
จาก : ผลบอลสด ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2024 ระหว่าง เรอัล มาดริด 3-1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ วันนี้ 20/2/68 – บ้านกีฬา
ศึก ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เกมใหญ่ระหว่าง เรอัล มาดริด เปิดสนามซานติอาโก้ เบร์นาเบว รับมือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลายเป็นค่ำคืนที่สาวก ราชันชุดขาว ได้เฮกันสุดเสียง เมื่อเจ้าถิ่นจัดการดับแชมป์เก่าไปด้วยสกอร์ 3-1 (รวมผลสองนัด 6-3) ล้างแค้นจากฤดูกาลที่แล้วได้สำเร็จ บ้านกีฬา พามาชำแหละทุกจังหวะมันส์ในเกมนี้ พร้อมสถิติ และผลกระทบต่อเส้นทางของทั้งสองทีมในรายการนี้
ครึ่งแรก – มาดริดเปิดเกมดุดัน กดสองเม็ดตั้งแต่ต้นเกม
เสียงนกหวีดเริ่มเกมยังไม่ทันครบ 5 นาที คีเลียน เอ็มบัปเป้ กองหน้าตัวเก่งของมาดริดก็โชว์ความเฉียบขาด จบสกอร์สุดคมจากการแอสซิสต์ของ ราฟาเอล อเซนซิโอ ส่งบอลตุงตาข่ายให้ทีมขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่ไก่โห่
แมนฯ ซิตี้ พยายามตั้งเกมเพื่อทวงคืน โดยมี ฟิล โฟเด้น และ แบร์นาโด้ ซิลวา เป็นตัวปั้นเกมรุก แต่ยังไม่สามารถเจาะแนวรับของเจ้าถิ่นได้ นาทีที่ 33 เอ็มบัปเป้ ยังโชว์ฟอร์มโหดกดลูกที่สองของตัวเองจากการแอสซิสต์ของ โรดรีโก้ ส่งให้มาดริดนำห่าง 2-0 ก่อนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลัง – เอ็มบัปเป้แฮตทริก ซิตี้ยิงคืนปลอบใจ
กลับมาต่อครึ่งหลัง แมนฯ ซิตี้ เร่งจังหวะเกม หวังพังประตูตีตื้น แต่แนวรับของมาดริดยังคงเหนียวแน่น จนกระทั่งนาทีที่ 61 คีเลียน เอ็มบัปเป้ จัดการซัดแฮตทริกจากการจ่ายสุดคมของ เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ เป็นลูกที่สามของทีม ส่งให้ราชันชุดขาวขยับหนีเป็น 3-0 อย่างสุดยอด
ซิตี้พยายามบุกหนักในช่วงท้าย และมาได้ประตูปลอบใจจาก นิโก้ กอนซาเลซ ในนาทีที่ 90+2 แต่ก็ไม่ทันการ จบเกม เรอัล มาดริด คว้าชัยเหนือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-1 ตีตั๋วเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศของศึก ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
รายชื่อนักเตะตัวจริงและตัวสำรอง
เรอัล มาดริด (4-4-2)
ผู้รักษาประตู: ติโบต์ กูร์ตัวส์
กองหลัง: เฟอร์ล็องด์ เมนดี้, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, ดานี่ เซบาญอส, ออเรเลียง ชูอาเมนี่
กองกลาง: จู๊ด เบลลิงแฮม, เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ (c), โรดรีโก้, ราฟาเอล อเซนซิโอ
กองหน้า: คีเลียน เอ็มบัปเป้, วินิซิอุส จูเนียร์
ตัวสำรองที่ถูกเปลี่ยนลงสนาม:
- เอ็นดริก (แทน วินิซิอุส จูเนียร์)
- ดาบิด อลาบา (แทน วัลเวร์เด้)
- ลูก้า โมดริช (แทน ชูอาเมนี่)
- เอดูอาร์โด้ คามาวินก้า (แทน ดานี่ เซบาญอส)
- บราฮิม ดิอาซ (แทน เอ็มบัปเป้)
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-3-1-2)
ผู้รักษาประตู: เอแดร์ซอน
กองหลัง: นาธาน อาเก้, จอห์น สโตนส์, รูเบน ดิอาส (c), โจสโก้ กวาร์ดิโอล
กองกลาง: อิลคาย กุนโดกัน, นิโก้ กอนซาเลซ, แบร์นาโด้ ซิลวา
แนวรุก: ฟิล โฟเด้น, ซาวินโญ่, โอมาร์ มาร์มูช
ตัวสำรองที่ถูกเปลี่ยนลงสนาม:
- เจมส์ แม็คอาตี (แทน ฟิล โฟเด้น)
- มาเตโอ โควาซิช (แทน กุนโดกัน)
- นาธาน อาเก้ (แทน สโตนส์)
วิเคราะห์บอล การรุกและการรับ
เกมนี้ เรอัล มาดริด ใช้แผน 4-4-2 ที่เน้นเกมรุกทางริมเส้น เปิดพื้นที่ให้ เอ็มบัปเป้ ได้ใช้ความเร็วและการจบสกอร์ที่เฉียบคม ขณะที่แผงกลางนำโดย เบลลิงแฮม และ วัลเวร์เด้ มีบทบาทสำคัญในการคุมจังหวะเกมและเชื่อมต่อเกมรุกได้ยอดเยี่ยม
ด้าน แมนฯ ซิตี้ มาในแผน 4-3-1-2 พยายามใช้การครองบอลและการทำเกมตรงกลาง แต่การขาด เควิน เดอ บรอยน์ และ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ทำให้เกมรุกขาดความเฉียบขาด ขณะที่แนวรับรับมือกับความเร็วของแนวรุกมาดริดไม่ได้
สถิติการแข่งขัน
แม้ว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเป็นทีมที่ขึ้นชื่อเรื่องการครองบอล แต่เกมนี้ เรอัล มาดริด แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในเกมรุกที่เฉียบคมกว่า โดยแม้จะครองบอลเพียง 48% เทียบกับ 52% ของ แมนฯ ซิตี้ แต่พวกเขากลับสร้างโอกาสได้มากถึง 15 ครั้ง และยิงเข้ากรอบ 8 ครั้ง ในขณะที่ทีมเยือนมีโอกาสเพียง 12 ครั้ง และยิงตรงกรอบเพียง 4 ครั้งเท่านั้น แสดงให้เห็นถึงปัญหาในการจบสกอร์ของแชมป์เก่าจากอังกฤษ
ในแง่ของการผ่านบอล แมนฯ ซิตี้ มีความแม่นยำที่สูงถึง 91% จากการผ่านบอล 528 ครั้ง เทียบกับ เรอัล มาดริด ที่มีอัตราความแม่นยำ 88% จาก 494 ครั้ง อย่างไรก็ตาม แม้ซิตี้จะต่อบอลได้ดีแต่พวกเขากลับไม่สามารถเปลี่ยนจังหวะเข้าทำให้เป็นประตูได้มากพอ ต่างจากมาดริดที่มีความเฉียบขาดในการจบสกอร์จาก คีเลียน เอ็มบัปเป้
ด้านสถิติการเล่นเกมรับและการปะทะ มีการทำฟาวล์พอ ๆ กันที่ 9 ครั้งต่อทีม แต่ แมนฯ ซิตี้ เสียใบเหลืองไปถึง 2 ใบ ขณะที่ เรอัล มาดริด ได้รับไปเพียง 1 ใบ นอกจากนี้ เกมนี้ยังแทบไม่มีจังหวะฟาวล์รุนแรงหรือการเล่นที่นำไปสู่ใบแดง และจังหวะล้ำหน้าของทั้งสองทีมมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
โดยรวมแล้ว สถิติเกมนี้สะท้อนให้เห็นว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พยายามควบคุมเกมผ่านการครองบอลและการต่อบอลที่แม่นยำ แต่ความเฉียบขาดของ เรอัล มาดริด ในพื้นที่สุดท้ายคือความแตกต่างที่แท้จริงของเกมนี้ ทำให้แชมป์ยุโรป 14 สมัยเดินหน้าผ่านเข้ารอบต่อไปได้อย่างสมศักดิ์ศรี
เหตุการณ์สำคัญ
⚽ 4’ – 1-0 คีเลียน เอ็มบัปเป้ (แอสซิสต์: ราฟาเอล อเซนซิโอ)
⚽ 33’ – 2-0 คีเลียน เอ็มบัปเป้ (แอสซิสต์: โรดรีโก้)
⚠️ 38’ – จู๊ด เบลลิงแฮม รับใบเหลือง
⚽ 61’ – 3-0 คีเลียน เอ็มบัปเป้ (แอสซิสต์: เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้)
⚽ 90+2’ – 3-1 นิโก้ กอนซาเลซ
Player of the Match – คีเลียน เอ็มบัปเป้
คะแนน: 9.5
ไฮไลต์: ทำแฮตทริกสุดโหดพามาดริดเข้ารอบ นำเกมรุกอย่างเหนือชั้น
ตารางคะแนนและเส้นทางต่อไป
ด้วยฟอร์มที่ร้อนแรงและเกมรุกที่เฉียบคม เรอัล มาดริด สามารถล้มแชมป์เก่าอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และกรุยทางสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ โดยรอบต่อไปพวกเขาจะต้องพบกับ แอตเลติโก มาดริด หรือ เลเวอร์คูเซ่น ซึ่งเป็นงานที่ไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะหากต้องเจอกับคู่แข่งร่วมเมืองอย่าง ตราหมี ที่รู้ทางกันเป็นอย่างดี แฟนบอลสามารถติดตามข่าวสารและโปรแกรมแข่งขันล่าสุดได้ที่ ตารางบอล อัปเดตทุกวันบน บ้านกีฬา
ติดตาม บ้านผลบอล ที่ บ้านกีฬา
แฟนบอลที่อยากติดตาม บ้านผลบอล และโปรแกรมการแข่งขัน ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดถัดไป สามารถเช็ก ตารางบอล และข่าวสารฟุตบอลเพิ่มเติมได้ที่ บ้านกีฬา