
จาก : ผลบอลสด แอฟริกันเนชันส์ คัพ ระหว่าง แอลจีเรีย 3-0 ซูดาน วันนี้ 24/12/68 – บ้านกีฬา
ศึกแอฟริกันเนชันส์ คัพ 2025 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E เกมนี้ แอลจีเรียเปิดหัวได้โหดสมราคาเต็งกลุ่ม ไล่อัดซูดาน 10 คนไปแบบไม่ไว้หน้า 3-0 จากสองประตูของ ริยาด มาเรซ บวกทีเด็ดท้ายเกมของ อิบราอิม มาซา ทำให้แฟนบอลที่กดเช็ก ผลบอลสด และ บ้านผลบอล แทบไม่ต้องลุ้นสกอร์กลับตัว เพราะเจ้าถิ่นคุมทุกอย่างเอาไว้ในมือ
⏱️ ครึ่งแรก: มาเรซยิงเปิด แล้วซูดานเหลือ 10 ตัว
บ้านกีฬาเห็นตั้งแต่เสียงนกหวีดแรกว่า แอลจีเรียจะบดเอาให้ได้เร็วๆ และก็ไม่ทำให้แฟนเจ้าถิ่นต้องรอนาน นาทีที่ 2 เท่านั้น มาเรซ สกิลซ้ายพิฆาตหุบเข้าในแล้วกดเต็มข้อผ่านมือผู้รักษาประตูซูดานเข้าไป เป็นสกอร์นำ 1-0 แบบที่คู่แข่งยังตั้งทรงไม่ทันด้วยซ้ำ
หลังจากได้ประตู แอลจีเรียยังคุมบอลเหนียวแน่น เดินเกมด้วยการเคาะสั้นจากกลางสนามนำโดย อิสมาแอล เบนนาเซอร์ กับ ฮาเหม็ด บูดาอุย แล้วค่อยจ่ายออกปีกให้ มาเรซ กับ รายาน อิต นูรี ลากตัดลุยเข้าไปลุ้นเพิ่ม ขณะที่ บ้านผลบอล ขึ้นสถิติชัดเจนว่าจังหวะเข้าทำของเจ้าถิ่นดุดันกว่าแบบคนละชั้น
ซูดานพยายามตอบโต้ด้วยเกมสวนกลับ ยึด ม. อีซา เป็นตัวพักบอล แต่ไปไม่ถึงไหน แถมเกมรับยังต้องเหนื่อยรับมือการเลี้ยงจี้ของแนวรุกแอลจีเรียจนเริ่มผิดจังหวะ นาทีที่ 14 ซาลาห์ อาดิล โดนใบเหลืองแรกจากจังหวะตัดเกมไม่จำเป็น ก่อนที่นาที 39 จะเข้าบอลช้าอีกครั้งโดนใบเหลืองที่สอง กลายเป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม ปล่อยให้ซูดานต้องเล่น 10 คนตั้งแต่ยังไม่หมดครึ่งแรก
จบ 45 นาทีแรก แอลจีเรียนำ 1-0 แต่รูปเกมและจำนวนนักเตะในสนามบอกชัดว่าทีมจากแอฟริกาเหนือถือไพ่เหนือกว่าหลายช่วงตัว
⏱️ ครึ่งหลัง: เปลี่ยนเกมแล้วบวกอีกสอง ปิดจ็อบเนียนๆ
ครึ่งหลัง แอลจีเรียไม่ผ่อนเครื่อง เปิดเกมบุกต่อเนื่อง ใช้การขึงบอลหน้ากรอบเขตโทษซูดานแล้วสลับยิงไกลกับเจาะในเขตโทษ นาที 52 ซูดานยิ่งลำบากเมื่อ มุฮัมหมัด ซาอีด อาเหม็ด รับใบเหลืองจากการเข้าสกัดหนักอีกหนึ่งราย ทำให้แนวรับทีมเยือนต้องเล่นอย่างกลัวพลาด
โค้ชวลาดีเมียร์ เพ็ตโควิช อ่านเกมขาด จัดการขยับเปลี่ยนตัวนาที 60 ส่ง อิบราอิม มาซา ลงมาแทน ฟาริด ชาอิบี เสริมความสดในแนวรุก ก่อนจะปรับฟูลแบ็กฝั่งซ้าย นาที 61 ส่ง เชาเอน ฮั๊ดจัม แทน รายาน อิต นูรี แล้วปรับตำแหน่งให้มาเรซยืนอิสระมากขึ้นด้านขวา
ผลคือแค่ไม่กี่วินาทีหลังเปลี่ยนตัว แอลจีเรียก็หนีเป็น 2-0 นาที 61 โมฮาเหม็ด เอล อามีน อามูร่า หลุดไปเปิดให้ มาเรซ แปเน้นๆ ไม่เหลือ กลายเป็นประตูที่สองของกัปตันทีมในเกมนี้ และเป็นจังหวะที่สะท้อนคุณภาพเกมรุกของเจ้าถิ่นแบบเต็มๆ
ท้ายเกมเมื่อซูดานเริ่มเปิดหน้าสวนกลับบ้าง แอลจีเรียก็ลงโทษอีกที นาที 85 มาซา แข้งสำรองตัวจี๊ดสอดขึ้นไปยิงจบสกอร์จากการถวายพานของ บักดัด บูเนดจาห์ เป็น 3-0 ปิดกล่องให้แฟนเจ้าถิ่นฉลองกันเต็มที่ บ้านกีฬาเช็กจาก บ้านผลบอล แล้ว เกมนี้แอลจีเรียครองบอล 59% ยิง 13 ครั้ง เข้ากรอบ 8 ครั้ง สกอร์ขาดเกินพอสมกับรูปเกมโดยรวม

👥 รายชื่อนักเตะตัวจริงและการเปลี่ยนตัว
🟢 แอลจีเรีย (ระบบ 4-2-3-1, เรตติ้งเฉลี่ย 7.14)
ผู้รักษาประตู
- ลูก้า ซีดาน (23) – เรตติ้ง 7.6 เซฟไม่เยอะ แต่คุมพื้นที่ดี เล่นบอลกับหลังบ้านนิ่ง
กองหลัง
- รามี เบนเซไบนี (21) – 7.4 เติมเกมซ้ายต่อเนื่อง ครอสบอลกดดันแนวรับซูดานตลอด
- ไอซา มานดี้ (2) – 7.0 อ่านจังหวะเข้าปะทะยอดเยี่ยม เก็บบอลสองได้เกือบหมด
- รายาน เบลกาลี (25) – 6.5 ประคองเกมฝั่งขวา เน้นเซฟโซน ไม่เติมสูงเกินไป
- รายาน อิต นูรี (15) – 7.1 เล่นงานแบ็กขวาซูดานหลายครั้ง ก่อนถูกถอดพักช่วงต้นครึ่งหลัง
กองกลาง
- อิสมาแอล เบนนาเซอร์ (10) – 7.1 ห้องเครื่องคุมจังหวะ เปลี่ยนแกนเกมบุกจากซ้ายไปขวาได้ลื่นไหล
- ฮาเหม็ด บูดาอุย (14) – 7.1 คอยเชื่อมระหว่างกลางกับริมเส้น แถมจ่ายให้มาเรซยิงประตูเปิดหัว 1-0
ตัวรุกและกองหน้า
- ฟาริด ชาอิบี (17) – 6.4 ทำหน้าที่เชื่อมเกมตรงกลางระหว่างไลน์กองกลางกับหน้าเป้า ก่อนโดนเปลี่ยนออกต้นครึ่งหลัง
- โมฮาเหม็ด เอล อามีน อามูร่า (18) – 7.4 โยกหาพื้นที่เก่ง มีส่วนกับประตู 2-0 ที่เปิดให้มาเรซยิง
- ริยาด มาเรซ (กัปตัน, 7) – 9.1 ยิงสองประตูสุดเฉียบ คือหัวใจเกมรุกและเป็นตัวสร้างความต่างตลอด 70 กว่านาทีที่อยู่ในสนาม
- บักดัด บูเนดจาห์ (9) – 6.6 ทำงานหนักพักบอลชนกองหลังคู่แข่ง และจ่ายให้มาซายิงปิด 3-0
ตัวสำรองที่ลงสนาม
- อิบราอิม มาซา (22) – 7.6 ลงมานาที 60 แล้วยิงปิดกล่อง 3-0 นาที 85 เปลี่ยนเกมให้แอลจีเรียมีมิติในกรอบเขตโทษมากขึ้น
- เชาเอน ฮั๊ดจัม (13) – 7.0 ลงมาเติมความสดริมเส้นซ้าย นาที 61 ดันสูงช่วยบุกต่อเนื่อง
- อาดิล บูลบีนา (27) – 6.9 ลงมาแทนเบนนาเซอร์ นาที 78 ช่วยแพ็กลูกกลางสนามไม่ให้ซูดานสวนกลับง่าย
- อานิส ฮัดจ์ มูสซา (11) – 6.8 ลงนาที 78 แทนมาเรซ ช่วยปิดเกมริมเส้นขวา
- รามิซ แซร์รูคคี (6) – 6.7 ลงท้ายเกมนาที 82 เติมความแน่นแดนกลาง
🟡 ซูดาน (ระบบ 4-4-1-1, เรตติ้งเฉลี่ย 6.35)
ผู้รักษาประตู
- โมฮัมเหม็ด เอลนีล (21) – 6.8 แม้โดนไปสามลูกแต่มีจังหวะเซฟสวยๆ ช่วยให้สกอร์ไม่ไหลเกินกว่านี้
กองหลัง
- อาห์เหม็ด ไอซา (20) – 6.7 ประคองเกมฝั่งซ้าย พยายามดันสูงแต่สุดท้ายต้องถอยลงต่ำตลอด
- บาลา คามิส (กัปตัน, 12) – 6.0 เจองานหนักกับการรับมือบูเนดจาห์ และลูกครอสด้านข้าง
- มุฮัมหมัด คาร์ชูม (6) – 6.3 คอยเคลียร์บอลกลางอากาศ แต่ก็หลุดตำแหน่งอยู่บ่อยครั้ง
- มุฮัมหมัด ซาอีด อาเหม็ด (3) – 6.1 ฟูลแบ็กขวาที่ต้องเจอมาเรซเต็มๆ จนโดนใบเหลืองครึ่งหลัง
กองกลาง
- โมฮัมเหม็ด อาบูอักลา (2) – 6.6 ตัดเกมกลางสนาม พยายามบังบอลและเบรกจังหวะบุกของแอลจีเรีย
- อับดุลลอฮ์ ไทฟูร์ (13) – 6.5 เชื่อมเกมระหว่างกลางกับหน้า แต่โดนแดนกลางคู่แข่งกดดันหนัก
- ยาซีน อับเดล บอชารา (7) – 6.4 ทำเกมริมเส้นขวา มีบางจังหวะลากจี้แบ็กแอลจีเรียได้สวย
- ซาลาห์ อาดิล (15) – 5.3 ปีกซ้ายที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนลบ โดนสองใบเหลืองกลายเป็นใบแดงทิ้งเพื่อนตั้งแต่นาที 39
ตัวรุกและกองหน้า
- มุฮัมหมัด อีซา (14) – 6.1 ยืนต่ำหลังหน้าเป้า พยายามหันเล่นบอลแต่โดนบีบตลอด ก่อนถูกเปลี่ยนช่วงกลางครึ่งหลัง
- อาห์เหม็ด โอมาร์ (8) – 6.6 หน้าเป้าที่แทบไม่ได้บอลในพื้นที่สุดท้ายเพราะทีมเล่นน้อยคน
ตัวสำรองที่ลงสนาม
- อัล-โกโซลี นูห์ (22) – 6.2 ลงนาที 66 เสริมความสดริมเส้น
- โมฮัมเหม็ด อับเดลราห์มาน (10) – 6.7 ลงนาที 67 ยืนเป็นหน้าเป้าใหม่ พยายามพักบอลช่วยทีม
- ยาซีร์ โมซามิล (9) – 6.4 ลงนาที 68 เป็นกำลังเสริมริมเส้นซ้าย
- อาวัด ซาเยด (18) – 6.6 ลงนาที 70 คอยรับ-รุกแดนกลางพยายามไล่บีบ
📊 วิเคราะห์บอลการรุกและการรับ
ในมุมมองของ บ้านกีฬา ถ้าพูดถึงเรื่องรูปแบบการเล่น เกมนี้คือโชว์เคสของคำว่า “ทีมใหญ่เจอทีมเล็กแต่ยังเล่นแบบมืออาชีพ” อย่างแท้จริง แอลจีเรียยึดระบบ 4-2-3-1 ที่ชัดเจน แผงหลังสองตัวกลางอ่านเกมง่ายเพราะซูดานถอยลงไปตั้งรับลึก ส่วนฟูลแบ็กอย่างเบนเซไบนี กับเบลกาลี ดันสูงเกือบตลอดเวลา ทำให้โครงสร้างเกมรุกแทบจะกลายเป็น 2-3-5 เวลาเปิดเกมบุก
แดนกลางเจ้าถิ่นใช้ เบนนาเซอร์ เป็นตัวคุมจังหวะ ยืนต่ำกว่าบูดาอุยนิดหน่อย คอยรับบอลจากเซ็นเตอร์แล้วไหลออกไปด้านข้าง หรือแทงช่องให้ตัวรุกทะลุเข้าเขตโทษ ซึ่งคือหัวใจสำคัญในมุมของการ วิเคราะห์บอล ว่าทำไมซูดานถึงแย่งบอลไม่ได้เลยในช่วงยาวๆ ของเกม
ด้านเกมรับของแอลจีเรีย จริงๆ แล้วแทบไม่ได้ถูกทดสอบเท่าไหร่ เพราะซูดานเหลือ 10 คนเร็ว ทำให้การเพรสซิ่งหน้าเขตโทษคู่แข่งไม่หนักมาก แต่เมื่อใดที่บอลถูกเคลียร์ยาวออกมา มานดี้ กับ เบนเซไบนี ก็มักดันขึ้นสูงทันที เพื่อดักตั้งแต่กลางสนาม ไม่ปล่อยให้เกมสวนกลับของซูดานมีระยะวิ่งเล่น
ฝั่งซูดาน เกมรับเริ่มต้นด้วยการยืนบล็อกสองชั้นในระบบ 4-4-1-1 แต่ปัญหาใหญ่คือฟูลแบ็กสองฝั่งรับมือความเร็วและเทคนิคของมาเรซกับอามูร่าไม่ไหว ทำให้ต้องตัดฟาวล์บ่อย จนสุดท้าย ซาลาห์ อาดิล ถูกไล่ออกจากการเข้าสกัดพลาดสองครั้งซ้อน ส่งผลให้ทั้งระบบรับพังลงทันทีเพราะต้องถอยปีกลงมาปิดช่อง ปล่อยให้หน้าเป้าตัวเดียวโดดเดี่ยวเกินไป
เกมรุกของซูดานแทบไม่มีจังหวะต่อบอลสวยๆ ส่วนใหญ่เป็นการหวังบอลยาวหรือเซ็ตพีซ แต่เมื่อเสียตัวผู้เล่นไปหนึ่งคน โอกาสก็หายไปแทบหมด นี่คือจุดต่างที่ บ้านกีฬา มองว่าทำให้แอลจีเรียชนะขาดทั้งรูปเกมและสกอร์

📈 สถิติการแข่งขัน
ตัวเลขหลังเกมตอกย้ำทุกอย่างที่เห็นในสนาม แอลจีเรียครองบอลถึง 59% ขณะที่ซูดานมีเพียง 41% เท่านั้น เจ้าถิ่นกดดันเต็มสูบด้วยการยิงทั้งหมด 13 ครั้ง เข้ากรอบถึง 8 ครั้ง เปลี่ยนเป็น 3 ประตู เน้นๆ ส่วนทีมจากแอฟริกาตะวันออกอย่างซูดานได้ยิงเพียง 4 ครั้ง เข้ากรอบ 2 จังหวะแบบไม่ทำให้ซีดานต้องเซฟยากมากนัก แม้จำนวนฟาวล์ของแอลจีเรียจะมากกว่า 14 ต่อ 10 แต่ก็เป็นการตัดเกมตามจังหวะปกติ ไม่มีใครโดนใบเหลืองหรือใบแดงเลย ในขณะที่ซูดานเสียถึง 2 ใบเหลือง และ 1 ใบแดงจากซาลาห์ อาดิล ทำให้ตลอดทั้งครึ่งหลังต้องตั้งรับลึกแทบไม่ออกจากแดนตัวเอง ลูกตั้งเตะและเตะมุมก็ชัดเจน แอลจีเรียได้ถึง 11 เตะมุม เทียบกับซูดานแค่ 1 ครั้ง แสดงให้เห็นว่าทีมเจ้าถิ่นเล่นเกมรุกอยู่ฝั่งเดียวแทบทั้งเกม
📝 เหตุการณ์สำคัญในเกม
- ⚽ นาทีที่ 2 แอลจีเรียขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ ฮาเหม็ด บูดาอุย ไหลต่อให้ ริยาด มาเรซ จบสกอร์สุดนิ่ง
- 🟨 นาทีที่ 14 ซาลาห์ อาดิล ของซูดานโดนใบเหลืองแรกจากการตัดฟาวล์ริมเส้น
- 🟨🟥 นาทีที่ 39 ซาลาห์ อาดิล เข้าบอลช้าอีกครั้ง โดนใบเหลืองที่สองกลายเป็นใบแดงทิ้งให้ทีมเหลือ 10 คน
- 🟨 นาทีที่ 52 มุฮัมหมัด ซาอีด อาเหม็ด แบ็กขวาซูดานรับใบเหลืองจากการสกัดหนัก
- 🔁 นาทีที่ 60 แอลจีเรียเปลี่ยนตัว ส่ง อิบราอิม มาซา แทน ฟาริด ชาอิบี เติมความสดแนวรุก
- 🔁 นาทีที่ 61 แอลจีเรียขยับอีกครั้ง ส่ง เชาเอน ฮั๊ดจัม แทน รายาน อิต นูรี เสริมเกมริมเส้น
- ⚽ นาทีที่ 61 แอลจีเรียหนีเป็น 2-0 เมื่อ โมฮาเหม็ด เอล อามีน อามูร่า เปิดให้ ริยาด มาเรซ แปจ่อๆ ไม่เหลือ
- 🔁 นาทีที่ 66 ซูดานส่ง อัล-โกโซลี นูห์ ลงแทน อาห์เหม็ด โอมาร์ หวังปรับเกมริมเส้น
- 🔁 นาทีที่ 67 ซูดานเปลี่ยนส่ง โมฮัมเหม็ด อับเดลราห์มาน แทน มุฮัมหมัด อีซา
- 🔁 นาทีที่ 68 ยาซีร์ โมซามิล ลงสนามแทน อาห์เหม็ด ไอซา ขยับโครงสร้างแนวรับใหม่
- 🔁 นาทีที่ 70 อาวัด ซาเยด ลงแทน โมฮัมเหม็ด อาบูอักลา เพื่อเติมความสดในแดนกลาง
- 🔁 นาทีที่ 78 แอลจีเรียเปลี่ยนสองคนรวด ส่ง อาดิล บูลบีนา แทน เบนนาเซอร์ และ อานิส ฮัดจ์ มูสซา แทน มาเรซ
- 🔁 นาทีที่ 82 แอลจีเรียส่ง รามิซ แซร์รูคคี แทน อามูร่า ปรับมาเน้นคุมจังหวะ
- ⚽ นาทีที่ 85 อิบราอิม มาซา ยิงปิดกล่องให้แอลจีเรียนำห่าง 3-0 จากการจ่ายของ บักดัด บูเนดจาห์
- ⏱️ ทดเวลาบาดเจ็บรวม 6 นาที ก่อนจบเกมด้วยชัยชนะขาดลอยของแอลจีเรีย
🌟 Player of the Match: ริยาด มาเรซ
ตำแหน่งแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่า ริยาด มาเรซ ที่ได้เรตติ้งสูงลิ่ว 9.1 จาก Sofascore ตลอดเวลาที่อยู่ในสนาม เขาคือจุดศูนย์กลางเกมรุก ทั้งการเลี้ยงกินตัว การยิงฟรีคิก การเปิดบอลจากริมเส้น และจังหวะจบสกอร์ที่เฉียบคมสองครั้ง นาทีที่ 2 กับ 61 ทำให้เกมที่ควรจะตึงในฐานะนัดเปิดสนามกลุ่ม E กลายเป็นเกมที่แอลจีเรียเล่นได้อย่างสบายใจ บ้านกีฬามองว่าแค่เห็นมาเรซลากจี้แนวรับซูดาน แฟนบอลก็รู้แล้วว่าวันนี้แอลจีเรียมาเพื่อเอา 3 แต้มแบบไม่แบ่งใคร

📌 สถานการณ์ในตารางคะแนน แอฟริกันเนชันส์ คัพ กลุ่ม E
หลังจบเกมนี้ ตารางคะแนนกลุ่ม E ชัดเจนว่า แอลจีเรียขึ้นนำจ่าฝูง มี 3 คะแนนเต็ม ลูกได้เสีย +3 จากการยิงซูดาน 3-0 ส่วน บูร์กินาฟาโซ มี 3 คะแนนเท่ากันแต่ลูกได้เสียน้อยกว่าอยู่อันดับสอง อิเควทอเรียลกินี แพ้เกมแรกประตูได้เสีย -1 อยู่อันดับสาม และซูดานหล่นรั้งอันดับสุดท้ายของกลุ่ม ลูกได้เสีย -3 งานหนักทันทีสำหรับสองนัดที่เหลือ เพราะหากสะดุดอีกครั้ง โอกาสหลุดรอบแบ่งกลุ่มมีสูงมาก
📅 ตารางบอล แอฟริกันเนชันส์ คัพ กลุ่ม E นัดถัดไป
เมื่อลองเปิดดู โปรแกรมบอล กลุ่ม E นัดต่อไป แฟนๆ จะได้ลุ้นกันต่อเนื่อง
- 28/12/25 – อิเควทอเรียลกินี พบ ซูดาน
- 29/12/25 – แอลจีเรีย พบ บูร์กินาฟาโซ
- 31/12/25 – อิเควทอเรียลกินี พบ แอลจีเรีย
- 31/12/25 – ซูดาน พบ บูร์กินาฟาโซ
เกมระหว่างแอลจีเรียกับบูร์กินาฟาโซมีโอกาสเป็นแมตช์ชี้ชะตาแย่งแชมป์กลุ่ม ส่วนซูดานจำเป็นต้องฮึดเก็บแต้มให้ได้ในสองนัดที่เหลือ ไม่อย่างนั้นทัวร์นาเมนต์แอฟริกันเนชันส์ คัพ หนนี้อาจจบแบบสั้นๆ เกินไปสำหรับพวกเขา
🏟️ ติดตาม บ้านผลบอล และความเคลื่อนไหวอีกเพียบได้ที่ บ้านกีฬา
ใครที่อยากตามทุกช็อตเดือดของทัวร์นาเมนต์นี้ ทั้งสรุปผลแบบสไตล์ บ้านผลบอล, ความเห็นจัดเต็มแบบเซียน รวมถึงอัปเดต ตารางบอลวันนี้ และบทวิเคราะห์ก่อนเตะ บ้านกีฬา พร้อมเกาะขอบสนามให้แบบไม่มีกั๊ก แฟนบอลอย่าลืมติดตามข่าวบอล เกมเดือด และสกอร์สดทุกค่ำคืนได้ที่ บ้านกีฬา แล้วมาลุ้นไปพร้อมกันว่ากลุ่ม E จะจบลงแบบไหน

