แฉขบวนการ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์ปอยเปต” ฐานลวงเหยื่อกลางคาสิโน ยึดครองปอยเปตเป็นรังหลอกเงินนับร้อยล้าน!

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

ในยุคที่เทคโนโลยีเชื่อมโยงโลกได้เพียงปลายนิ้ว กลับกลายเป็นดาบสองคม เมื่อ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลายเป็นอาชญากรรมข้ามชาติที่สร้างความเสียหายให้คนไทยเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะขบวนการ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ปอยเปต ที่เพิ่งถูกตำรวจไซเบอร์บุกทลาย รวบหัวโจกสำคัญ 2 ราย เปิดโปงฐานปฏิบัติการในคาสิโนหรูกลางเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ตอกย้ำว่าเมืองคาสิโนชายแดนแห่งนี้ไม่เพียงเป็นสวรรค์นักพนัน แต่ยังเป็น “นรก” ของเหยื่อผู้หลงเชื่อคำลวง

ทีมข่าวสืบสวนของเราตามติดปฏิบัติการครั้งนี้อย่างเข้มข้น โดยมีการแถลงข่าวที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ พร้อมคณะทำงานชุดสืบสวน เปิดเผยผลจับกุม นายสมศักดิ์ ดาษพินิจ อายุ 37 ปี และ นายวราเมธ สามารถกิจ อายุ 20 ปี สองคนไทยผู้ทำหน้าที่หัวหน้า “สาย 2” และ “สาย 3” ของเครือข่าย ที่เคยสร้างผลงานตุ๋นเหยื่อได้มากสุดกว่า 12 ล้านบาทในครั้งเดียว!

ปอยเปต…จากสวรรค์นักพนันสู่เครือข่ายหลอกลวงข้ามชาติ

สำหรับคนไทยหลายคน “ปอยเปต” มักถูกนึกถึงในฐานะเมืองคาสิโนติดชายแดนสระแก้ว-กัมพูชา ที่เต็มไปด้วยนักเสี่ยงโชค แต่เบื้องหลังแสงไฟนีออนและเสียงเครื่องสล็อต กลับมีมุมมืดที่น่าตกใจ เมื่อขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ที่นี่เป็นฐานปฏิบัติการ ภายใน ภูลิคาสิโน สถานที่ที่ตำรวจระบุว่ามีหัวหน้าชาวจีนคุมเชิง คอยบังคับคนไทยให้เป็นมือปฏิบัติ โทรศัพท์ขู่กรรโชกเหยื่อในเมืองไทย

คดีนี้เริ่มต้นจากการที่ตำรวจไซเบอร์สืบสวนคดี Hybrid Scam ที่เหยื่อสาวรายหนึ่งถูกลวงให้โอนเงินลงทุนคริปโต ผ่านการพูดคุยทางโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่างสนิทใจ สุดท้ายเสียหายไปกว่า 300 ล้านบาท จากการโอนเงิน 147 ครั้ง เข้าบัญชีม้าถึง 79 บัญชี! การขยายผลนำไปสู่การออกหมายจับสมาชิกขบวนการถึง 76 ราย ติดตามจับกุมได้แล้ว 46 ราย

วิธีการลวงเหยื่อ…เป็นขบวนการเป็นสายงาน

ตำรวจเปิดเผยว่า เครือข่ายนี้มีมากกว่า 100 คน แบ่งหน้าที่กันชัดเจน

  • สาย 1: โทรศัพท์หาผู้เสียหายแนะนำตนเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ สร้างสถานการณ์ให้ผู้เสียหายตกใจและหลงเชื่อ
  • สาย 2: เสริมความน่าเชื่อถือ สนทนาตอกย้ำบทบาทเจ้าหน้าที่รัฐ หรือเป็นร้อยเวร
  • สาย 3: ปิดเกม อ้างเป็นผู้กำกับสั่งให้โอนเงิน โดยข่มขู่และกดดันทางจิตใจ
  • หน่วยสนับสนุน: ปลอมหนังสือราชการ จัดหาซิมผี บัญชีม้า

นายวราเมธ ให้การว่า ถูกหลอกไปทำงานในคาสิโนตั้งแต่เป็นแอดมินขายของ ก่อนถูกยึดโทรศัพท์และเอกสารประจำตัว แล้วถูกบังคับไต่สายจาก 1 จนขึ้นมาทำงานเป็นสาย 3 รับค่าคอมมิชชั่นร้อยละ 3.5-6.5 ตามเงื่อนไข ซึ่งในครั้งหนึ่งเขาหลอกเหยื่อโอนเงินได้มากถึง 12 ล้านบาท

ด้าน นายสมศักดิ์ ก็เล่าว่าถูกบังคับให้แสดงตัวเป็นร้อยตำรวจโทของ สภ.มุกดาหาร คอยสนทนาข่มขู่เหยื่อในสาย 2 เคยพยายามหนีออกมาแต่ก็ถูกจับกุมติดคุกในกัมพูชา 14 วัน ก่อนถูกส่งกลับไทย

ขบวนการนี้ร้ายแรงแค่ไหน?

จากสถิติสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่าแต่ละปีความเสียหายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์เฉพาะในไทยมีมูลค่าหลายพันล้านบาท โดยขบวนการใน ปอยเปต ถูกระบุว่าเป็นหนึ่งในเครือข่ายใหญ่และมีความเป็น “องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” ครบถ้วน ทั้งอั้งยี่ ซ่องโจร ฉ้อโกง ฟอกเงิน และกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

ที่น่าสะเทือนใจยิ่งกว่านั้นคือ การบังคับใช้แรงงานหรือคุกคามร่างกายต่อคนไทยที่ถูกล่อลวงไปทำงาน หากขัดขืนจะถูกทำร้าย และมีบางรายไม่สามารถกลับบ้านเกิดได้

ทำอย่างไรถึงจะไม่ตกเป็นเหยื่อ?

เพื่อป้องกันตัวเองจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ควรยึดหลักดังนี้
✅ หากมีสายแปลกโทรมาแอบอ้างหน่วยงานรัฐ อย่ารีบเชื่อ ให้โทรกลับตรวจสอบกับหน่วยงานจริง
✅ อย่าหลงเชื่อโอนเงินเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
✅ ระวังการลงทุนใดๆ ที่ไม่รู้จักดีพอ
✅ ใช้แอปพลิเคชันตรวจสอบบัญชีม้าและหมายเลขโทรศัพท์
✅ แจ้งเบาะแสที่สายด่วน 1441 หรือ thaipoliceonline.go.th

สรุป

คดีนี้เป็นอีกหนึ่งบทเรียนสำคัญที่สะท้อนมุมมืดของ ปอยเปต และเตือนสติสังคมว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังคงเป็นภัยร้ายที่แฝงตัวอยู่ และไม่มีใครควรประมาท แม้คนร้ายจะอ้างว่าถูกบังคับให้ทำงาน แต่ผลลัพธ์กลับสร้างความเสียหายต่อคนไทยอย่างมหาศาล

ติดตาม ข่าวกระแสมาแรง แบบเจาะลึกทุกมุมแบบนี้ต่อได้ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา