พูลิซิชจากเด็กมหัศจรรย์ สู่สตาร์เบอร์หนึ่งของแดนลุงแซม
จากวันที่โดนยกให้เป็น “ความหวังใหม่ของฟุตบอลสหรัฐฯ” จนถึงวันนี้ คริสเตียน พูลิซิช กำลังก้าวขึ้นมาเป็นสตาร์ที่ “ตอบของจริงในสนาม” ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ เส้นทางของแนวรุกวัย 27 ปีผ่านทั้งโศกนาฏกรรมพลาดไปเล่นฟุตบอลโลก 2018 แต่ก็กลับมาเป็นตัวหลักพา ทีมชาติสหรัฐอเมริกา ทะลุรอบน็อกเอาต์ที่กาตาร์ 2022 และยังไม่หยุดพัฒนา
ผ่านประสบการณ์ในยุโรปกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, เชลซี รวมถึงการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก มาแล้ว หน้าที่ของเขาไม่ใช่แค่ “ตัวรุกริมเส้น” แต่คือใบหน้าของวงการฟุตบอลสหรัฐฯ ที่แฟนบอลทั้งประเทศมองหา ทุกครั้งที่ลงสนามแรงกดดันมหาศาลจะมาพร้อมสายตาทั่วโลก และตอนนี้เขากำลังใช้เวที เซเรีย อา กับ เอซี มิลาน เป็นห้องเครื่องอัปเกรดฝีเท้าให้พร้อมที่สุดก่อนลุย ฟุตบอลโลก 2026 ที่สหรัฐฯ เป็นเจ้าภาพร่วม
ปีที่สามกับเอซี มิลาน ฟอร์มร้อนที่สุดในชีวิตค้าแข้ง
นับตั้งแต่ย้ายมา เอซี มิลาน ก่อนฤดูกาล 2023/24 พูลิซิชใช้เวลาไม่นานในการปรับตัวกับฟุตบอลอิตาลี และในซีซั่นที่สามกับทีมยักษ์ใหญ่แห่งซาน ซิโร่ เขากำลังโชว์ผลงานระดับ “พีก” ของอาชีพอย่างแท้จริง
แม้จะเจออาการบาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าเล่นงานในเดือนตุลาคมจนต้องพักไปเกือบหนึ่งเดือน แต่เมื่อกลับมา เขากลับยิ่งระเบิดฟอร์มโหดกว่าเดิม จนจบครึ่งแรกของฤดูกาลในฐานะดาวซัลโวสูงสุดของทีมที่ 10 ประตู จากการลงสนามเพียง 16 เกมทุกรายการ ตัวเลขนี้บอกชัดว่าพูลิซิชไม่ได้เป็นแค่ตัวเติมเกมรุก แต่คือ “เครื่องจักรทำประตู” คนสำคัญของมิลาน
ใน กัลโช่ เซเรีย อา เขาซัดไปแล้ว 8 ลูก ขึ้นไปยืนเป็นดาวซัลโวร่วมของลีกเคียงข้างหัวหอกดีกรีแชมป์โลกอย่าง เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ของอินเตอร์ มิลาน ที่สำคัญคือพูลิซิชทำได้ในจำนวนเกมที่น้อยกว่าอยู่หลายแมตช์ แถมยังจ่ายให้เพื่อนยิงได้อีก 2 แอสซิสต์ รวมแล้วมีส่วนร่วมกับประตูถึง 12 ลูกในทุกรายการ ตัวเลขแบบนี้ไม่ใช่แค่ดี แต่คือระดับตัวแบกทีม
หนึ่งในค่ำคืนที่เด่นที่สุด คือเกมพบโตริโน วันที่ 8 ธันวาคม เดิมทีพูลิซิชมีอาการป่วย ทำให้ต้องเริ่มเกมจากม้านั่งสำรอง แต่เมื่อถูกส่งลงไปในครึ่งหลัง เขากลับตอบแทนโค้ชด้วยการกดสองประตู พามิลานคัมแบ็กแซงชนะ 3-2 แบบสุดดราม่า นี่คือภาพชัดเจนว่าตอนนี้เขาเป็นผู้เล่นที่สามารถเปลี่ยนหน้าตาเกมได้ในพริบตา
เกมที่โตขึ้น และบทบาทใหม่ในแท็กติกของมิลาน
ในเชิงแท็กติก พูลิซิชวันนี้ไม่ใช่ปีกที่มีหน้าที่แค่เลี้ยงแล้วเปิดเหมือนสมัยแจ้งเกิดกับดอร์ทมุนด์อีกต่อไป เขากลายเป็นอาวุธที่ยืดหยุ่นสุด ๆ ของมิลาน ไม่ว่าจะถูกจับยืนกว้างทางริมเส้น เติมเข้ากลางมาเล่นเป็นหน้าต่ำ หรือสอดเข้าไปยืนคู่กองหน้า เขาสามารถปรับตัวได้ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับแผนการเล่นในแต่ละนัด
การเข้ามาของจอมทัพไร้วัยอย่างลูก้า โมดริชก่อนเปิดฤดูกาล ยิ่งทำให้พูลิซิชได้เรียนรู้เรื่องจังหวะเกม การหาพื้นที่ และการเคลื่อนที่โดยไม่ต้องมีบอลในเท้ามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลายประตูของเขามาจากจังหวะสอดเข้าเขตโทษพอดีเป๊ะ เหมือนรู้ล่วงหน้าว่าบอลจะมาตรงไหน แสดงให้เห็นว่า “ฟุตบอลไอคิว” ของเขากำลังพุ่งสูงแบบก้าวกระโดด
มุมมองจากกุนซือมิลานก็ยิ่งตอกย้ำว่าเขายังไปได้ไกลกว่านี้อีก
“เขายังมีพื้นที่ให้พัฒนาได้อีกเยอะ” อัลเลกรีกล่าวถึงพูลิซิชในการแถลงข่าวล่าสุด “นอกสนามเขาเป็นคนเงียบ ๆ แต่พอลงสนามเขาเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคน เขายังต้องหา ‘สภาพที่ดีที่สุด’ ของตัวเองให้เจอ”
คำพูดนี้สะท้อนชัดว่า ต่อให้วันนี้พูลิซิชกำลังเล่นดีแค่ไหน ภายในสโมสรยังเชื่อว่าเพดานของเขายังสูงกว่านี้ได้อีก และนั่นคือสัญญาณอันตรายสำหรับกองหลังคู่แข่งทั้งในลีกอิตาลีและเวทีทีมชาติ
โค้ชทีมชาติยิ้มมุมปาก ฟอร์มในสโมสรดันมาตรฐานทีมชาติสหรัฐฯ
ฝั่งทีมชาติ การที่สตาร์เบอร์หนึ่งเล่นดีในระดับสโมสร ย่อมเป็นข่าวดีสุด ๆ สำหรับเมาริซิโอ โปเช็ตติโน เฮดโค้ช ทีมชาติสหรัฐอเมริกา ที่กำลังเร่งสร้างทีมให้เป็น “ระบบรวมพลัง” มากกว่าจะยึดติดแค่ตัวจริง 11 คนเดิม ๆ
โปเช็ตติโนพยายามปรับวิธีคิดในแคมป์ทีมชาติให้ทุกคนรู้สึกว่าตำแหน่งในทีมไม่ใช่สิ่งการันตีถาวร ใครฟอร์มดีกับสโมสรก็มีโอกาสเบียดขึ้นมาเสมอ ทำให้ผู้เล่นอเมริกันทั่วทั้งยุโรปและเมเจอร์ลีกต้องเร่งโชว์ฟอร์มกันชุดใหญ่ เพราะพื้นที่สุดท้ายในรายชื่อฟุตบอลโลก 2026 จะถูกแย่งกันแบบหายใจรดต้นคอ
และแน่นอนว่าการที่สตาร์เบอร์หนึ่งของชาติอย่างพูลิซิชเป็นคนเปิดมาตรฐานไว้สูงสุดแบบนี้ ก็ยิ่งสร้างแรงกดดันในทางบวกให้เพื่อนร่วมทีมคนอื่นต้องยกระดับตามไปด้วย
“ผมคิดว่าในปีที่ผ่านมา คริสเตียนแสดงให้เห็นถึงคุณภาพชั้นยอด เขาทำผลงานได้ดีทั้งในยุโรป และกับทีมชาติ เขาเป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์สูงมากและช่วยให้เราชนะได้
คุณบอกว่าผู้คนเอา (ลิโอเนล) เมสซี ไปเปรียบเทียบกับคริสเตียน พูลิซิช ผมไม่อยากเสียมารยาทกับทั้งเมสซีและพูลิซิช แต่ผมคิดว่าในประเทศนี้ พูลิซิชควรเป็นเมสซีของเรา เพราะเขาคือนักเตะไอคอน เด็ก ๆ ตามท้องถนน ถ้าคุณถามให้เลือกนักฟุตบอลสักคนในประเทศนี้ ทุกคนจะตอบว่าพูลิซิช”
คำให้สัมภาษณ์นี้คือการประทับตราอย่างเป็นทางการว่า พูลิซิชไม่ใช่แค่สตาร์ทีมชาติ แต่คือ “สัญลักษณ์ของฟุตบอลสหรัฐฯ” ในยุคใหม่อย่างแท้จริง
ครึ่งฤดูกาลที่เหลือ และหน้าต่างทีมชาติที่อาจตัดสินชะตา
โปรแกรมในซีซั่นนี้ของมิลานยังเหลืออีกครึ่งทางรออยู่ รวมถึงหน้าต่างทีมชาติในช่วงปลายเดือนมีนาคม ที่จะเปิดโอกาสให้พูลิซิชโชว์ของในเสื้อทีมชาติอีกครั้ง ก่อนโปเช็ตติโนจะเริ่มวางโครงสร้างสุดท้ายสู่ฟุตบอลโลก 2026
สำหรับตัวพูลิซิชเอง นี่คือช่วงเวลาที่ต้องรักษามาตรฐานให้ได้ทั้งเรื่องฟอร์ม ความฟิต และความต่อเนื่อง เพราะยิ่งเขาเป็น “เดอะแบก” ในสโมสรมากเท่าไหร่ ความคาดหวังในนามทีมชาติก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น แต่จากสิ่งที่แสดงให้เห็นในอิตาลีตอนนี้ เขาพิสูจน์แล้วว่าไม่เคยหนีแรงกดดัน มีแต่จะใช้มันเป็นเชื้อเพลิงในการพาตัวเองไปอีกระดับ
บทเรียนสำหรับแฟนบอล: ทำไมฟอร์มสโมสรสำคัญกับทีมชาติเสมอ
ในมุมของแฟนบอล การมองฟอร์มนักเตะอย่างพูลิซิชในระดับสโมสรคือ “ภาพตัวอย่างชัด ๆ” ว่าทำไมผลงานกับต้นสังกัดถึงเป็นตัวชี้วัดสำคัญต่อความหวังในทีมชาติ นักเตะที่ได้ลงเล่นสม่ำเสมอในลีกใหญ่ เจอเกมกดดันทุกสัปดาห์ เจอระบบแท็กติกที่ซับซ้อน จะติดนิสัยการตัดสินใจเร็วขึ้น แข็งแกร่งขึ้น และเข้าใจเกมในระดับลึกมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดสะท้อนออกมาเวลาสวมเสื้อทีมชาติแบบอัตโนมัติ
กรณีของพูลิซิชจึงกลายเป็นต้นแบบให้ดาวรุ่งสหรัฐฯ รุ่นใหม่เห็นว่า ถ้าอยากแบกธงชาติในฟุตบอลโลก คุณต้องเริ่มจากการเป็นตัวหลักที่สโมสรให้ได้ก่อน ไม่มีทางลัด
บ้านกีฬามองภาพรวม พูลิซิชพร้อมพาอเมริกาลุยทัวร์นาเมนต์ประวัติศาสตร์
สำหรับ บ้านกีฬา มองไปข้างหน้าแล้ว ฟุตบอลโลก 2026 จะเป็นเวทีที่แสงสปอร์ตไลต์ฉายเข้าหา คริสเตียน พูลิซิช หนักที่สุดในชีวิต ไม่ใช่แค่เพราะเขาเล่นในบ้านตัวเอง แต่เพราะเขาถูกมองเป็น “เมสซีของสหรัฐฯ” ในสายตาทั้งแฟนบอลและโค้ชทีมชาติ หากเขารักษาฟอร์มมอนสเตอร์กับ เอซี มิลาน ต่อไปแบบนี้ พร้อมอัปเกรดเกมของตัวเองให้ครบทุกมิติ ทั้งการทำประตู การเคลื่อนที่ และความเป็นผู้นำ สหรัฐฯ มีสิทธิ์ลุ้นสร้างประวัติศาสตร์ในทัวร์นาเมนต์ระดับโลกครั้งนี้
และแน่นอน แฟนบอลไทยที่ติดตามเส้นทางของพูลิซิชก็เตรียมสนุกได้ยาว ๆ เพราะเรื่องราวจากอิตาลีของสตาร์รายนี้ยังอีกไกลกว่าจะถึงบทสรุปบนเวที ฟุตบอลโลก 2026
แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะของโลกฟุตบอล ตั้งแต่ลีกยุโรปจนถึงเวทีทีมชาติ อย่าลืมติดตามข่าวร้อน บทวิเคราะห์จัดหนัก และมุมมองดุดันสไตล์คอลัมนิสต์ลูกหนังไทยได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา
