
สวัสดีค่ะ วันนี้ บ้านกีฬา ขอพาทุกคนมาล้วงลึกทุกซอกมุมของประเด็นร้อนแรงที่กำลังสะเทือนทั้งแรงงานและนายจ้างทั่วไทยกับการปรับ ค่าแรงขั้นต่ำ 2568 ที่เพิ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา พร้อมเสียงเฮจากลูกจ้าง และเสียงกังวลจากผู้ประกอบการ หลังรัฐบาลประกาศขึ้นค่าแรงสูงสุดแตะวันละ 400 บาท แล้วจริงๆ เกิดอะไรขึ้น? จังหวัดไหนได้เท่าไหร่? ใครเดือด ใครได้เปรียบ? บ้านกีฬาขอเล่าให้ฟังแบบละเอียดยิบ!
อัปเดตเต็ม! อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 2568 มีผลแล้ว 1 กรกฎาคมนี้
เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 คณะกรรมการค่าจ้างมีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้น อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ใหม่ทั่วประเทศ โดยมีการเผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษา (ฉบับที่ 14) และมีผลบังคับใช้ทันทีตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป
- สูงสุด: 400 บาท/วัน ในกรุงเทพฯ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย) และโรงแรมหรือสถานบริการในทุกจังหวัด
- ต่ำสุด: 337 บาท/วัน ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ คือ นราธิวาส ปัตตานี และยะลา
อัตราอื่นๆ ถูกแบ่งตามศักยภาพและเศรษฐกิจของแต่ละพื้นที่ ไล่ระดับตั้งแต่ 345–399 บาท เช่น เชียงใหม่ (อ.เมือง) และหาดใหญ่ ได้ 380 บาท ขณะที่จังหวัดส่วนใหญ่ในภาคอีสานได้อยู่ในช่วง 348–357 บาท
ทำไมต้องปรับ? ใครได้ ใครเสีย?
การปรับขึ้นครั้งนี้ถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือแรงงานให้มีรายได้ที่สอดคล้องกับค่าครองชีพ แต่ในอีกด้านก็ทำให้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กบางรายโอดครวญว่าภาระต้นทุนจะเพิ่มขึ้น ขณะที่แรงงานดีใจที่ได้ “ของขวัญ” เป็นรายได้ต่อวันที่สูงขึ้นจริง
เสียงสะท้อนจากพื้นที่อย่าง ฉะเชิงเทรา ชัดเจนมาก เพราะนายจ้างมองว่าต้องปรับค่าแรงให้สูงเทียบเท่ากรุงเทพฯ และแหล่งท่องเที่ยวใหญ่ ทั้งที่สภาพเศรษฐกิจไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากัน สภาอุตสาหกรรมและหอการค้าจังหวัดมองว่ารัฐบาลเร่งรีบเพื่อสร้างผลงานทางการเมืองโดยไม่ฟังเสียงจากผู้ประกอบการที่แท้จริง
“ค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท เราไม่คัดค้าน แต่ต้องคำนึงถึงความพร้อมของแต่ละพื้นที่ด้วย เพราะต้นทุนสูงขึ้นแต่รายได้ธุรกิจเท่าเดิมหรือน้อยกว่าในบางช่วง” — สภาอุตสาหกรรม จ.ฉะเชิงเทรา
ขึ้นค่าแรงครั้งนี้ส่งผลอย่างไรต่อเรา?
สิ่งที่ต้องรู้คือ กฎหมายกำหนดชัดเจนว่า นายจ้าง ห้ามจ่ายค่าจ้างน้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ไม่ว่าจะทำงานวันธรรมดาหรือวันหยุด โดยคำนวณตามจำนวนชั่วโมงที่กฎหมายกำหนด (7–8 ชั่วโมง/วัน) หากจ้างต่ำกว่า มีโทษตามกฎหมายแรงงาน
ในขณะเดียวกัน ฝั่งลูกจ้างควรตรวจสอบสิทธิ์ของตนเองให้ดี หากพบว่านายจ้างละเมิดสิทธิ์ ควรแจ้งไปที่กระทรวงแรงงานหรือติดต่อสวัสดิการแรงงานในจังหวัดทันที
เคล็ดลับเอาตัวรอดยุคค่าแรงใหม่
แม้การขึ้นค่าแรงจะเป็นเรื่องดีสำหรับลูกจ้าง แต่สิ่งที่ควรเตรียมตัวคือ พัฒนาทักษะและความสามารถ ของตัวเอง เพราะในอนาคต นายจ้างอาจเลือกลงทุนกับแรงงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรเพื่อลดต้นทุน
ฝั่งนายจ้างเองก็ควรหาทางปรับตัว ทั้งในเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การใช้เทคโนโลยีช่วยงาน และการวางแผนค่าใช้จ่ายให้เหมาะสม เพื่อให้อยู่รอดในยุคเศรษฐกิจแข่งขันสูงแบบนี้
ทำไมประเด็นนี้ถึงไวรัล?
เพราะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่อัตราค่าแรงขั้นต่ำพุ่งสูงถึง 400 บาท/วัน โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจบริการและโรงแรมที่ตอนนี้ต้องปรับตัวกันจ้าละหวั่น ทั้งในมุมแรงงานที่เฮเพราะมีรายได้เพิ่มขึ้น และมุมผู้ประกอบการที่โอดเพราะกำไรอาจหายไปบางส่วน
ไม่แปลกใจเลยที่แฮชแท็กอย่าง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ และ ขึ้นค่าแรง 2568 ติดเทรนด์โซเชียลตั้งแต่วันแรกของการประกาศ เพราะเป็นเรื่องที่กระทบชีวิตจริงของคนทำงานทุกคนในประเทศไทย
ข้อคิดจากบ้านกีฬา
ในฐานะผู้หญิงทำงานอีกคน อยากให้ทุกคนมองเรื่องนี้อย่างเข้าใจทั้งสองมุม ทั้งแรงงานและนายจ้าง ต่างก็มีความคาดหวังและความกดดันในแบบของตัวเอง การขึ้นค่าแรงครั้งนี้จึงเป็นทั้งโอกาสและโจทย์ใหญ่ที่เราทุกคนต้องปรับตัว
และในฐานะคนข่าว บ้านกีฬาก็อยากฝากไว้ว่า สิทธิ์ของเราในฐานะลูกจ้างควรได้รับการคุ้มครองอย่างถูกต้อง ขณะเดียวกันเราก็ควรพัฒนาศักยภาพของตัวเองให้มากขึ้น เพื่อให้ค่าแรงสูงขึ้นอย่างยั่งยืนในอนาคตค่ะ
ติดตาม ข่าวกระแสมาแรง อัปเดตไว ครบทุกมุมมองสไตล์บ้านกีฬา ได้ทุกวันที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา