ซึ่งความคาดหวังยิ่งสูงเป็นพิเศษ
จบด้วยคำขอโทษตรงๆ ถึงโค้ชวัง: “ทีมชาติไทยยังไงก็เชียร์”
หลังจากนั้นไม่นาน “โจ้ 5 หลา” โพสต์อีกครั้งแบบชัดเจนกว่าเดิม และเป็นการเอ่ยขอโทษ “โค้ชวัง” โดยตรง พร้อมย้ำจุดยืนว่ายังสนับสนุนทีมชาติไทยเสมอ โดยระบุว่า
ผมขอโทษพี่วังนะครับ(อิโมจิไหว้) ทีมชาติไทยยังไงก็เชียร์ (อิโมจิหัวใจ)
(ข้อความต้นฉบับคงไว้ตามเดิม)
นี่คือการ “ถอยหนึ่งก้าว” ที่ช่วยลดความร้อนแรงของดราม่าลงได้ระดับหนึ่ง เพราะอย่างน้อยเจ้าตัวเลือกออกมารับผิดชอบต่อคำพูด และขอโทษต่อบุคคลที่ถูกพาดพิงโดยตรง
มุมมองที่แฟนบอลควรรู้: วิจารณ์ได้ แต่อย่าให้คำพูดพาเรื่องบานปลาย
ฟุตบอลเป็นเกมของอารมณ์ โดยเฉพาะเมื่อทีมชาติแพ้ในเกมสำคัญ ความผิดหวังย่อมเกิดขึ้นได้ แต่การแสดงความเห็นในที่สาธารณะมีผลตามมาเสมอ เพราะคำพูดเพียงประโยคเดียวอาจถูกแชร์ต่อ ตีความเพิ่ม และขยายความรุนแรงจนกระทบคนอื่นได้ การเลือกใช้ถ้อยคำที่เหมาะสมจึงสำคัญไม่แพ้การวิจารณ์เชิงแท็กติกหรือฟอร์มการเล่น
ในอีกด้านหนึ่ง เหตุการณ์นี้ก็สะท้อนพลังของโซเชียลมีเดียในวงการกีฬาไทยอย่างชัดเจน ว่าทุกโพสต์ของคนดังสามารถกลายเป็นประเด็นใหญ่ได้ในไม่กี่นาที และการรับผิดชอบหลังเกิดกระแสจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ส่งท้าย: ดราม่าค่อยๆ คลาย แต่บทเรียนยังอยู่
สุดท้าย “โจ้ 5 หลา” เลือกจบเรื่องด้วยการขอโทษ “โค้ชวัง” อย่างตรงไปตรงมา หลังโพสต์เดือดกลายเป็นดราม่าหนักจากเกมที่ทีมชาติไทยพ่ายเวียดนามชวดแชมป์ซีเกมส์ 2025 เรื่องนี้อาจค่อย ๆ เงียบลงตามเวลา แต่บทเรียนเรื่องการสื่อสารในโลกออนไลน์ยังชัดเจน และแฟนบอลยังคงต้องเดินหน้าสนับสนุน “ช้างศึก” ต่อไป แฟนบอลที่อยากตามทุกกระแสฟุตบอลไทยและข่าวกีฬาร้อน ๆ อย่าลืมติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวบอลไทยบ้านกีฬา

