ปลายปีทีไร อารมณ์มันเหมือนเข้าสู่ “ช่วงทดเวลาเจ็บ” ของทั้งปี—ทุกคนเร่งปิดงาน เร่งเคลียร์เป้าหมาย แล้วก็หาโมเมนต์ดี ๆ ให้ตัวเองกับครอบครัว และหนึ่งในเทศกาลที่คนไทยคุ้นตา คุ้นใจมากขึ้นทุกปี ก็คือ Christmas (คริสต์มาส / X’mas) แม้หลายคนไม่ได้ถือศาสนาคริสต์ แต่บรรยากาศไฟระยิบระยับ ต้นคริสต์มาส ของขวัญ เพลงเพราะ ๆ และคำอวยพร “Merry Christmas” ก็ทำให้เดือนธันวากลายเป็นเดือนที่อบอุ่นแบบพิเศษเสมอ
บ้านกีฬาเอาข้อมูลแบบแน่น ๆ มาเล่าให้ฟังครบทั้ง ประวัติความเป็นมา ทำไมตรงกับ วันที่ 25 ธันวาคม แล้ว ซานตาคลอสเกี่ยวข้องอะไร รวมถึง “สัญลักษณ์ยอดฮิต” ที่ทำให้คริสต์มาสกลายเป็นเทศกาลระดับโลก
คริสต์มาส แปลว่าอะไร? ทำไมเรียก Christmas และ X’mas
คำว่า “คริสต์มาส” มาจากคำภาษาอังกฤษ Christmas ซึ่งรากศัพท์เก่าเคยปรากฏเป็น Christes Maesse (ภาษาอังกฤษโบราณ) มีความหมายประมาณว่า “พิธีมิสซาเพื่อพระคริสต์” หรือการบูชาพระคริสต์ในพิธีศาสนานั่นเอง
ส่วนคำว่า X’mas ที่คนชอบเขียนย่อ ไม่ได้แปลว่าตัดพระเยซูทิ้งอย่างที่บางคนเข้าใจผิด “X” ในที่นี้โยงกับอักษรกรีก Chi (Χ) ซึ่งเป็นตัวแรกของคำว่า Christos (พระคริสต์) เลยกลายเป็นการย่อที่ใช้กันแพร่หลาย โดยเฉพาะในงานเขียนและป้ายประดับ

ทำไมคริสต์มาสตรงกับวันที่ 25 ธันวาคม ทั้งที่พระคัมภีร์ไม่ได้ระบุวันเกิดชัด ๆ
ตามเรื่องเล่าในพระคัมภีร์ กล่าวถึงการประสูติของพระเยซูที่เมือง เบธเลเฮม (Bethlehem) ในยุคจักรวรรดิโรมันมีการจดทะเบียนสำมะโนครัว ทำให้โยเซฟกับมารีย์ต้องเดินทาง แต่ “วันและเดือน” ที่แน่ชัดไม่ได้ระบุไว้ชัดเจน
แล้วทำไมโลกจึงยึด 25 ธันวาคม เป็นวันคริสต์มาส?
มุมของนักประวัติศาสตร์อธิบายไว้ว่า ในยุคโรมัน 25 ธันวาคม เคยถูกกำหนดให้เป็นวันฉลองเกี่ยวกับ “สุริยเทพ/ดวงอาทิตย์” และเทศกาลฤดูหนาวบางอย่างมาก่อน เมื่อศาสนาคริสต์แพร่หลายขึ้น ชาวคริสต์จำนวนมากจึงเลือกให้ “วันแห่งแสงสว่าง” กลายเป็นวันเฉลิมฉลองการบังเกิดของพระเยซู ซึ่งถูกเปรียบว่าเป็น “ความสว่างของโลก” ในเชิงสัญลักษณ์
ที่สำคัญคือ ช่วงเวลาหนึ่งในประวัติศาสตร์ ชาวคริสต์ถูกจำกัดเสรีภาพทางศาสนา ทำให้การเฉลิมฉลองแบบเปิดเผยทำได้ยาก เมื่อสังคมเริ่มเปิดกว้างมากขึ้น “คริสต์มาส” จึงค่อย ๆ กลายเป็นพิธีสำคัญและแพร่ไปทั่วโลกในที่สุด
ความหมายของวันคริสต์มาส ทำไมชาวคริสต์ให้ความสำคัญมาก
สำหรับคริสต์ศาสนิกชน คริสต์มาส คือวันเฉลิมฉลองการประสูติของ พระเยซูคริสต์ และเป็นการย้ำความหมายหลักเรื่อง “ความรัก” และ “ความหวัง” ที่พระเจ้ามีต่อมนุษย์
นี่คือเหตุผลที่แก่นของคริสต์มาสไม่ได้หยุดแค่ไฟสวย ๆ หรือของขวัญ แต่รวมถึง
- การขอบคุณและแบ่งปัน
- การให้อภัยและเริ่มต้นใหม่
- การรวมตัวของครอบครัว
- การช่วยเหลือผู้ที่ขาดโอกาส
พูดง่าย ๆ แบบบ้านกีฬา: คริสต์มาสคือวันที่คนจำนวนมาก “กลับมาเล่นเป็นทีม” กับครอบครัวและคนรอบตัวอีกครั้ง หลังจากทั้งปีต่างคนต่างวิ่งงานเหมือนลงสนามคนละแมตช์
ซานตาคลอสเกี่ยวข้องอะไร? จาก “นักบุญนิโคลัส” สู่ตำนานชายชุดแดง
ถ้าพูดถึงคริสต์มาส ภาพที่เด้งขึ้นมาก่อนคือ ซานตาคลอส แน่นอน
ตำนานที่เล่ากันแพร่หลายชี้ว่า “ต้นแบบ” ของซานตาคลอสคือ นักบุญนิโคลัส (Saint Nicholas) นักบวช/สังฆราชในอดีต ผู้มีชื่อเสียงเรื่องความเมตตาและการช่วยเหลือผู้ยากไร้ โดยเฉพาะเด็ก ๆ
หนึ่งในเรื่องเล่าคลาสสิกที่สุดคือคืนหนึ่งท่านแอบนำ “ถุงเงิน” ไปช่วยเด็กหญิงยากจน ผ่านทางปล่องไฟ และถุงเงินไปตกในถุงเท้าที่แขวนไว้ใกล้เตาผิงพอดี ตรงนี้เองที่กลายเป็นจุดเริ่มของธรรมเนียม “แขวนถุงเท้ารอของขวัญ”
ต่อมาเมื่อวัฒนธรรมยุโรปเดินทางไปอเมริกา เรื่องเล่าถูกปรับให้ร่วมสมัยขึ้น ซานตาคลอสจึงกลายเป็น “คุณลุงใจดี” ชุดแดง หนวดขาว อาศัยอยู่แถบขั้วโลกเหนือ มีเลื่อนที่กวางเรนเดียร์ลาก และบินไปแจกของขวัญให้เด็ก ๆ ในคืนคริสต์มาส
แม้ซานตาคลอสจะเป็นตำนาน แต่สิ่งที่ทำให้คนรักเขาคือ “ความหมาย” ที่ซ่อนอยู่
- ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
- ความสุขจากการให้
- การทำดีโดยไม่ต้องประกาศ

สัญลักษณ์ในวันคริสต์มาส ทำไมถึงมี “ต้นไม้-ถุงเท้า-ดาว-พวงมาลัย”
คริสต์มาสไม่ได้ดังเพราะวันเดียว แต่ดังเพราะ “ภาพจำ” ที่แน่นมาก และแต่ละอย่างก็มีเรื่องเล่ากับความหมายของมัน
ถุงเท้าคริสต์มาส (Christmas Stocking)
ได้แรงบันดาลใจจากตำนานนักบุญนิโคลัสที่ถุงเงินตกลงถุงเท้า จึงเกิดธรรมเนียมแขวนถุงเท้าไว้หน้าปล่องไฟ/ผนังบ้าน เพื่อสื่อถึง “การรอรับความสุข” และ “การได้รับพร”
ต้นคริสต์มาส (Christmas Tree)
โดยมากคือต้นสน เพราะเป็นไม้เขียวตลอดปี สื่อถึง “ชีวิต” และ “ความหวัง” ในฤดูหนาว การประดับไฟ ลูกบอล ของขวัญ ทำให้ต้นไม้กลายเป็น “ศูนย์กลางของครอบครัว” ในคืนสำคัญ
ในมุมสัญลักษณ์แบบเล่าต่อ ๆ กัน ต้นไม้เขียวเสมอถูกมองว่าเป็นภาพแทนความยั่งยืน ความอบอุ่น และการเริ่มต้นใหม่
ดาว (Star)
ดาวที่นิยมติดบนยอดต้นคริสต์มาส สื่อถึง “การนำทาง” และ “ความหวัง” (หลายคนโยงกับเรื่องเล่าเกี่ยวกับดาวที่ชี้ทางสู่การประสูติของพระเยซู)
พวงมาลัยคริสต์มาสและเทียน (Wreath & Candle)
พวงมาลัยวงกลมสื่อถึงความต่อเนื่องและความสมบูรณ์ เทียนคือแสงสว่างในความมืด หลายบ้านนิยมจุดเทียนและร่วมกิจกรรมครอบครัวในช่วงก่อนคริสต์มาส เพื่อเป็นการเตรียมใจต้อนรับเทศกาล
ดอกไม้และสีของคริสต์มาส ทำไมต้อง “แดง-เขียว-ขาว-ทอง”
สีคริสต์มาสไม่ได้เลือกเพราะสวยอย่างเดียว แต่มีความหมายที่คนจำได้ทันที
- สีแดง: ความอบอุ่น ความตื่นเต้น การให้ และในเชิงสัญลักษณ์ทางศาสนาเชื่อมโยงถึงความรักและการเสียสละ
- สีเขียว: ธรรมชาติ ความหวัง ความสดใหม่ และชีวิตที่ยืนยาวเหมือนต้นไม้เขียวทั้งปี
- สีขาว: ความบริสุทธิ์ ความสงบ แสงสว่าง และบรรยากาศฤดูหนาว
- สีทอง: ความรุ่งเรือง แสงสว่าง ความงดงามแบบเทศกาล
ส่วนดอกไม้ที่คนเห็นบ่อยช่วงคริสต์มาส เช่น Poinsettia (โป๊ยเซียน/คริสต์มาสสตาร์) สีแดงเด่น ๆ ที่นิยมประดับบ้าน ร้านค้า หรือหน้าโบสถ์ เพราะช่วยสร้างอารมณ์ “คริสต์มาสมู้ด” ได้ทันที
เพลงคริสต์มาส ทำไมถึงมีพลังจนได้ยินแล้วรู้ว่า “ปลายปีมาแล้ว”
เพลงคริสต์มาสเริ่มมีมาตั้งแต่ยุคโบราณ โดยแรก ๆ จะเป็นบทเพลงศาสนา เนื้อร้องภาษาละติน ต่อมาพัฒนาให้สนุกขึ้น ร้องง่ายขึ้น จนกลายเป็นเพลงประจำเทศกาลในทุกประเทศ
หนึ่งในเพลงที่ดังที่สุดตลอดกาลคือ Silent Night ซึ่งเรื่องเล่าที่เป็นที่รู้จักคือแต่งขึ้นในยุโรปช่วงศตวรรษที่ 19 และกลายเป็นเพลงที่ร้องได้ทุกภาษา—เพราะมันให้ความรู้สึก “สงบ อบอุ่น และมีความหวัง” แบบไม่ต้องแปลก็เข้าใจ

คำอวยพรวันคริสต์มาส และประโยคที่ใช้ได้จริงทุกปี
คำว่า Merry Christmas นอกจากจะแปลตรงตัวว่า “สุขสันต์วันคริสต์มาส” ยังสื่อถึงความปรารถนาดี ความสงบใจ และความสุขร่วมกัน
ประโยคอวยพรที่ใช้ได้ทุกปี (เอาไปใช้กับเพื่อน/ที่ทำงาน/คนรักก็ได้)
- Merry Christmas! Wishing you joy and peace.
- Happy Holidays! (เหมาะเวลาจะรวมทั้งคริสต์มาส+ปีใหม่)
- ขอให้คริสต์มาสปีนี้อบอุ่นและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
- ขอให้ได้พัก ได้ชาร์จพลัง และเริ่มปีใหม่อย่างมีความหวัง
คริสต์มาสในไทย: ทำไมคนไทยฉลองมากขึ้น ทั้งที่ไม่ใช่วันหยุดใหญ่
ในไทย คริสต์มาสกลายเป็นเทศกาล “วัฒนธรรมร่วมสมัย” ไปแล้ว ด้วยเหตุผลที่จับต้องได้
- ห้าง ร้านกาแฟ โรงแรม และย่านท่องเที่ยวตกแต่งสวย ดึงดูดให้คนไปถ่ายรูป
- โรงเรียนและมหาวิทยาลัยจัดกิจกรรมแลกของขวัญ สร้างความสนุก
- เป็นช่วงใกล้ปีใหม่ ทำให้คนพร้อมฉลองและให้ของขวัญอยู่แล้ว
- โซเชียลมีเดียทำให้ “ธีมปลายปี” ติดเทรนด์ง่าย
และถึงแม้ทุกคนจะเฉลิมฉลองต่างรูปแบบกัน แต่หัวใจมันคล้ายกันมาก คือ “อยากส่งความสุขให้กัน” นั่นแหละ
บ้านกีฬาสรุปให้: คริสต์มาสไม่ใช่แค่เทศกาล…แต่มันคือโมเมนต์ที่คนทั้งโลกอยากใจดีกับกัน
คริสต์มาสคือเรื่องของ “ประวัติศาสตร์ + ความเชื่อ + วัฒนธรรม” ที่ค่อย ๆ หลอมรวมจนกลายเป็นเทศกาลระดับโลก เราอาจไม่ได้ฉลองแบบเดียวกันทุกคน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือบรรยากาศของการให้ การกลับมาใกล้กัน และการเริ่มต้นใหม่แบบมีความหวัง
ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา

