บัลลงดอร์ปีทอง! สไนเดอร์ย้ำ เมสซี่เก่งสุดในโลก แต่ปี 2010 แชมป์ผมแน่นกว่าชัดเจน

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

บัลลงดอร์ 2010 ดราม่าที่แฟนบอลยังพูดถึงไม่รู้จบ

ผ่านมานาน 15 ปี แต่ดราม่าเรื่องรางวัล บัลลงดอร์ ปี 2010 ยังเป็นหนึ่งในประเด็นที่แฟนบอลทั่วโลกหยิบมาคุยกันไม่รู้จบ โดยเฉพาะชื่อของ เวสลี่ย์ สไนเดอร์ เพลย์เมกเกอร์ดัตช์แมนที่หลายคนเชื่อว่าควรมีชื่อจารึกในทำเนียบแข้งคว้า “บอลทองคำ” จากผลงานสุดโหดทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ แต่สุดท้ายถ้วยกลับไปอยู่ในมือของ ลิโอเนล เมสซี่ ซูเปอร์สตาร์จากบาร์เซโลน่า

ในมุมมองของ สไนเดอร์ เขาไม่ปฏิเสธเลยว่า เมสซี่คือแข้งที่เก่งที่สุดในโลก แต่หากพูดกันตาม “ฤดูกาล” และ “ความสำเร็จในปีนั้น” เขามองว่าตัวเองทำได้ครบเครื่องและคว้าแชมป์มากกว่าชัดเจน

ปีทองของสไนเดอร์กับอินเตอร์ มิลาน

ฤดูกาล 2009-10 คือปีที่ชื่อของ อินเตอร์ มิลาน และ เวสลี่ย์ สไนเดอร์ ถูกเขียนไว้แบบตัวหนาในหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลยุโรป เพลย์เมกเกอร์ชาวดัตช์ยืนเป็นหัวใจเกมรุกของทีมงูใหญ่ ภายใต้การคุมทีมของโชเซ่ มูรินโญ่ พาทีมกวาดทุกรายการสำคัญระดับเมเจอร์

สไนเดอร์เป็นฟันเฟืองหลักในทัพอินเตอร์ที่ผงาดคว้า “ทริปเปิลแชมป์” ทั้ง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, กัลโช่ เซเรีย อา และ โคปปา อิตาเลีย สร้างภาพจำทั้งจังหวะจ่ายคิลเลอร์พาส ลูกยิงไกล และการยืนคุมจังหวะเกมแดนกลาง จนถูกยกให้เป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ครบเครื่องที่สุดในโลกในเวลานั้น

ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะในนามทีมชาติ สไนเดอร์ ยังเป็นกำลังสำคัญในการพา ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ทะยานเข้าชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ ทำให้ชื่อของเขาในปีนั้นถูกพูดถึงว่า “เหมาะสมทุกประการ” ที่จะคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของโลก

เมสซี่เก่งสุดไม่เถียง แต่ปีนั้นผมแชมป์เยอะกว่า

แม้หลายเสียงจะเทใจให้สไนเดอร์ แต่สุดท้ายผลการโหวต บัลลงดอร์ 2010 ก็ยังตกเป็นของ ลิโอเนล เมสซี่ ที่พา บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ ลา ลีกา สเปน เพียงรายการเดียวในระดับเมเจอร์เมื่อเทียบกับทริปเปิลแชมป์ของอินเตอร์ มิลาน

สไนเดอร์ย้อนรำลึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น พร้อมย้ำมุมมองที่ยังติดอยู่ในใจจนถึงวันนี้ว่า

“สำหรับผม เมสซี่ เป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกในปีนั้น แต่ถ้าคุณมองดูความสำเร็จมากมายในปีนั้น ผมประสบความสำเร็จมากกว่า”

ประโยคนี้สะท้อนชัดว่า สไนเดอร์ แยก “ความเก่งส่วนบุคคล” ออกจาก “ความสำเร็จในปีแข่งขัน” เขายอมรับว่าฝีเท้าและพรสวรรค์ของเมสซี่คือระดับสุดยอด แต่หากชั่งน้ำหนักกันด้วยถ้วยแชมป์ ปี 2010 คือปีที่ตัวเขาเองอยู่บนยอดของโลกอย่างแท้จริง

15 ปีผ่านไป ความรู้สึกยังอยู่ แต่เป้าหมายชีวิตเปลี่ยน

เวลาผ่านมาถึงปี 2025 แต่เรื่องนี้ยังถูกหยิบมาถาม สไนเดอร์ อยู่เสมอ ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า แม้จะมีความคาใจอยู่บ้าง แต่วันนี้มุมมองต่อฟุตบอลและความสำเร็จเปลี่ยนไปแล้ว

เขาเล่าต่อว่า

“แต่ตอนนี้ปี 2025 มันผ่านไปแล้ว 15 ปี และเรายังคงพูดถึงเรื่องนี้อยู่เลย คุณบอกผมว่าผมควรจะได้รางวัล นั่นทำให้ผมมีความสุขมากกว่าถ้าหากอีก 15 ปีข้างหน้า คุณพูดว่า -ใช่ เขาได้บัลลงดอร์- และหลายๆ คนตอบว่า -เฮ้ หมอนี่ไม่คู่ควรกับรางวัลนั้นเลย-“

สำหรับ สไนเดอร์ วันนี้สิ่งที่ทำให้เขาภูมิใจ ไม่ใช่แค่ถ้วยส่วนตัวที่ไม่เคยได้จับ แต่คือการที่ชื่อของเขายังถูกแฟนบอลพูดถึงในฐานะ “คนที่สมควรได้รางวัล” มากกว่าเป็นแชมป์ที่ถูกตั้งคำถามว่าคู่ควรจริงหรือไม่

แชมเปี้ยนส์ลีกหนึ่งถ้วย แทนค่าบัลลงดอร์ทั้งชีวิต

อีกหนึ่งประโยคจาก สไนเดอร์ ที่ทำให้แฟนบอลทั้งโลกสัมผัสได้ถึงหัวใจของนักเตะอาชีพอย่างแท้จริง คือมุมมองต่อการเลือกระหว่างถ้วยทีมกับถ้วยส่วนตัว เขาย้ำชัดว่า

“ผมมีความสุขมากๆ ที่ผมไม่ได้บัลลงดอร์ แต่ผมคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ถ้าต้องให้เลือกระหว่างการสละถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก กับการได้รางวัลบัลลงดอร์ ผมเลือกอย่างแรกมากกว่า”

คำพูดนี้สะท้อนชัดว่า สำหรับเขา ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก คือความฝันสูงสุดที่นักเตะอาชีพอยากสัมผัส เพราะมันคือความสำเร็จที่ต้องร่วมแรงร่วมใจทั้งทีม ไม่ใช่แค่คำตัดสินจากคะแนนโหวตของนักข่าวหรือกูรูทั่วโลก

บทเรียนคลาสสิกเรื่องรางวัลส่วนตัวสำหรับแฟนบอลยุคนี้

เคสของ สไนเดอร์ ในปี 2010 กลายเป็นตัวอย่างคลาสสิกให้แฟนบอลยุคหลังได้ถกเถียงและใช้เป็น “เคสศึกษา” เวลาพูดถึงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น บัลลงดอร์ หรือรางวัลส่วนตัวอื่นๆ ว่าบางครั้ง “ความสำเร็จในสนาม” กับ “ผลการโหวต” อาจไม่ได้เดินไปในทิศทางเดียวกันเสมอ

แฟนบอลไทยจำนวนไม่น้อยก็ยังยกปี 2010 ขึ้นมาเปรียบเทียบกับหลายปีหลังๆ เมื่อมีนักเตะที่ทำผลงานพาทีมคว้าแชมป์มากมาย แต่สุดท้ายรางวัลกลับตกไปอยู่ในมือของอีกคนหนึ่งที่อาจไม่ได้กวาดถ้วยเท่า แต่โดดเด่นในสายตาผู้โหวตมากกว่า นี่คือเสน่ห์และความดราม่าของโลกฟุตบอลที่ยังคงทำให้เราดูบอลกันอย่างอินจนถึงทุกวันนี้

มุมมองแฟนบอลไทยต่อดราม่าบัลลงดอร์

สำหรับแฟนบอลชาวไทย ดราม่าแบบนี้คือเชื้อไฟชั้นดีในการถกเถียงกันในวงกาแฟ หน้าจอมือถือ และโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะทีมเมสซี่ ทีมสไนเดอร์ หรือทีมกลางๆ ที่มองว่าใครได้ก็มีเหตุผลในแบบของตัวเอง แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนเห็นตรงกันคือ ปี 2010 คือปีที่ เวสลี่ย์ สไนเดอร์ เล่นได้ในระดับ “ท็อปของท็อป” อย่างแท้จริง

ไม่ว่าคุณจะอยู่ฝั่งไหนของการถกเถียง เรื่องราวของปีนั้นก็ยังเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ที่ช่วยย้ำเตือนว่า ฟุตบอลไม่ใช่แค่ตัวเลขสถิติ แต่เป็นอารมณ์ ความรู้สึก และการตีความของคนดูทั่วโลก ซึ่งต่างก็มีมุมมองเป็นของตัวเอง

ชวนแฟนบอลติดตามเรื่องมันส์ ๆ ต่อที่บ้านกีฬา

สุดท้ายแล้ว ถ้วยรางวัลจะไปอยู่ในมือใครอาจเปลี่ยนไม่ได้ แต่ความทรงจำของแฟนบอลที่มีต่อปีทองของสไนเดอร์กับอินเตอร์ และดราม่าบัลลงดอร์ 2010 จะยังถูกเล่าขานต่อไปอีกนาน หากคุณเป็นคอบอลที่ชอบเรื่องเล่ามีมิติ มีดราม่า มีสถิติ และอารมณ์แบบเจาะลึก อย่าลืมติดตามทุกมุมมองวงการลูกหนังได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา เราจะพาไปขุดทุกประเด็นร้อน เคลียร์ทุกดราม่าให้มันส์ถึงใจแฟนบอลไทยตัวจริง

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา