บ้านผลบอล สรุปหลังเกม พรีเมียร์ลีกเดือด! ซิตี้เครื่องร้อนโดกูโชว์ของ ถล่มลิเวอร์พูล 3-0 ขยับจี้จ่าฝูงลุ้นแชมป์ยาวๆ

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

จาก : ผลบอลสด พรีเมียร์ลีก ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-0 ลิเวอร์พูล วันนี้ 9/11/68 – บ้านกีฬา

ศึก พรีเมียร์ลีก เกมซูเปอร์บิ๊กแมตช์ที่เอติฮัด สเตเดียม จบลงด้วยสกอร์ขาดลอย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านอัด ลิเวอร์พูล 3-0 จากประตูของ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์, นิโก้ กอนซาเลซ และ เฌเรมี่ โดกู ส่งผลให้ “เรือใบสีฟ้า” เก็บสามแต้มสำคัญ ไล่บี้อาร์เซนอลในตารางต่อเนื่อง ส่วน “หงส์แดง” โดนย้ำแผลเกมเยือนอีกนัด แฟนบอลเปิด ผลบอลสด มาเห็นสกอร์แล้วมีอึ้งเหมือนกันว่าถูกยิงขาดขนาดนี้

🔥 ครึ่งแรก: ดราม่าจุดโทษก่อนฮาแลนด์ปลดล็อก

เกมเปิดมาด้วยจังหวะโต้กันคนละหมัด แต่เป็นฝั่งซิตี้ที่คมกว่า นาที 10 เจ้าถิ่นได้จุดโทษจากจังหวะ โดกู โดนทำฟาวล์ในเขตโทษ หลัง VAR เช็กแล้วให้เป็นจุดโทษ ทุกคนคิดว่าเรื่องง่าย แต่จังหวะนาที 13 ฮาแลนด์ ซัดไปโดนผู้รักษาประตูลิเวอร์พูลเซฟ ทำให้สกอร์ยัง 0-0 และเป็นจุดเปลี่ยนให้หงส์ยังหายใจได้ต่อ

อย่างไรก็ตาม ความกดดันจากการบุกต่อเนื่องของซิตี้ก็ส่งผล นาที 27 นิโก้ กอนซาเลซ โดนใบเหลืองจากการเข้าบอลแรง แต่ไม่ทำให้เจ้าบ้านเสียจังหวะ นาที 29 แฟนเรือใบเฮลั่นสนาม เมื่อ มาติอัส นูเนส ลากบอลเจาะริมเส้นก่อนเปิดให้ ฮาแลนด์ แปเน้นๆ เป็นประตู 1-0 ซิตี้นำสมใจ

หลังจากนั้นเกมเริ่มเดือด ในนาที 36 อเล็กซ์ แม็ค อัลลิสเตอร์ โดนใบเหลือง จากการตัดเกมกลางสนาม ก่อนจะตามมาด้วยใบเหลืองของ แบร์นาร์โด้ ซิลวา นาที 41 ทั้งสองทีมเข้าปะทะกันหนัก แต่ช่วงทดเจ็บครึ่งแรกคือหมัดฮุกสำคัญ นาที 45+3 ซิตี้ขึ้นเกมทางขวา บอลไหลเข้ากลางให้ กอนซาเลซ สอดมายิงเสียบมุมเป็น 2-0 จากการทำชิ่งกับแบร์นาร์โด้ ซิลวา จบครึ่งแรกเจ้าบ้านนำสบาย 2-0 ถือว่าเล่นตามแท็กติกเป๊ปเป๊ะ

🔁 ครึ่งหลัง: โดกูปิดบัญชี หงส์หมดไฟ

ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลพยายามขยับแก้เกมทันที ส่ง มิลอช เคอร์เคซ และ โคดี้ กัคโป ลงมาแทน โรเบิร์ตสัน กับ เอคิติเก้ หวังเติมความสดในเกมริมเส้น แต่รูปเกมยังเป็นซิตี้ที่นิ่งกว่า

