ครอบครัวเบลลิงแฮมยึดเยอรมนี พ่อ-ลูกลุยเส้นทางบอลพร้อมกัน
ถ้าพูดถึงตระกูลนักเตะที่ร้อนแรงที่สุดยุคนี้ ชื่อของ จู๊ด เบลลิงแฮม คือระดับซูเปอร์สตาร์ที่แฟนบอลทั่วโลกคุ้นหู แต่ในซีซั่นล่าสุด เส้นทางลูกหนังของครอบครัวนี้ไม่ได้มีแค่ในระดับท็อปลีกเท่านั้น เพราะทั้งลูกคนเล็กอย่าง โจ๊บ เบลลิงแฮม และคุณพ่ออย่างมาร์ค ต่างย้ายมาค้าแข้งใน ฟุตบอลเยอรมนี กันพร้อมหน้า แม้จะอยู่คนละระดับลีก แต่หัวใจนักสู้ไม่แพ้กัน
โจ๊บ เดินตามรอยพี่ชายด้วยการเซ็นสัญญากับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา กลายเป็นแข้งดาวรุ่งที่ถูกจับตามองทันที ขณะเดียวกัน สื่อท้องถิ่น Westfalenpost รายงานว่า ผู้เป็นพ่ออย่างมาร์คก็ไม่ยอมวางสตั๊ด ย้ายมาเยอรมนีเพื่ออยู่ใกล้ลูกชาย และลงเล่นให้สโมสรเล็กๆ แถวดอร์ทมุนด์อย่าง FC Herdecke-Ende ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
มาร์ค เบลลิงแฮม: ตำนานดาวยิงนอกลีกอังกฤษ ยังไม่หมดไฟ
มาร์ค เบลลิงแฮม ในวัย 49 ปี ไม่ได้เป็นแค่ “พ่อของนักเตะดัง” แต่เขาคืออดีตกองหน้าดาวซัลโวระดับตำนานของลีกนอกระบบในอังกฤษ ยิงไปมากกว่า 700 ประตูตลอดเส้นทาง ฟุตบอลสมัครเล่น ทั้งที่ทำงานประจำเป็นอดีตนายสิบตำรวจควบคู่ไปด้วย ความคมหน้าปากประตูและสัญชาตญาณเพชฌฆาตยังคงเป็นเครื่องหมายการค้า แม้อายุเข้าใกล้เลขห้าแล้วก็ตาม
เมื่อย้ายมาอยู่เยอรมนีเพื่อใช้ชีวิตใกล้ชิดกับโจ๊บ มาร์คไม่ได้ตั้งใจมาเป็นแค่ “คุณพ่อข้างสนาม” แต่ยังอยากลงเล่นฟุตบอลจริงจัง เขาจึงเดินเข้าไปที่สนามและออฟฟิศของสโมสร Herdecke-Ende สโมสรระดับล่างใกล้เมืองดอร์ทมุนด์ เพื่อขอลองซ้อมกับทีมรุ่นใหญ่
เขาแนะนำตัวแบบเรียบง่ายกับคนในสโมสรว่า
“ผมชื่อมาร์ค กำลังมองหาที่ลงเล่นฟุตบอลให้ทีมรุ่นใหญ่ครับ”
ตอนนั้นทีมงานสโมสรยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังคุยอยู่กับพ่อของหนึ่งในตระกูลดาวเตะชื่อดังของยุโรป
จากนักเตะขอร่วมซ้อม สู่ตัวจริงในทีมชุดใหญ่
หลังจากมาร์คมาร่วมซ้อมกับทีมรุ่นใหญ่ของ Herdecke-Ende เพียงสองครั้ง ทุกอย่างก็ชัดเจน สตาฟฟ์และเพื่อนร่วมทีมเริ่มมองเห็นความแตกต่างว่า นี่ไม่ใช่แค่นักเตะรุ่นใหญ่ธรรมดา แต่เป็นกองหน้าที่มีของเต็มกระเป๋า
กว่าจะมีคนรู้ตัวจริงๆ ก็เป็นตอนที่บอสของสโมสร มาร์เซล ชูห์นเค (Marcel Schünke) เหลือบไปเห็นชื่อ “Bellingham” บนใบสมัครสมาชิก และเริ่มเอะใจว่าไม่ใช่นามสกุลธรรมดา ก่อนเล่าว่าบรรยากาศในห้องแต่งตัวเปลี่ยนไปทันที
“อยู่ดีๆ ทุกคนก็พร้อมใจกันพูดภาษาอังกฤษในห้องแต่งตัว”)
เดิมที มาร์คขอแค่ลงซ้อมกับทีมรุ่นใหญ่เอาสนุกและรักษาสภาพร่างกาย แต่ฝีเท้าที่ยังจัดจ้านทำให้โค้ชและเพื่อนร่วมทีมตัดสินใจใส่ชื่อเขาลงสนามในเกมบอลถ้วยรุ่นซีเนียร์กับ Berchum-Garenfeld ช่วงปลายเดือนตุลาคม และมันกลายเป็นเดบิวต์ที่สมราคาเพชฌฆาตตัวจริง
เดบิวต์ยิงเบิ้ล แล้วมาต่อด้วยทีมสำรอง
ในการลงสนามอย่างเป็นทางการนัดแรกกับ Herdecke-Ende มาร์ค เบลลิงแฮม สวมบทกองหน้าตัวเป้าประสบการณ์สูง พังประตูได้ถึงสองลูกตั้งแต่เกมประเดิม ทำให้ทั้งทีมและแฟนบอลแถวนั้นต่างยอมรับว่า เขาไม่ใช่แค่ “คุณพ่อของนักเตะดัง” แต่คือสไตรเกอร์ที่ยังเฉียบขาด
หลังจากนั้น มาร์คยังได้ลงเล่นให้ทีมชุดสองของสโมสร และยังคงเจาะตาข่ายต่อเนื่อง บวกผลงานแอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีมได้ประตู
ชูห์นเคให้สัมภาษณ์ถึงดาวยิงวัย 49 ปีว่า
“มาร์คยังอันตรายสุดๆ ในกรอบเขตโทษ ในสองเกมเขายิงไปสามลูก แถมยังจ่ายให้เพื่อนทำประตูได้อีกหนึ่งครั้ง”)
คำยืนยันจากบอสสโมสรตอกย้ำว่า สัญชาตญาณสังหารในกรอบเขตโทษของมาร์คยังไม่จางหายไปไหน แม้จะห่างจากเวทีลูกหนังอังกฤษมานานแล้วก็ตาม
โจ๊บ เบลลิงแฮม: ลูกชายคนเล็ก กำลังไล่ตามรอยพ่อ-พี่ชายในสีเสื้อดอร์ทมุนด์
ด้านลูกชายคนเล็กอย่าง โจ๊บ เบลลิงแฮม แม้ยังไม่ปลดล็อกประตูแรกใน บุนเดสลีกา ให้ดอร์ทมุนด์ แต่ก็เริ่มมีโมเมนต์สำคัญของตัวเองเรียบร้อยแล้ว เขาเคยทำประตูได้ในเกมสุดมันที่ต้นสังกัดเฉือนชนะ มามีโลดี ซันดาวน์ส 4-3 ในศึกฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพช่วงซัมเมอร์
ตลอดซีซั่นนี้ โจ๊บลงเล่นครบทั้ง 20 นัดในทุกรายการ ถือเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากทีมงานโค้ชอย่างต่อเนื่อง เกมถัดไปที่ “เสือเหลือง” จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของฮอฟเฟ่นไฮม์ที่กำลังอยู่ในฟอร์มร้อนแรงบนสังเวียนซิกนัล อิดูน่า พาร์ค โจ๊บย่อมหวังจะฉายแสงมากขึ้น และเก็บประสบการณ์เหนือระดับในถิ่นยักษ์ใหญ่เมืองเบียร์
เมื่อมองย้อนกลับไปที่พี่ชายอย่าง จู๊ด เบลลิงแฮม เขาสร้างชื่อแบบเต็มระบบกับดอร์ทมุนด์ ด้วยผลงาน 49 ประตูและแอสซิสต์รวมกันจากการลงสนาม 132 นัด พาทีมคว้าแชมป์เดเอฟเบ โพคาลในปี 2021 ก่อนจะก้าวสู่จุดสูงสุดอีกขั้นด้วยการย้ายไป เรอัล มาดริด ในปี 2023
ตัวเลขเหล่านี้คือมาตรฐานที่สูงมากสำหรับน้องชาย แต่การมีทั้ง “พี่ชายซูเปอร์สตาร์” และ “คุณพ่อเพชฌฆาตเขตโทษ” อยู่ข้างๆ ในเมืองเดียวกัน ย่อมเป็นแรงผลักดันทรงพลังให้โจ๊บเดินหน้าไล่ตามฝันบนเส้นทางลูกหนังของตัวเอง
ฟุตบอลกับสายสัมพันธ์ครอบครัว เรื่องเล่าที่ไม่มีวันเก่า
เรื่องของตระกูลเบลลิงแฮมคือภาพสะท้อนของฟุตบอลในมุมที่เกินกว่าแค่สกอร์บนสกอร์บอร์ด สำหรับแฟนบอลหลายคน เกมลูกหนังเริ่มต้นจากการถูกคุณพ่อจูงมือไปเตะบอลหน้าบ้าน ดูแมตช์ใหญ่ร่วมกันหน้าทีวี หรือพาไปสนามครั้งแรกแล้วตกหลุมรักทีมโปรดตั้งแต่ยังเด็ก
กรณีของมาร์คและลูกชายทั้งสอง ยิ่งตอกย้ำว่า “ฟุตบอลเป็นภาษากลางของครอบครัว” ไม่ว่าจะเล่นอยู่ในลีกใหญ่ระดับยุโรป หรือสนามเล็กๆ ในเมืองชานดอร์ทมุนด์ ความสุขจากการได้ลงสนามของพ่อ และการได้เห็นลูกชายเติบโตในเวทีระดับโลก คือเรื่องเล่าที่จับต้องได้สำหรับแฟนบอลทุกยุคทุกสมัย
มันคือเหตุผลว่าทำไมคนดูบอลทั่วโลกถึงยังอินกับเรื่องราวของครอบครัวนักเตะเสมอ ไม่ว่าจะเป็นตำนานพ่อ-ลูกในลีกอังกฤษ, สายเลือดนักเตะในลาลีกา หรือดาวรุ่งที่เติบโตตามแบบอย่างของผู้เป็นพ่อ ทุกเรื่องล้วนเติมความหมายให้คำว่า “เกม 90 นาที” มากกว่าที่ตัวเลขและสถิติจะบอกได้
มุมมองจาก บ้านกีฬา
สำหรับ บ้านกีฬา เรื่องราวของมาร์ค เบลลิงแฮม ที่ไม่ยอมปล่อยรองเท้าสตั๊ดขึ้นหิ้ง ยอมย้ายประเทศไปเริ่มต้นใหม่ในลีกเล็กใกล้เมืองดอร์ทมุนด์ เพื่ออยู่เคียงข้างโจ๊บ ลูกชายคนเล็กที่กำลังล่าฝันในสีเสื้อเหลือง-ดำ คืออีกหนึ่งภาพชัดๆ ว่า ฟุตบอลไม่เคยมีคำว่าสายเกินไป และไม่เคยจำกัดว่าความสำเร็จต้องเกิดแค่บนเวทีใหญ่
ในขณะที่โจ๊บกำลังสู้เพื่อก้าวรอยตามมาตรฐานอันสุดโหดของพี่ชาย จู๊ด บนเส้นทางระดับท็อปของยุโรป พ่อของเขาก็ยังเดินหน้าสร้างเรื่องราวบทใหม่ในสนามหญ้าชานเมืองเยอรมนีแบบเงียบๆ แต่ทรงพลัง
แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะของโลกฟุตบอล ทั้งเรื่องในสนามและเรื่องอบอุ่นนอกสนาม อย่าลืมติดตามข่าวเด่น ข่าววันนี้ ได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา

