
สะเทือนวงการสื่อสารและการบริหารงานภาครัฐอีกครั้ง เมื่อ ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษา “เพิกถอน” การสรรหาบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่ง เลขาธิการ กสทช. อย่างเป็นทางการ โดยชี้ว่า ประธาน กสทช. ใช้อำนาจเกินขอบเขต ไม่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการทั้งชุด ซึ่งถือเป็นหลักการพื้นฐานของระบบธรรมาภิบาลไทย
บ้านกีฬา ขอนำเสนอบทความนี้ในมุมมองของผู้หญิงคนหนึ่งที่ให้ความสำคัญกับกระบวนการยุติธรรม การใช้อำนาจรัฐอย่างเหมาะสม และการสร้างองค์กรที่โปร่งใสในยุคที่ “ข่าว” กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของสังคม
📍 เปิดปมการสรรหา “เลขาธิการ กสทช.” ที่กลายเป็นคดีถึงศาล
ต้นเรื่องเริ่มต้นเมื่อ นางสุรางคณา วายุภาพ อดีตผู้สมัครเข้ารับการสรรหาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กสทช. ได้ยื่นฟ้อง ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. และ คณะกรรมการ กสทช. ต่อศาลปกครองกลาง โดยชี้ว่าการสรรหา นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาฯ ที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นเลขาธิการนั้น ไม่ได้เป็นมติของบอร์ด กสทช. ทั้งคณะ
และเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2568 ศาลปกครองกลางได้อ่านคำพิพากษา เพิกถอนกระบวนการสรรหาทั้งหมดทันที โดยให้เหตุผลว่า อำนาจในการบริหารงานบุคคล และการแต่งตั้งเลขาธิการ กสทช. ต้องมาจาก “มติของบอร์ดทั้งคณะ” เท่านั้น ไม่ใช่การตัดสินใจของประธานเพียงคนเดียว
⚖️ คำพิพากษาศาลปกครองกลาง : หลักนิติธรรมชี้ขาด
ศาลชี้ชัดว่า “ไม่มีหลักเกณฑ์การสรรหาที่ผ่านความเห็นชอบของบอร์ด กสทช. อย่างเป็นทางการ” และการที่ประธาน กสทช. ออกประกาศรับสมัคร คัดเลือก และสรรหาบุคคลโดยลำพังนั้น เป็น การใช้อำนาจโดยปราศจากกฎหมายรองรับ ขัดต่อ พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553
ศาลย้ำว่า อำนาจของ กสทช. คืออำนาจของคณะกรรมการทั้งชุด ไม่ใช่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง และกระบวนการสรรหาที่ไม่ผ่านมติบอร์ดอย่างถูกต้อง ย่อมเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายทั้งหมด
🧾 ส่งผลกระทบอย่างไรต่อองค์กร กสทช.?
- ต้อง สรรหาเลขาธิการใหม่ ทั้งหมดภายในกรอบเวลา 30 วัน
- กระทบต่อ ความเชื่อมั่นขององค์กร ทั้งต่อภาคธุรกิจและสาธารณชน
- อาจเปิดทางไปสู่ การดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ หากพบว่ามีเจตนาแฝง
นางสุรางคณา ระบุว่า คำพิพากษานี้ถือเป็น “บรรทัดฐานทางกฎหมาย” สำหรับองค์กรอิสระของรัฐ และเตรียมพิจารณาการดำเนินคดีต่อไป เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและโปร่งใสต่อระบบสื่อสารของประเทศ
📌 กสทช. คือใคร? ทำไมตำแหน่งเลขาฯ ถึงสำคัญขนาดนี้?
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช) มีบทบาทในการจัดการ คลื่นความถี่ระดับชาติ ซึ่งถือเป็นทรัพยากรของแผ่นดินที่มีมูลค่ามหาศาล ทั้งการประมูล 5G, การกำกับเนื้อหาสื่อ, การควบคุมโครงข่ายโทรคมนาคม และการดูแลการแข่งขันในตลาดดิจิทัล
ตำแหน่ง เลขาธิการ กสทช. จึงเปรียบเสมือน “มันสมอง” ขององค์กร เป็นผู้ขับเคลื่อนนโยบาย บริหารทรัพยากร และดูแลผลประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศ
🧠 ทำไมข่าวนี้ถึงสำคัญ และเราควรเรียนรู้อะไรจากคำพิพากษาครั้งนี้?
- กระบวนการแต่งตั้งคนในองค์กรรัฐต้องโปร่งใส และอยู่ภายใต้กฎหมายเสมอ
- การตรวจสอบถ่วงดุลคือหัวใจของประชาธิปไตย แม้จะเป็นการใช้อำนาจโดยหวังดี หากไม่มีมติบอร์ดก็ถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย
- ศาลปกครองคือกลไกสำคัญในการคานอำนาจรัฐ และคุ้มครองสิทธิประชาชนในกรณีที่ได้รับผลกระทบจากการบริหารงานโดยมิชอบ
🗓️ แล้วอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้?
- ต้องมีการ เปิดรับสมัครและสรรหาใหม่ ภายใต้หลักเกณฑ์ที่ผ่านความเห็นชอบจากบอร์ด กสทช. อย่างเป็นทางการ
- ผู้ถูกฟ้องยังสามารถ ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดได้ภายใน 30 วัน
- ประเด็นนี้จะกลายเป็น “คดีตัวอย่าง” ในการตีความอำนาจขององค์กรอิสระในอนาคต
✨ ข้อคิดส่งท้ายจากบ้านกีฬา: องค์กรอิสระต้องมี “โครงสร้างอำนาจ” ที่ยึดโยงกับประชาชน
เพราะทรัพยากรอย่าง “คลื่นความถี่” ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของประชาชนทั้งประเทศ ตำแหน่งอย่างเลขาธิการ กสทช. จึงไม่ใช่แค่การตั้งคนทำงาน แต่คือการส่งเสียงจากระบบรัฐให้ประชาชนมั่นใจว่า บ้านเมืองยังเดินหน้าไปตามกฎหมายและหลักธรรมาภิบาลที่ชัดเจน
เราทุกคนไม่จำเป็นต้องรู้กฎหมายลึกซึ้ง แต่เราควรเข้าใจสิทธิของตน และรู้เท่าทันการใช้อำนาจรัฐ เพราะสุดท้ายแล้ว อำนาจไม่ควรเป็นของใครคนเดียว แต่อยู่บนมติของผู้แทนประชาชนตามหลักประชาธิปไตย
📢 ติดตาม ข่าวกระแสมาแรง ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา อัปเดตทุกมุมสำคัญของประเทศ ทั้งข่าวภาครัฐ ภัยพิบัติ เทคโนโลยี และเทรนด์สังคมแบบเข้าใจง่าย ครบ จบ อ่านที่เดียว!