นาที 52 ความหงุดหงิดเริ่มลาม เมื่อ คอเนอร์ แบรดลีย์ ทำฟาวล์หนักโดนเหลือง และแค่สิบนาทีให้หลังนาที 63 เกมเกือบจบเลยทีเดียว จังหวะขึ้นเกมฝั่งซ้าย นาธาน โอ’ไรลีย์ เติมสูงแล้วไหลเข้ากลางให้ โดกู ล็อกหลบหนึ่งจังหวะก่อนยิงเสียบเสา กลายเป็นประตู 3-0 ที่สวยและโหดสุดๆ

จากนั้นนาที 74 ซิตี้ถอดคนเด่นออกพัก ส่ง โอมาร์ มาร์มูช ลงมาแทนโดกู ส่วนหงส์ส่ง เคอร์ติส โจนส์ มาขับเกมแทนแม็ค อัลลิสเตอร์ หวังไล่คืนแต่ไม่คมพอ ท้ายเกมนาที 83 ลิเวอร์พูลเปลี่ยนอีกสองคน โจ โกเมซ ลงมาแทนแบรดลีย์ และ เฟเดริโก้ เคียซ่า แทนฟลอเรียน เวิร์ทซ์

แต่แทนที่จะไล่ตีไข่แตก กลายเป็นเก็บใบเหลืองเพิ่ม นาที 89 เคอร์ติส โจนส์ โดนจดชื่อ ก่อนช่วงทดเจ็บนาที 90+1 โดมินิค โซบอสซ์ไล ก็โดนเหลืองอีกใบ จบเกม ลิเวอร์พูลไม่มีหมัดเด็ด สุดท้าย แมนฯ ซิตี้อัดเต็มข้อ 3-0 ตามสไตล์บอลดุของเจ้าบ้าน

📋 รายชื่อนักเตะตัวจริง การเปลี่ยนตัว และแข้งโดดเด่น

🩵 แมนเชสเตอร์ ซิตี้

แผนการเล่น 4-3-3

ผู้รักษาประตู

  • 25 จานลุยจิ ดอนนารุมม่า – 6.7 เซฟจังหวะสำคัญต้นเกม แม้จะไม่โดนทดสอบหนักมาก แต่คุมพื้นที่ในเขตโทษดี

กองหลัง

  • 33 นาธาน โอ’ไรลีย์ – 7.0 เติมเกมซ้ายจัดแอสซิสต์ให้โดกูยิงประตูที่สาม
  • 24 ยอสโก้ กวาร์ดิโอล – 7.1 แข็งแกร่งดวลลูกกลางอากาศ เก็บกองหน้าหงส์อยู่
  • 3 รูเบน ดิอาส – 7.5 อ่านเกมดี ตัดบอลหลายครั้ง
  • 27 มาติอัส นูเนส – 7.7 โดดเด่นมากกับการขยับไปยืนแบ็ก ป้อนไฟให้ฮาแลนด์ยิง 1-0

กองกลาง

  • 47 ฟิล โฟเด้น – 7.3 เชื่อมเกมรุกดี ทำให้ซิตี้ครองบอลได้เปรียบ
  • 14 นิโก้ กอนซาเลซ – 8.3 ยิงหนึ่ง แอ็กทีฟสูงทั้งเกม
  • 20 (กัปตัน) แบร์นาร์โด้ ซิลวา – 7.0 ขับเคลื่อนเกม, ทำแอสซิสต์ และโดนเหลืองจากจังหวะตัดเกม

กองหน้า

  • 11 เฌเรมี่ โดกู – 9.5 ยิง 1 จ่ายโทษ 1 สร้างความปั่นป่วนตลอด เป็นตัวทีเด็ดของเกมนี้
  • 9 เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ – 7.0 พลาดจุดโทษแต่แก้ตัวด้วยประตูเปิดหัว 1-0
  • 10 รายาน แชร์กี – 6.4 พยายามหาช่องเล่นแต่โดนเปลี่ยนออกต้นครึ่งหลัง

ตัวสำรองใช้งาน

  • 26 ซาวินโญ่ (ลงนาที 53 แทน แชร์กี) – 6.8 เติมสปีดริมเส้น
  • 7 โอมาร์ มาร์มูช (ลงนาที 74 แทน โดกู) – 6.3 ช่วยไล่บี้กองหลังช่วงท้ายเกม

ตัวสำรองไม่ได้ใช้: เจมส์ ทราฟฟอร์ด, จอห์น สโตนส์, นาธาน อาเก้, ริโก้ ลูอิส, ทิจานี่ เรย์น์เดอร์ส, รายาน ไอต์-นูรี, ออสการ์ บ็อบบ์

🔴 ลิเวอร์พูล

แผนการเล่น 4-2-3-1

ผู้รักษาประตู

  • 25 จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่ – 5.7 เซฟจุดโทษได้แต่หลังจากนั้นโดนยิงสามเม็ด รับภาระหนักจากเกมรับที่หลุดบ่อย

กองหลัง

  • 26 แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – 6.3 พยายามเติมเกมซ้ายแต่โดนเปลี่ยนออกนาที 56
  • 4 (กัปตัน) เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ – 6.4 คุมแนวรับไม่อยู่โดนสปีดนักเตะซิตี้เล่นงาน
  • 5 อิบราฮิม่า โกนาเต้ – 6.4 มีจังหวะช่วยบล็อก แต่ยังพลาดการยืนตำแหน่งบางจังหวะ
  • 12 คอเนอร์ แบรดลีย์ – 6.5 แพ้ทางโดกูหลายครั้งและโดนใบเหลืองนาที 52

กองกลาง

  • 10 อเล็กซ์ แม็ค อัลลิสเตอร์ – 6.2 โดนใบเหลืองตั้งแต่ครึ่งแรก ก่อนถูกถอดนาที 74
  • 7 ฟลอเรียน เวิร์ทซ์ – 6.3 สร้างสรรค์เกมได้บ้างแต่โดนปิดพื้นที่
  • 38 ไรอัน กราเวนเบิร์ช – 6.1 ต่อบอลได้แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่คม

แนวรุก

  • 11 โม ซาลาห์ – 5.9 เงียบผิดฟอร์ม แทบไม่ได้ลองยิงแบบจังๆ
  • 22 อูโก้ เอคิติเก้ – 6.4 ยืนหน้าเป้าแต่แทบไม่มีบอลให้เล่น โดนเปลี่ยนออกต้นครึ่งหลัง
  • 8 โดมินิค โซบอสซ์ไล – 6.1 ครอสบอลได้บ้างแต่ถูกบีบจนเสียจังหวะ และโดนเหลืองช่วงทดเจ็บ

ตัวสำรองใช้งาน

  • 6 มิลอช เคอร์เคซ (ลงนาที 56 แทน โรเบิร์ตสัน) – 6.5 เพิ่มความดุดันฝั่งซ้าย
  • 18 โคดี้ กัคโป (ลงนาที 56 แทน เอคิติเก้) – 6.3 เคลื่อนที่หาพื้นที่ได้ดีแต่ไม่มีจังหวะจบ
  • 17 เคอร์ติส โจนส์ (ลงนาที 74 แทน แม็ค อัลลิสเตอร์) – 6.5 ได้เหลืองช่วงท้ายเกม
  • 2 โจ โกเมซ (ลงนาที 83 แทน แบรดลีย์) – 6.6 ลงมาปิดริมเส้นขวา
  • 14 เฟเดริโก้ เคียซ่า (ลงนาที 83 แทน เวิร์ทซ์) – 6.6 พยายามลากตัดในแต่ซิตี้ปิดทางดี

ตัวสำรองไม่ได้ใช้: เฟร็ดดี้ วู้ดแมน, วาตารุ เอ็นโดะ, อเล็กซานเดอร์ อิซัค, ริโอ งูมูโอฮา

นักเตะโดดเด่นของเกม
ฝั่งซิตี้คือ โดกู, กอนซาเลซ, นูเนส, ดิอาส ส่วนฝั่งลิเวอร์พูลแม้พ่ายเละ แต่ แบรดลีย์, โกเมซ, เคียซ่า ยังพอมีจังหวะช่วยทีมให้เห็น

📊 วิเคราะห์บอลการรุกและการรับของทั้งสองทีม

ในเชิงแท็กติก หากมองแบบคนชอบ วิเคราะห์บอล จะเห็นชัดว่า ซิตี้ของเป๊ปเลือกใช้ 4-3-3 ที่ยืดหยุ่นมาก ฟูลแบ็กอย่าง นูเนส กับ โอ’ไรลีย์ ขยับสูงตลอด ทำให้เวลาครองบอลกลายเป็นโครงสร้างคล้าย 2-3-5 เติมตัวรุกเต็มหน้าเขตโทษ ซึ่งสร้างความได้เปรียบด้านจำนวนตัวผู้เล่นเหนือแนวรับลิเวอร์พูลแทบทั้งเกม

ฮาแลนด์ดึงเซนเตอร์สองคนให้ถอยลึก เปิดพื้นที่ให้ โดกู กับ โฟเด้น เล่น 1 ต่อ 1 กับฟูลแบ็ก เกมรุกของซิตี้จึงไหลลื่น และจังหวะสำคัญอย่างประตู 1-0, 3-0 ก็เกิดจากการที่ริมเส้นเล่นงานแผงหลังหงส์จนหลุดตำแหน่ง

ในเกมรับ ซิตี้เพรสสูงตั้งแต่แดนบน ฮาแลนด์, โดกู, โฟเด้น ไล่ปิดไลน์จ่ายขึ้นเกมของฟาน ไดค์ กับโกนาเต้ พอหงส์พาบอลข้ามเส้นกลางไม่ได้ ก็ต้องวางยาวให้เอคิติเก้สู้กับคู่เซนเตอร์ ซึ่งแน่นอนว่าดิอาสกับกวาร์ดิโอลรับมือไม่ยาก

ฝั่งลิเวอร์พูล แผน 4-2-3-1 ของ อาร์เน่ สล็อต ตั้งใจใช้เวิร์ทซ์กับโซบอสซ์ไลเป็นตัวเชื่อมกับซาลาห์ แต่ปัญหาคือคู่กลาง แม็ค อัลลิสเตอร์–กราเวนเบิร์ช แพ้กลางซิตี้ทั้งความดุดันและจังหวะยืนพื้นที่ ทำให้เวลาบุกโดนสวนกลับเร็วทันที เมื่อเสียบอล ซาลาห์กับปีกอีกฝั่งลงมาช่วยไม่ทัน จึงถูกเจาะหลังไลน์กองกลางตลอด เกมรับเลยดูหลวมและเปิดให้ซิตี้หาช่องยิงง่าย

สรุปคือ นี่คือเกมที่โครงสร้างและระเบียบเกมรับของซิตี้เหนือกว่าอย่างชัดเจน ทั้งการเพรส, การถอยตั้งโซน และการปิดพื้นที่หน้าเขตโทษ ส่วนลิเวอร์พูลต้องกลับไปบ้านซ้อมเกมรับและการขึ้นบอลจากแดนตัวเองกันยาวๆ

📈 สถิติการแข่งขันบอกอะไรบ้าง

แม้สกอร์จะขาด แต่สถิติบางอย่างบอกว่าเกมไม่ได้วันเวย์จนลิเวอร์พูลไม่มีโอกาสเลย ซิตี้ยิงทั้งหมด 17 ครั้ง เข้ากรอบ 6 ครั้ง ทำได้ 3 ประตู ขณะที่ลิเวอร์พูลยิงแค่ 7 ครั้ง เข้ากรอบเพียง 1 หน แปลว่าความคมในพื้นที่สุดท้ายต่างกันสุดขั้ว

การครองบอล ซิตี้ถือบอล 51% ต่อ 49% ของลิเวอร์พูล ถือว่าใกล้เคียง แต่คุณภาพจังหวะสุดท้ายคือสิ่งที่ชี้ชัด จำนวนการผ่านบอล 418 ต่อ 369 แถมลิเวอร์พูลมีความแม่นยำในการจ่ายบอลสูงถึง 91% สูงกว่าซิตี้ที่ 90% ด้วยซ้ำ แต่ผ่านบอลสวยแล้วพอเข้าแดนอันตรายกลับไม่สามารถจบสกอร์ได้

เกมนี้มีฟาวล์รวมกัน 29 ครั้ง ซิตี้ทำ 14 ลิเวอร์พูล 15 ใบเหลืองออกทั้งหมด 6 ใบ ฝั่งหงส์โดนมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด สะท้อนถึงความกดดันที่ต้องตามไล่บอลตลอด และพยายามหยุดเกมสวนกลับของเจ้าถิ่น ส่วนลูกเตะมุมแบ่งกันทีมละ 7 ครั้ง แสดงว่าทั้งสองทีมได้บุกต่อเนื่อง แต่คนที่เฉียบขาดหน้าประตูคือซิตี้ล้วนๆ

⏱️ เหตุการณ์สำคัญของเกม

  • ⚖️ 10’ – ซิตี้ได้จุดโทษหลัง VAR เช็กว่า โดกูโดนทำฟาวล์ในเขตโทษ
  • 🧤 13’ – ฮาแลนด์ยิงจุดโทษแต่โดนมามาร์ดาชวิลีเซฟ หงส์ยังรอดเสียประตูแรก
  • 🟨 27’ – นิโก้ กอนซาเลซ โดนใบเหลือง จากการเข้าสกัดแรงกลางสนาม
  • ⚽ 29’ – แมนฯ ซิตี้นำ 1-0 นูเนสเปิดให้ ฮาแลนด์ แปจ่อๆ เข้าประตู
  • 🟨 36’ – แม็ค อัลลิสเตอร์ ได้ใบเหลือง หลังไล่ตัดเกมกลางสนาม
  • 🟨 41’ – แบร์นาร์โด้ ซิลวา โดนเหลือง จากการทำฟาวล์หยุดเกมโต้
  • ⚽ 45+3’ – ซิตี้หนี 2-0 กอนซาเลซกดเต็มข้อในเขตโทษ จากการทำชิ่งกับแบร์นาร์โด้
  • 🟨 52’ – คอเนอร์ แบรดลีย์ โดนใบเหลือง หลังเข้าเสียบโดกูหนัก
  • 🔁 53’ – ซิตี้เปลี่ยนตัว ส่ง ซาวินโญ่ แทน แชร์กี เพิ่มสปีดริมเส้น
  • 🔁 56’ – ลิเวอร์พูลเปลี่ยนสองคน เคอร์เคซ แทน โรเบิร์ตสัน, กัคโป แทน เอคิติเก้
  • ⚽ 63’ – โดกูยิงเสียบเสาให้ซิตี้นำ 3-0 จากการจ่ายของโอ’ไรลีย์
  • 🔁 74’ – ซิตี้ส่ง มาร์มูช แทน โดกู ส่วนหงส์ส่ง เคอร์ติส โจนส์ แทน แม็ค อัลลิสเตอร์
  • 🔁 83’ – ลิเวอร์พูลเปลี่ยนอีกสองคน โจ โกเมซ แทน แบรดลีย์, เคียซ่า แทน เวิร์ทซ์
  • 🟨 89’ – เคอร์ติส โจนส์ โดนใบเหลือง หลังเข้าบอลช้าใส่คู่แข่ง
  • 🟨 90+1’ – โดมินิค โซบอสซ์ไล โดนเหลือง ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
  • 🔔 จบเกม – แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-0 ลิเวอร์พูล เจ้าบ้านคว้าชัยพร้อมเสียงเฮสนั่นเอติฮัด

🌟 Player of the Match : เฌเรมี่ โดกู – ปีกสายป่วน 9.5 คะแนน

เกมนี้ไม่มีใครสมควรได้ Player of the Match มากกว่า เฌเรมี่ โดกู ปีกชาวเบลเยียมของซิตี้ เจ้าตัวได้รับคะแนนสูงถึง 9.5 จาก Sofascore เล่นงานแนวรับลิเวอร์พูลยับเยิน

โดกูคือคนเรียกจุดโทษตั้งแต่ต้นเกม ดวล 1 ต่อ 1 กับแบรดลีย์แล้วลากกินตัวตลอด ครึ่งหลังยังมาปิดเกมด้วยประตู 3-0 ที่ยิงด้วยความมั่นใจจัดเต็ม แถมยังช่วยเพรสสูง ไล่บีบบอลไม่ให้แนวรับหงส์ตั้งตัวง่ายๆ เรียกได้ว่า “เปลี่ยนเกมด้วยตัวคนเดียว” สมคำชมแฟน บ้านผลบอล ที่เทคะแนนให้แบบไม่ต้องคิดเยอะ

📌 สถานการณ์ในตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก

หลังจากชัยชนะนัดนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลงเตะ 11 นัด มี 22 คะแนน รั้งอันดับ 2 ของตาราง พรีเมียร์ลีก ไล่หลังจ่าฝูงอย่างอาร์เซนอลที่มี 26 แต้ม แต่เกมรุกและความมั่นใจกลับมาเต็มถัง ทำให้เส้นทางลุ้นแชมป์ยังเปิดกว้างสุดๆ

ส่วน ลิเวอร์พูล สถานการณ์เริ่มน่ากังวล หลังผ่าน 11 นัดเก็บได้เพียง 18 คะแนน หล่นไปอยู่กลางตารางโซนที่ 8 เท่ากับกลุ่มทีมที่เบียดพื้นที่ยุโรปอย่างแมนยู, แอสตัน วิลล่า แต่ลูกได้เสียและฟอร์มการเล่นเกมใหญ่แบบนี้ทำให้แฟนหงส์ต้องเริ่มตั้งคำถามถึงทิศทางของทีมในระยะยาว

📅 ตารางบอลพรีเมียร์ลีกนัดถัดไป

มองไปที่ ตารางบอล ช่วงโปรแกรมโหดต่อเนื่อง

  • แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีคิวบุกเยือน นิวคาสเซิล ในเกมพรีเมียร์ลีก ก่อนจะต่อด้วยศึกใหญ่ใน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก พบ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ซึ่งเป็นสองเกมสำคัญที่จะวัดความลึกของขุมกำลังเรือใบว่าพร้อมลุยหลายรายการแค่ไหน
  • ลิเวอร์พูล จะกลับไปเล่นในบ้านเจอกับ ฟอเรสต์ ในพรีเมียร์ลีก ต่อด้วยงานหินในบอลยุโรปกับ พีเอสวี หากยังเล่นหลวมแบบเกมนี้ แฟนหงส์อาจได้ลุ้นกันแบบลุ้นเหนื่อยทุกนัดแน่นอน

โปรแกรมข้างหน้าถือว่าหนักทั้งคู่ ใครวางแผนหมุนเวียนนักเตะและจัดการสภาพร่างกายได้ดีกว่า จะเป็นฝ่ายยืนระยะบนหัวตารางในช่วงต่อไปของซีซั่น

🏠 ติดตาม บ้านผลบอล และข่าวบอลมันส์ๆ ได้ที่ บ้านกีฬา

สำหรับแฟนบอลที่อยากเช็กสกอร์แบบเรียลไทม์ ดูฟอร์มทีมรักทั้งเกมลีกและถ้วยยุโรป อย่าลืมกดติดตาม บ้านผลบอล และอัปเดตข่าวฟุตบอลมันส์ๆ สไตล์เข้มข้นดุดันกับเรา บ้านกีฬา เราจะเก็บทุกช็อตเดือด ทุกสถิติสำคัญ และทุกมุมมองแบบคนดูบอลตัวจริงมาเล่าให้ฟังเหมือนนั่งคุยริมสนาม

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา