
กลายเป็นข่าวใหญ่ที่เขย่าวงการกีฬาไทยอีกระลอก เมื่อ ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ ประกาศฉบับใหม่ของ กสทช. (คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนทันทีในหมู่แฟนบอลทั่วประเทศ เพราะรายการ “ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย” ถูกถอดออกจาก บัญชีรายการกีฬาที่เข้าข่ายกฎ Must Have อย่างเป็นทางการ ส่งผลให้ชาวไทยอาจหมดสิทธิรับชมเกมระดับโลกแบบ ถ่ายทอดสดฟรี ทางทีวีดิจิทัลในอนาคต หากไม่มีผู้ซื้อลิขสิทธิ์นำมาเผยแพร่ผ่านช่องฟรีทีวีอีกต่อไป
โดย ประกาศ กสทช. ฉบับล่าสุด นี้ถูกเผยแพร่อย่างเป็นทางการในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2568 โดยอ้างอิงตามบทบัญญัติใน พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ พ.ศ. 2553 และ พระราชบัญญัติประกอบกิจการกระจายเสียงฯ พ.ศ. 2551 ซึ่งมีผลให้ยกเลิกภาคผนวกเดิมของ ประกาศ Must Have ปี 2555 และประกาศใช้รายการใหม่ที่ผ่านการพิจารณาปรับปรุงให้เข้ากับ พฤติกรรมผู้บริโภคสื่อยุคปัจจุบัน และความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมสื่อโทรทัศน์
สาระสำคัญของประกาศฉบับนี้ คือการ ตัดฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ซึ่งเดิมเคยเป็นหนึ่งในรายการ “ที่ทุกคนมีสิทธิได้ดูฟรี” ออกไปจากรายการบังคับถ่ายทอดสดผ่านช่องดิจิทัลทีวีทั่วประเทศ โดยให้เหลือเพียง 6 รายการกีฬาเท่านั้น ที่ยังได้รับการคุ้มครองตามกฎ Must Have ดังนี้:
- ซีเกมส์ (SEA Games) – มหกรรมกีฬาแห่งภูมิภาคอาเซียนที่คนไทยติดตามกันอย่างล้นหลาม
- อาเซียนพาราเกมส์ (ASEAN Para Games) – สนามแห่งพลังใจของนักกีฬาคนพิการจากอาเซียน
- เอเชียนเกมส์ (Asian Games) – มหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทวีปเอเชีย
- เอเชียนพาราเกมส์ (Asian Para Games) – การแข่งขันของนักกีฬาพิการในระดับทวีปเอเชีย
- โอลิมปิกเกมส์ (Olympic Games) – เวทีที่รวมสุดยอดนักกีฬาจากทั่วโลกมาแข่งขันในหลายชนิดกีฬา
- พาราลิมปิกเกมส์ (Paralympic Games) – ความยิ่งใหญ่ของการแข่งขันระดับโลกของนักกีฬาคนพิการ
การตัด “ฟุตบอลโลก” ออกจากบัญชี Must Have ได้สร้างกระแสวิพากษ์อย่างรุนแรงในหมู่แฟนบอล เพราะนี่คือทัวร์นาเมนต์ลูกหนังที่มีผู้ชมทั่วโลกรวมถึงชาวไทยติดตามนับสิบล้านคนทุก 4 ปี และเคยเป็นมหกรรมที่สร้างความสุข ความทรงจำ และกระแสฟุตบอลทั่วประเทศมาโดยตลอด
หลายฝ่ายเริ่มตั้งคำถามว่า การตัดสินใจครั้งนี้จะส่งผลอย่างไรต่อการเข้าถึง รายการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ในอนาคต เพราะเมื่อพ้นจากการคุ้มครองโดยกฎหมาย หากไม่มีผู้ซื้อลิขสิทธิ์แล้วนำมาออกอากาศผ่านช่องฟรีทีวี ประชาชนทั่วไปก็อาจต้องเสียเงินสมัครแพลตฟอร์มรับชมแบบจ่ายรายเดือนแทน หรืออาจถึงขั้นไม่ได้ชมเลย
อย่างไรก็ตาม กสทช. ยืนยันว่าการปรับปรุงรายชื่อรายการ Must Have ครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางสื่อในยุคดิจิทัล และการใช้งบประมาณของภาคเอกชนอย่างเหมาะสม โดยเน้นความสมดุลระหว่างสิทธิประชาชนในการรับชม และโอกาสของผู้ถือสิทธิ์ในการบริหารจัดการเชิงพาณิชย์
แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงนี้อาจต้องติดตามผลกระทบในระยะยาวต่อวงการกีฬา และพฤติกรรมการรับชมของประชาชนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2026 ที่ ฟุตบอลโลก จะกลับมาจัดที่ สหรัฐอเมริกา, แคนาดา และเม็กซิโก ซึ่งแฟนบอลชาวไทยคงต้องภาวนาให้มีผู้ซื้อลิขสิทธิ์มาถ่ายทอดสดแบบเข้าถึงทุกคนได้เหมือนที่ผ่านมา
เกาะติดทุกประเด็นร้อนแบบเข้มข้น พร้อมบทวิเคราะห์แบบจัดหนักได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา สื่อกีฬาแนวหน้า ที่พูดเรื่องจริงของโลกกีฬาแบบไม่กลัวชน!