จาตุรนต์ “ไขก๊อกยุทธศาสตร์เพื่อไทย” สะเทือนเกมเลือกตั้ง 2569 โยงยุบสภา-ประชามติรัฐธรรมนูญใหม่ จับตาบทบาทถัดไปของ “คนวางหมาก”

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

ภาพใหญ่ที่เกิดขึ้น: ทำไม “จาตุรนต์” ลาออกถึงถูกจับตาหนัก

การเมืองไทยปลายปี 2568 เข้าสู่โหมด “แข่งกับเวลา” แบบไม่มีใครได้ตั้งตัวเต็มร้อย หลังมีการยุบสภาและเข้าสู่โหมดเลือกตั้งใหม่ ทำให้ทุกพรรคต้องเร่งจัดทัพ ตั้งศูนย์บัญชาการ หาเสียง วางยุทธศาสตร์ และปิดจุดรั่วในเวลาอันจำกัด ท่ามกลางฉากหลังที่เรื่อง “รัฐธรรมนูญใหม่” ถูกยกขึ้นมาเป็นโจทย์ใหญ่ของประเทศ

ท่ามกลางสถานการณ์นี้ การที่ จาตุรนต์ ฉายแสง ออกมาแจ้งข่าวว่าได้ ลาออก จากตำแหน่ง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ยิ่งทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามทันทีว่า “เกิดอะไรขึ้นในห้องวางแผน?” และ “เพื่อไทยจะเดินหมากต่อยังไงให้ทันสนามเลือกตั้ง?” เพราะตำแหน่ง “ยุทธศาสตร์” ไม่ใช่แค่ชื่อเท่ ๆ แต่มันคือสมองของเกมทั้งกระดาน ที่ต้องคุมทิศ คุมโทน และคุมจังหวะให้พรรคเดินถูกทางในช่วงโค้งสุดท้าย

ไทม์ไลน์ชัด ๆ: แต่งตั้งไม่นาน ยุบสภาปุ๊บ—ขอลงจากเก้าอี้

จากข้อมูลที่รายงานตรงกันหลายสำนัก แกนเหตุการณ์สำคัญมีดังนี้

  • พรรคเพื่อไทยมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ (มีเลขคำสั่งอ้างอิง) ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2568 และจาตุรนต์ได้รับมอบหมายเป็นประธาน
  • ต่อมาเกิดการยุบสภาแบบกะทันหัน ทำให้การ “ปรับยุทธศาสตร์” ต้องทำในเวลาจำกัดมาก
  • จาตุรนต์ระบุว่าได้ทำหนังสือลาออกจากตำแหน่ง “ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2568” แต่เพิ่งออกมาแจ้งต่อสาธารณะในภายหลังผ่านโพสต์เฟซบุ๊ก

พูดให้เห็นภาพง่าย ๆ คือ แต่งตั้งทีมยุทธศาสตร์มาได้ไม่นาน สนามแข่งดันถูกเปลี่ยนกติกา/เปลี่ยนเวลาแข่งแบบฉับพลัน เจ้าตัวจึงเลือก “ลงจากตำแหน่ง” เพื่อให้คนที่ทำงานร่วมกันใกล้ชิดและต่อเนื่องอยู่แล้ว ขยับมาคุมเกมต่อทันที ไม่เสียจังหวะ

ตำแหน่ง “ประธานยุทธศาสตร์” สำคัญยังไงในสนามเลือกตั้ง

ในโลกการเมือง ตำแหน่งยุทธศาสตร์ไม่ใช่งานพิธีการ แต่มักเกี่ยวกับงานหลังบ้านที่กำหนด “ผลลัพธ์หน้าเวที” เช่น

  • กำหนดธีมหลักของพรรคว่าจะสื่อสารเรื่องอะไรเป็นแกน
  • วางแผนการลงพื้นที่และจัดลำดับจังหวัด/เขตเป้าหมาย
  • วางภาพรวมการหาเสียงให้สอดคล้องกับสถานการณ์รายวัน
  • ทำ “คู่มือข้อความ” ให้ผู้สมัครและแกนนำพูดไปในทิศเดียวกัน
  • ประสานยุทธศาสตร์กับนโยบาย เพื่อให้ขายได้จริงในเชิงคะแนน

ดังนั้น เมื่อคนที่นั่งเก้าอี้นี้ลาออกในช่วงก่อนเลือกตั้ง ย่อมถูกตีความได้หลายมุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง “การจัดทีมให้คล่องตัวขึ้น” หรือ “การประหยัดเวลาจากการเปลี่ยนมือกลางทาง” ซึ่งประเด็นนี้เองที่จาตุรนต์เลือกอธิบายตรง ๆ

เหตุผลจากปากเจ้าตัว: “เปลี่ยนม้ากลางศึก” และไม่อยากให้พรรคเสียจังหวะ

ใจความสำคัญที่จาตุรนต์สื่อสาร คือ เขาทำหน้าที่ด้วยความยินดี แต่เมื่อยุทธศาสตร์ของพรรคและยุทธศาสตร์เลือกตั้ง “คืบหน้าไปมากแล้ว” และมีการยุบสภาแบบกะทันหัน การจะกลับไปกำหนดกระบวนทัศน์ใหม่หรือปรับใหญ่ในเวลาสั้น ๆ อาจไม่เป็นผลดี จึงยอมถอยเพื่อให้แกนนำที่ทำงานร่วมกันมานาน เดินต่อได้แบบต่อเนื่อง

อีกประโยคที่ถูกพูดถึงมากคือ การมอบหมายให้ตนมารับบทประธานยุทธศาสตร์ “เหมือนเปลี่ยนม้ากลางศึก” ซึ่งในทางยุทธวิธี มันสะท้อนแนวคิดว่า ถ้าพรรคมีทีมที่คุ้นมือ คุ้นข้อมูล และคุมรายละเอียดมานานอยู่แล้ว การเปลี่ยนหัวหอกในช่วงเวลาจำกัด อาจเสี่ยงทำให้เสียจังหวะมากกว่าชนะ

ฉากหลังที่ทำให้ทุกอย่าง “เร่งสปีด”: ยุบสภา + เลือกตั้ง 8 ก.พ. 2569

จุดที่ทำให้เรื่องนี้ยิ่งใหญ่ขึ้น คือมันเกิดในเฟรมเดียวกับการยุบสภาและการกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ ซึ่งมีรายงานว่าการเลือกตั้งจะจัดขึ้นวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 และมีขั้นตอนสำคัญไล่เรียงตั้งแต่การรับสมัครผู้สมัคร สส. จนถึงการรับรองผลตามกรอบเวลา

รายละเอียดที่คนทั่วไปควรรู้ (เพราะกระทบ “สิทธิเลือกตั้ง” โดยตรง) เช่น

  • รับสมัคร สส.เขต: 27–31 ธันวาคม 2568
  • ส่งรายชื่อบัญชีรายชื่อ/แจ้งแคนดิเดตนายกฯ: 28–31 ธันวาคม 2568
  • เลือกตั้งล่วงหน้า: 1 กุมภาพันธ์ 2569 (08.00–17.00 น.)
  • วันเลือกตั้งจริง: 8 กุมภาพันธ์ 2569 (08.00–17.00 น.)
  • ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า: 20 ธันวาคม 2568 – 5 มกราคม 2569

นี่แหละคือเหตุผลว่าทำไม “ยุทธศาสตร์” ถึงต้องนิ่งและต่อเนื่อง—เพราะเวลาในปฏิทินมันบีบทุกฝ่ายแบบไม่ปรานี

ปมที่จาตุรนต์ขอทุ่มแรง: ประชามติรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

อีกแกนสำคัญที่จาตุรนต์ย้ำ คือเขาตั้งใจ “ทุ่มเท” งานรณรงค์เรื่อง ประชามติรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ควบคู่ไปกับการเลือกตั้ง และทราบว่าพรรคกำลังจะตั้งคณะกรรมการรณรงค์ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเขาตั้งใจจะไปร่วมทำงานตรงนั้นต่อ

ด้านข้อมูลเชิงกระบวนการ มีการอธิบายว่า หลังรัฐสภามีมติแล้ว ขั้นต่อไปต้องส่งเรื่องให้ฝ่ายบริหารและต้องประสานการกำหนดวันทำประชามติกับ กกต. โดยกฎหมายประชามติที่แก้ไขใหม่เปิดช่องให้ “ทำพร้อมวันเลือกตั้งได้” ภายใต้เงื่อนไขเรื่องกรอบวันเวลา และยังชี้ว่ารัฐบาลรักษาการสามารถเดินหน้ากระบวนการได้ แต่มีข้อจำกัดหลายด้านเพื่อไม่ให้กระทบความเป็นธรรมของการเลือกตั้ง

สรุปง่าย ๆ คือ ประเด็นรัฐธรรมนูญใหม่ไม่ใช่แค่สโลแกน แต่มันเป็น “ภารกิจทางการเมือง” ที่ต้องใช้การสื่อสารกับประชาชนหนักมาก และกินพลังงานคนทำงานเต็ม ๆ จาตุรนต์จึงเลือกโฟกัสตรงนี้แบบชัดเจน

ผลสะเทือนต่อเพื่อไทย: ไม่ใช่แค่คนลาออก แต่คือ “การจัดทัพใหม่ให้ทันเกม”

ในมุมของ บ้านกีฬา การลาออกครั้งนี้ ถ้ามองตามเหตุผลที่เจ้าตัวให้ไว้ มันสะท้อน “การจัดทีมให้เดินต่อได้เร็วที่สุด” มากกว่าจะเป็นการทิ้งงาน เพราะจาตุรนต์ไม่ได้บอกว่าจะหายไปไหน เขายังจะทำงานการเมืองในภารกิจประชามติ และยังเดินคู่ไปกับสนามเลือกตั้ง เพียงแต่ “เปลี่ยนตำแหน่งยืน” ให้เหมาะกับเวลาและภารกิจ

สิ่งที่ต้องจับตาหลังจากนี้จึงมีอย่างน้อย 3 เรื่อง

  • ใครจะขึ้นมาถือธงยุทธศาสตร์เพื่อไทยแทน (และจะใช้โทนหาเสียงแบบไหน)
  • การสื่อสารเรื่องรัฐธรรมนูญใหม่กับการหาเสียงเลือกตั้ง จะเดินไปด้วยกันอย่างไร
  • ทีมรณรงค์ประชามติที่พรรคจะตั้ง จะออกแบบการสื่อสารให้ “เข้าใจง่าย” และ “ตอบข้อสงสัย” ของประชาชนได้มากแค่ไหน

เช็กลิสต์ประชาชน: อยากใช้สิทธิให้ครบ ต้องจำอะไรบ้าง

ไม่ว่าคุณจะเชียร์พรรคไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “สิทธิของตัวเอง” โดยเฉพาะคนที่ไม่สะดวกไปวันเลือกตั้งจริง

  • ถ้าจะเลือกตั้งล่วงหน้า ต้องลงทะเบียนภายในช่วงเวลาที่กำหนด
  • วันเลือกตั้ง/เลือกตั้งล่วงหน้า เปิดหน่วย 08.00–17.00 น.
  • เตรียมบัตรประชาชนหรือเอกสารราชการที่มีรูปถ่ายตามเกณฑ์ กกต.

การเมืองจะเดือดแค่ไหน สุดท้ายปลายทางมันลงที่ “บัตรเลือกตั้ง” และการตัดสินใจของประชาชนทุกคน

สรุป

เคส “จาตุรนต์ฉายแสงลาออก” จากเก้าอี้ประธานยุทธศาสตร์เพื่อไทย จึงเป็นมากกว่าข่าวการปรับตำแหน่ง เพราะมันเกิดในจังหวะที่ประเทศกำลังเร่งสปีดสู่สนามเลือกตั้ง 2569 หลังยุบสภา และยังพ่วงภารกิจใหญ่ระดับประเทศอย่างประชามติรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ การถอยหนึ่งก้าวเพื่อให้ทีมเดินต่อได้เร็วขึ้น—หรือการย้ายไปทุ่มอีกสมรภูมิที่ตัวเองถนัด—นี่คือประเด็นที่ทำให้ข่าวนี้ “ไม่ธรรมดา” และต้องจับตาต่อว่าหมากถัดไปของเพื่อไทยจะเดินแบบไหน

ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา