
จาก : ผลบอลสด ยูฟ่าเนชันส์ลีก 2025 ระหว่าง สเปน 5-4 ฝรั่งเศส วันนี้ 6/6/68 – บ้านกีฬา
ศึกชี้ชะตาระหว่างสองมหาอำนาจลูกหนังอย่าง สเปน และ ฝรั่งเศส ในรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่าเนชันส์ลีก 2025 จบลงแบบดุเดือดเร้าใจสุดขีด โดย “กระทิงดุ” เฉือนเอาชนะทีม “ตราไก่” ไปได้แบบสุดมัน 5-4 ท่ามกลางเกมบุกแลกกันไฟแลบทั้งสองฝ่าย บ้านกีฬา ขอสรุปทุกจังหวะสำคัญพร้อม ผลบอลสด แบบละเอียดมาให้แฟนบอลได้ย้อนดูกันแบบจุใจ
เริ่มต้นครึ่งแรก สเปนที่เปิดเกมรุกใส่ตั้งแต่ต้นไล่บดบี้แนวรับฝรั่งเศสอย่างหนัก และความกดดันนั้นก็ได้ผล ในนาทีที่ 22 นิโก วิลเลียมส์ ซัดเปิดหัวให้เจ้าถิ่นนำ 1-0 ก่อนที่ มิเกล เมริโน่ จะตามมายิงให้ทีมหนีเป็น 2-0 ในนาทีที่ 25 เกมยังไม่หยุดเท่านี้ เมื่อ ลามีน ยามาล เจ้าหนูมหัศจรรย์ของสเปน โชว์ความนิ่งสังหารจุดโทษนาที 54 เป็น 3-0 และเพียงนาทีเดียวถัดมา เปดรี้ บวกอีกหนึ่งเป็น 4-0 ก่อนจบครึ่งแรกด้วยเสียงโห่ร้องกระหึ่มสนาม
เข้าสู่ครึ่งหลัง ฝรั่งเศสไม่ยอมตายง่าย ๆ นาทีที่ 59 คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ยิงจุดโทษตีไข่แตกให้ทีมไล่มาเป็น 4-1 จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อ ริยาน แชร์กี ถูกส่งลงสนามแล้วสร้างความปั่นป่วนแนวรับกระทิงดุทันที นาทีที่ 79 แชร์กีกดประตูตีตื้น 5-2 ต่อด้วยลูกโหม่งของ ร็องดาล โคโล มูอานี่ ที่กลายเป็นประตูจากความผิดพลาดของ ดาเนียล บีเบียน ในนาที 84 และช่วงทดเจ็บ มูอานี่ก็มาโขกอีกครั้งจากลูกเปิดของแชร์กี จบเกมฝรั่งเศสไล่มาจนเกือบทันแต่ไม่พอ สเปนเฉือนชนะแบบระทึก 5-4
รายชื่อนักเตะตัวจริงและการเปลี่ยนตัว
ทีมชาติสเปน (แผน 4-3-3)
ผู้รักษาประตู: อูไน ซิม่อน
กองหลัง: เปโดร ปอร์โร่, โรบิ้น เลอ นอร์มองด์, ดานี ฮูยเซ่น, มาร์ก กูกูเรย่า
กองกลาง: มิเกล เมริโน่, มาร์ติน ซูบีเมนดี, เปดรี้
กองหน้า: ลามีน ยามาล, มิเกล โอยาซาบาล, นิโก วิลเลียมส์
สำรองที่ถูกส่งลงสนาม:
- ดานี โอลโม่ แทน นิโก วิลเลียมส์ (น.64)
- ฟาเบียน รุยซ์ แทน เปดรี้ (น.64)
- ดาเนียล บีเบียน แทน เลอ นอร์มองด์ (น.77)
- ซามูเอล อาเกโฮวา แทน โอยาซาบาล (น.77)
- กาบี แทน เมริโน่ (น.90)
ทีมชาติฝรั่งเศส (แผน 4-2-3-1)
ผู้รักษาประตู: ไมค์ เมญ็อง
กองหลัง: ปิแอร์ กาลูลู, อิบราฮิมา โกนาเต้, เกลม็องต์ ล็องเล่ต์, เตโอ แอร์กน็องเดซ
กองกลาง: อาเดรียง ราบิโอต์, มานู โกเน่
แนวรุก: อุสมาน เดมเบเล่, มิชาแอล โอลิส, เดเซียร์ ดูเอ้
ศูนย์หน้า: คีลิยัน เอ็มบัปเป้
สำรองที่ถูกส่งลงสนาม:
- มาโล กุสโต้ แทน กาลูลู (น.63)
- ริยาน แชร์กี แทน โอลิส (น.63)
- แบรดลีย์ บาร์โคล่า แทน ดูเอ้ (น.63)
- ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ แทน ล็องเล่ต์ (น.72)
- ร็องดาล โคโล มูอานี่ แทน เดมเบเล่ (น.78)
วิเคราะห์บอลการรุกและการรับ
จากแผนการเล่นที่ใช้ สเปน เลือกยืนระยะด้วยระบบ 4-3-3 โดยเน้นเกมรุกจากปีกสองข้างอย่างยามาลและวิลเลียมส์ที่สปีดและเลี้ยงกินตัวได้ดี ทำให้ฝรั่งเศสเจอปัญหาแนวรับอย่างหนักในครึ่งแรก ตำแหน่งของเมริโน่และเปดรี้ช่วยป้อนบอลแนวลึกแบบแม่นยำ ผสานกับโอยาซาบาลที่เชื่อมเกมอย่างชาญฉลาด
ฝั่ง ฝรั่งเศส มาในระบบ 4-2-3-1 เน้นความเร็วของเอ็มบัปเป้ และการซ้อนเกมจากโอลิสและเดมเบเล่ แต่ความชัดเจนของเกมรุกกลับเกิดขึ้นหลังจากแชร์กีและโคโล มูอานี่ ถูกส่งลงมา ทำให้ทีมมีมิติเกมรุกมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จุดอ่อนของฝรั่งเศสคือเกมรับที่เสียสมาธิง่ายและการครองบอลที่ไม่เด็ดขาดในแดนกลาง แม้จะมีเปอร์เซ็นต์ครองบอลสูงกว่าแต่ไม่สามารถควบคุมเกมได้เหมือนสเปนในครึ่งแรก นี่คือรายละเอียดที่ชัดเจนในการ วิเคราะห์บอล นัดนี้
สถิติการแข่งขัน
แม้ ฝรั่งเศส จะครองบอลได้มากกว่าที่ 57% และมีโอกาสยิงรวมถึง 24 ครั้ง (เข้ากรอบ 9) เทียบกับสเปนที่มีโอกาส 16 ครั้ง (เข้ากรอบ 8) แต่ประสิทธิภาพในการจบสกอร์ของสเปนเหนือกว่าโดยเฉพาะในครึ่งแรก การจ่ายบอลฝรั่งเศสแม่นยำถึง 90% จากจำนวน 503 ครั้ง ขณะที่สเปนจ่ายบอล 393 ครั้ง แม่นยำ 82% ทั้งสองทีมทำฟาวล์รวมกัน 31 ครั้ง โดยฝรั่งเศสโดนใบเหลืองถึง 4 ใบ ขณะที่สเปนได้ไป 2 ใบ การเปิดเตะมุม ฝรั่งเศสเหนือกว่าสเปนที่ 6 ต่อ 4 ครั้ง แต่ไม่สามารถแปรเป็นสกอร์
เหตุการณ์สำคัญในเกม
⚽ 22’ สเปนขึ้นนำ 1-0 จาก นิโก วิลเลียมส์
⚽ 25’ มิเกล เมริโน่ ยิงให้สเปนหนี 2-0
⚽ 33’ ใบเหลือง ลามีน ยามาล
⚽ 51’ ใบเหลือง อาเดรียง ราบิโอต์
⚽ 54’ ยามาล ยิงจุดโทษ 3-0
⚽ 55’ เปดรี้ ซัด 4-0
🔁 63’ ฝรั่งเศสเปลี่ยน 3 คนรวด: แชร์กี, กุสโต้, บาร์โคล่า
🔁 64’ สเปนเปลี่ยน 2 คน: ฟาเบียน รุยซ์, ดานี โอลโม่
⚽ 59’ เอ็มบัปเป้ ยิงจุดโทษไล่เป็น 4-1
🔁 72’ ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ ลงแทน ล็องเล่ต์
⚽ 67’ ยามาล ยิงประตูที่สอง 5-1
🔁 77’ สเปนเปลี่ยน 2 ตัวพร้อมกัน
⚽ 79’ แชร์กี ยิงไล่มา 5-2
⚽ 84’ บีเบียน ทำเข้าประตูตัวเอง (5-3)
⚽ 90+3’ มูอานี่ โขกไล่มา 5-4
🟨 90+4’ มูอานี่ โดนใบเหลือง
🟨 90+6’ กาบี-โกเน่ มีปากเสียง รับคนละใบ
Player of the Match: ลามีน ยามาล (สเปน)
เจ้าหนูวัย 17 ปีจากบาร์เซโลนาโชว์ฟอร์มเวิลด์คลาสอีกครั้งในเกมนี้ ด้วยผลงาน 2 ประตู หนึ่งจากจุดโทษและอีกลูกจากการเข้าทำสุดคม พร้อมเรตติ้งสูงสุดของเกมที่ 9.7 เขาไม่เพียงแค่สร้างความปั่นป่วนให้แนวรับฝรั่งเศส แต่ยังเป็นหัวใจในเกมรุกของสเปนอย่างแท้จริง
สถานการณ์ในตารางคะแนน
ชัยชนะในเกมนี้ส่งผลให้ ทีมชาติสเปน ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของศึก ยูฟ่าเนชันส์ลีก 2025 โดยจะไปรอพบผู้ชนะระหว่างโปรตุเกสกับคู่ต่อสู้ในสายอีกฝั่ง ขณะที่ ฝรั่งเศส ต้องไปชิงอันดับสาม และยังต้องลุ้นเรียกความมั่นใจกลับมาก่อนเข้าสู่รอบคัดเลือกฟุตบอลโลก
การแข่งขันนัดถัดไป
จากโปรแกรม ตารางบอล หลังจบศึกเนชันส์ลีก ทีมชาติฝรั่งเศสจะเดินหน้าต่อในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โดยพวกเขามีคิวบุกเยือนยูเครนในวันที่ 6 กันยายน 2025 เวลา 01:45 น. ขณะที่สเปนจะออกไปเยือนบัลแกเรียในวันที่ 5 กันยายน 2025 เวลาเดียวกัน งานหนักรออยู่ทั้งสองทีมแน่นอน
ติดตามผลการแข่งขันสุดมันแบบทันใจ พร้อมข้อมูลแน่น ๆ ของทุกคู่ได้ที่ บ้านผลบอล ที่ บ้านกีฬา