ภาพใหญ่ของดราม่าไม้ อชิตพล
กระแส ข่าวบอลไทย สะเทือนตั้งแต่เช้า เมื่อสื่ออินโดนีเซียเล่นข่าวว่า อชิตพล คีรีรมย์ อดีตกองหน้า ทีมชาติไทย ชุดรองแชมป์ ซีเกมส์ 2023 ตัดสินใจ แขวนสตั๊ด เลิกฟุตบอลอาชีพในวัยเพียง 23 ปี หันหลังให้สนามหญ้าไปเข้าทางธรรมแบบเต็มตัว ทำเอาแฟนบอลหลายคนตกใจคิดว่าไทยกำลังเสียอีกหนึ่งดาวรุ่งในยุโรปไปแบบกะทันหัน
แต่ความจริงที่ตามมาทีหลัง กลับไม่ใช่การเลิกอาชีพอย่างถาวรอย่างที่หลายสื่อพาดหัว เพราะเจ้าตัวเพียงแค่กลับเมืองไทยช่วงลีกเยอรมนีพักเบรก เพื่ออุปสมบทตามธรรมเนียมเท่านั้น เรื่องนี้จึงกลายเป็นตัวอย่างสด ๆ ของข่าวต่างประเทศที่ “ตีความเกินจริง” จนแฟนบอลต้องเช็กข้อมูลกันให้ดี
สื่อเวียดนาม-อินโดฯ เล่นข่าวแรง แห่ตีไม้เลิกบอลไปบวชถาวร
เรื่องทั้งหมดเริ่มจากรายงานของสื่อดังฝั่งเวียดนามอย่าง Thethao ที่เสนอข่าวว่า กองหน้าไทยของสโมสรชวาเบน เอาก์สบวร์ก ตัดสินใจยุติการค้าแข้งในบอลลีกเยอรมนี เพื่อกลับประเทศไทยและเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อย่างจริงจัง เนื้อหาข่าวถูกแชร์ต่อเป็นวงกว้างในกลุ่มแฟนบอลอาเซียน จนทำให้หลายคนเข้าใจไปในทิศทางเดียวกันว่าไม้ปิดฉากเส้นทางลูกหนังเรียบร้อยแล้ว
ต่อมา สื่ออินโดนีเซียชื่อดังอย่าง Bolalob ก็เลือกเดินเกมข่าวในทิศทางเดียวกัน ขยายประเด็นไปอีกขั้นว่า อดีตดาวยิงทีมชาติไทยชุดเยาวชนรายนี้ ตัดสินใจเดินออกจากเส้นทางฟุตบอลอาชีพ เพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่สายธรรมแบบเต็มตัวในวัยเพียง 23 ปี ยิ่งทำให้ดราม่าบานปลายไปทั่วโซเชียล เพราะคนอ่านส่วนใหญ่มักจะเชื่อจากพาดหัวก่อนรายละเอียดเสมอ
รายงานจาก Bolalob: ใช้ประวัติเยอะ แต่ข้อเท็จจริงยังเพี้ยน
Bolalob ใส่รายละเอียดในข่าวค่อนข้างมาก ทั้งเรื่องประวัติการค้าแข้งและเส้นทางในเยอรมนี โดยมีข้อความสำคัญในข่าวว่า
“อชิตพล คีรีรมย์ อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย ที่ค้าแข้งอยู่ในประเทศเยอรมนี ตัดสินใจเลิกเล่นฟุตบอลก่อนกำหนดในอายุเพียง 23 ปี และเลือกที่จะบวชเป็นพระ อชิตพลอำลาสโมสรชวาเบน เอาส์บวร์ก ในลีกระดับ 4 ของเยอรมนี เพื่อกลับไปยังจังหวัดเลย และศึกษาพระพุทธศาสนาให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ก่อนที่จะบวชที่วัดในท้องถิ่น”
จากนั้นยังเสริมภาพรวมเส้นทางอาชีพของไม้เอาไว้ชัดเจนว่า
“ด้วยความที่พ่อแม่มีเชื้อสายเยอรมัน-ไทย เขาจึงเป็นผลผลิตจากระบบฟุตบอลเยอรมันอย่างแท้จริง เคยเป็นกองหน้าของทีมเยาวชนอายุไม่เกิน 19 ปีของโรเซนไฮม์ และเล่นให้กับเอฟซี เอาก์สบวร์ก เป็นเวลา 3 ฤดูกาล รวมถึงเคยลงเล่นในรอบชิงชนะเลิศซีเกมส์ 2023 ที่ทีมชาติไทยพ่ายแพ้อินโดนีเซีย 2-5”
จะเห็นได้ว่าข้อมูลด้านประวัติ การเล่นในเยอรมนี ระบบเยาวชน และดีกรีทีมชาติ ล้วนใส่มาถูกต้องพอสมควร แต่ “จุดพลาดใหญ่” คือการสรุปว่าการกลับมาบวชเท่ากับการอำลาวงการฟุตบอล ซึ่งส่วนนี้ต่างหากที่ทำให้แฟนบอลเกิดความเข้าใจผิดกันไปทั้งย่านอาเซียน
เส้นทางลูกหนังของหัวหอกไทย-เยอรมันที่ยังไม่ปิดฉาก
แม้ข่าวต่างประเทศจะเล่นแรง แต่สำหรับแฟนบอลไทย หลายคนรู้ดีว่าไม้คือหนึ่งในกองหน้าลูกครึ่งไทย-เยอรมันที่ถูกจับตาตั้งแต่ชุดเยาวชน ผ่านการขัดเกลาในระบบเยาวชนของเยอรมนี ทั้งโรเซนไฮม์และเอาก์สบวร์ก ก่อนขยับมาอยู่กับชวาเบน เอาก์สบวร์ก ในลีกรองของเมืองเบียร์
ผลงานเด่นที่สุดในสายตาแฟนบอลไทยคือการสวมเสื้อทีมชาติชุดซีเกมส์ 2023 ที่กัมพูชา ซึ่งแม้ทีมชาติไทยจะพลาดแชมป์หลังแพ้อินโดนีเซีย 2-5 ในรอบชิง แต่ชื่อของเขาก็ถือเป็นหนึ่งในความหวังใหม่ของแนวรุกไทย ที่มีทั้งสรีระแบบสไตรเกอร์ยุโรปและความเข้าใจเกมแบบผู้เล่นลูกครึ่ง
ด้วยพื้นฐานฟุตบอลจากระบบเยอรมัน การอ่านเกม การหาพื้นที่ในเขตโทษ และสัญชาตญาณจบสกอร์ของไม้ ทำให้แฟนบอลจำนวนมากเสียดาย หากข่าวแขวนสตั๊ดจะเป็นเรื่องจริงจริง ๆ แต่ในที่สุดก็ชัดเจนแล้วว่า เรื่องนั้นเป็นเพียง “การตีข่าวเกินจริง” ไม่ใช่คำประกาศรีไทร์จากปากเจ้าตัว
ความจริงชัดเจน: แค่กลับไทยช่วงพักลีกเพื่ออุปสมบท
เมื่อข้อมูลถูกตรวจสอบจากฝั่งไทย จึงพบว่าความจริงแล้ว อชิตพล คีรีรมย์ เพียงเดินทางกลับบ้านเกิดในช่วงที่บอลลีกเยอรมนีพักเบรกการแข่งขันเท่านั้น จุดประสงค์หลักคือการเข้าพิธีอุปสมบท ณ วัดศรีจันทร์ ตำบลนาอ้อ อำเภอเมือง จังหวัดเลย ตามประเพณีและความตั้งใจส่วนตัวของเจ้าตัวและครอบครัว
การบวชในลักษณะนี้เป็นการอุปสมบทชั่วคราว ไม่ใช่การหันหลังให้สนามฟุตบอลอย่างถาวร ไม่มีประกาศทางการใด ๆ จากตัวนักเตะหรือสโมสรเกี่ยวกับการยุติอาชีพค้าแข้ง ดังนั้น ข่าวจากทั้งสื่อเวียดนามและอินโดนีเซียจึงจัดอยู่ในหมวด “เฟคนิวส์” ที่ทำให้แฟนบอลเข้าใจผิดไปไกลกว่าความเป็นจริง
สำหรับแฟนบอลไทย นี่คือสัญญาณชัดเจนว่า เส้นทางในยุโรปของไม้ยังไม่ได้ปิดฉาก แค่ขอ “พักใจ” เข้าทางธรรมนิดหน่อย แล้วค่อยกลับมาลุยในเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพต่อไปเท่านั้น
มองให้ไกลกว่าเคสเดียว: บทเรียนเรื่องข่าวลวงในวงการลูกหนัง
กรณีของไม้ อชิตพล ไม่ใช่ครั้งแรกที่แฟนบอลถูก “พาดหัว” พาเข้าใจผิด ในยุคโซเชียลข่าวฟุตบอลถูกแชร์รวดเร็วมาก ทั้งจากสำนักข่าวใหญ่ เพจบอล หรือแอ็กเคานต์ต่างประเทศที่คนไทยตามกันเยอะ หลายครั้งการแปลข่าวข้ามภาษา หรือการตีความจากบริบท “ศาสนา-วัฒนธรรม” ที่ต่างกัน ทำให้ข้อเท็จจริงบิดเบี้ยวไปคนละเรื่อง
สิ่งที่แฟนบอลไทยควรได้จากเหตุการณ์นี้ นอกจากจะโล่งใจที่ยังไม่เสียดาวรุ่งไปจากวงการ คือบทเรียนว่า ก่อนจะเชื่อว่าดาวเตะคนไหน แขวนสตั๊ด เลิกเล่น หรือมีดราม่าหนักแค่ไหน ควรเช็กจากหลายแหล่งข่าว โดยเฉพาะสื่อหลักในไทย หรือแถลงจากสโมสรและนักเตะเอง เพราะฟุตบอลสมัยใหม่ไม่ได้มีแค่เกมในสนาม แต่ “เกมของข่าวสาร” ก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน
มุมมองแฟนบอลไทยต่ออนาคตของไม้
เมื่อความจริงถูกคลี่คลาย แฟนบอลไทยก็สามารถเปลี่ยนจากความกังวลมาเป็นการเอาใจช่วยแทน ว่าหลังจากผ่านช่วงเวลาในร่มกาสาวพัสตร์แล้ว ไม้จะกลับไปลุยบอลเยอรมนีด้วยหัวใจที่นิ่งขึ้น แข็งแกร่งขึ้น ทั้งในแง่สภาพจิตใจและวุฒิภาวะ
สำหรับนักฟุตบอลอายุน้อย การได้หยุดพักกลับมาทบทวนชีวิต เข้าหาศาสนา และใช้เวลาอยู่กับครอบครัวในบ้านเกิด ถือเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้การซ้อมหนักในสนาม หากบริหารเส้นทางให้ดี ประสบการณ์ช่วงสั้น ๆ นี้อาจกลายเป็น “ทุนทางใจ” ที่ทำให้เขาเติบโตขึ้นอีกขั้นในฐานะนักเตะอาชีพ
และในมุมของแฟนบอลไทย เคสนี้ยิ่งตอกย้ำว่า เรามีดาวรุ่งที่พอจะไปยืนบนเวทีต่างแดนได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ภารกิจของพวกเราคือคอยส่งเสียงเชียร์ ติดตามผลงานอย่างใกล้ชิด พร้อมวิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่ปล่อยให้เฟคนิวส์มาปั่นอารมณ์จนหลุดจากความจริง
ติดตามทุกดราม่าบอลไทยได้ที่ บ้านกีฬา
สุดท้าย ดราม่า “แขวนสตั๊ดวัย 23” ของไม้ อชิตพล กลายเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สอนให้ทั้งแฟนบอลและสื่อระมัดระวังการตีความข่าวมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ทำให้เห็นชัดว่า ดาวรุ่งไทยที่ไปไกลถึงเยอรมนียังไม่ได้ปิดฉากเส้นทางลูกหนัง เพียงแค่ขอเวลากลับมาทำหน้าที่ลูกผู้ชายในแบบฉบับไทยแท้เท่านั้น
แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะข่าวร้อนของวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องในสนาม หรือเบื้องหลังชีวิตนักเตะ อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวมันส์ ๆ ได้ที่ ข่าวบอลไทยบ้านกีฬา

