ประเด็นร้อนรับปลายปี 30 ธันวาคม 2568 ที่โซเชียลเดือดแบบไม่ต้องวอร์มอัป เมื่อเกิดเหตุคอมเมนต์ไม่เหมาะสมใต้โพสต์ที่มีภาพของ “จินนี่ ยศสุดา” จนถูกตั้งคำถามเรื่อง คุกคามทางเพศ และลากยาวไปถึงบทสนทนาว่าด้วยความรับผิดชอบบนโลกออนไลน์ของคนมีชื่อเสียง—เพราะคำไม่กี่คำบนหน้าจอ มันทำให้ “ชื่อเสียง” กลายเป็น “คดี” ได้จริงในชั่วข้ามคืน.
ไทม์ไลน์ดราม่า: จากช็อกทั้งโซเชียล → งงว่าโดนแฮก? → สุดท้ายเจ้าตัวยอมรับ
เรื่องมันเริ่มจากการที่เพจทางการของโดมเข้าไปแสดงความเห็นในโพสต์ของบุคคลที่สามซึ่งลงรูป “จินนี่” จนคนอ่านแล้วสะดุ้ง เพราะโทนข้อความถูกมองว่าไม่เหมาะสมและเข้าข่ายคุกคาม ทำให้เกิดกระแส “ทัวร์ลง” แบบทันทีทันใด—ทั้งตำหนิ ทั้งตั้งคำถามว่า “นี่หลุดเองหรือโดนแฮก?”
จังหวะแรก มีการชี้แจงในทำนองว่า “ไม่ได้โพสต์” และขอเวลาตรวจสอบว่าใครเป็นคนทำ ทำให้สถานการณ์ยิ่งงงขึ้น เพราะคนยังเฝ้าติดตามว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่.
แต่หลังจากนั้นไม่นาน โดมโพสต์คลิปชี้แจง “ยอมรับว่าเป็นผู้คอมเมนต์เอง” โดยอธิบายว่าเกิดจากการดื่มในงานเลี้ยงจนกรึ่ม ๆ และเข้าไปแซวตามความเคยชินกับเพื่อน (เจ้าของโพสต์) พร้อมขอโทษสังคมและระบุว่าจะให้ทีมงานติดต่อไปขอโทษผู้เกี่ยวข้อง.

ประเด็นที่ทำให้ไฟลุก: “เมา” ไม่ได้แปลว่า “ลบความรับผิดชอบ”
คำอธิบายของโดมที่โยงกับความเมา กลายเป็นเชื้อเพลิงอีกก้อน เพราะสังคมไทยคุ้นกับประโยคประมาณ “ไม่ได้ตั้งใจ” หรือ “เผลอไป” แต่โลกออนไลน์ยุคนี้ไม่ค่อยปล่อยผ่านง่าย ๆ โดยเฉพาะเรื่องการให้เกียรติผู้หญิงและความปลอดภัยบนโซเชียล
มุมหนึ่งคือ คนจำนวนมากมองว่า ต่อให้เป็นการแซวเล่นในกลุ่มเพื่อน ก็ไม่ควรหลุดมาในที่สาธารณะ เพราะแพลตฟอร์มไม่ใช่วงเหล้า ไม่ใช่แชตส่วนตัว และไม่ใช่พื้นที่ที่ผู้ถูกพาดพิง “ยินยอม” จะรับคำพูดแบบนั้น
อีกมุมหนึ่งคือ “ความเมา” ทำให้เห็นตัวตนจริงหรือไม่? อันนี้คือคำถามที่โซเชียลเถียงกันบ่อย—แต่ข้อเท็จจริงที่เลี่ยงไม่ได้คือ ต่อให้เมาแค่ไหน “คนโพสต์” ก็ยังเป็นคนเดิม และผลลัพธ์มันกระทบคนอื่นจริง
หนุ่ม กรรชัย พูดตรงจนหลายคนพยักหน้า: ไม่ใช่ลูกใครก็ไม่ควรโดน
ดราม่านี้ถูกขยายต่อเมื่อ “หนุ่ม กรรชัย” ออกมาพูดในรายการข่าว และชี้ประเด็นที่แทงใจดำว่า ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ลูกสาวนักการเมืองหรือบุคคลสาธารณะ ก็ไม่ควรมีใครโดนคอมเมนต์ลักษณะนี้อยู่ดี—ประเด็นจึงไม่ใช่ “รู้ว่าเป็นใคร” แต่คือ “มันไม่ควรเกิดกับใครเลย”.
คำพูดแนวนี้มันเหมือนเปิดไฟสปอร์ตไลต์ไปที่แก่นของเรื่อง: การเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ต้องเป็นมาตรฐาน ไม่ใช่เลือกปฏิบัติตามสถานะหรือชื่อเสียง
ฝั่งการเมืองขยับ: พรรคประกาศเดินหน้าดำเนินคดี
เรื่องไม่ได้หยุดแค่ดราม่า เพราะมีรายงานว่าฝั่งพรรคไทยสร้างไทยระบุว่า “ผู้เสียหายตัดสินใจดำเนินคดี” และทีมทนายเตรียมแจ้งเอาผิด ทั้งในส่วนของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการคุกคาม.
ขณะเดียวกัน มีรายงานด้วยว่า “คุณหญิงสุดารัตน์” แสดงจุดยืนในฐานะแม่ ออกมาปกป้องลูกสาว และย้ำว่าการคุกคามไม่ควรถูกทำให้เป็นเรื่องล้อเล่น พร้อมสื่อสารว่าผู้กระทำต้องรับผิดทั้งทางสังคมและทางกฎหมาย.

ทำไมเรื่องนี้ถึง “ใหญ่” กว่าดราม่าดาราทั่วไป: เพราะชนกับบริบทกฎหมายและสังคมพอดี
จังหวะเวลามันยิ่งทำให้เรื่องถูกจับตา เพราะวันเดียวกันมีสื่อรายงานเรื่องการประกาศใช้กฎหมาย/บทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับนิยามความผิดด้านการคุกคามมากขึ้น ทำให้สังคมยิ่งคุยกันหนักว่า “ออนไลน์ก็เอาผิดได้จริงไหม” และ “มาตรฐานการพูดกับผู้หญิงบนโซเชียลควรอยู่ตรงไหน”.
พูดง่าย ๆ คือ นี่ไม่ใช่แค่เรื่องคนดังพลาด—แต่มันกลายเป็น “เคสตัวอย่าง” ที่ทำให้คนทั่วไปหันมาระแวงและระวังคำพูดในคอมเมนต์มากขึ้น เพราะโลกมันไปไกลกว่ายุค “พิมพ์แล้วลบก็จบ” แล้ว
บทเรียนโซเชียลที่คนดังและคนทั่วไปควรจำ: คอมเมนต์คือหลักฐาน และอินเทอร์เน็ตไม่ลืม
ต่อให้ลบโพสต์เร็วแค่ไหน โลกออนไลน์มีแคป มีแชร์ มีหลักฐานเสมอ นี่คือความจริงของยุคนี้ที่เปลี่ยนเกมทั้งหมด
สิ่งที่หลายคนมองว่า “แค่แซว” อาจถูกตีความเป็นการคุกคามได้ โดยเฉพาะเมื่อ
- ผู้ถูกพาดพิงไม่ได้รู้จัก ไม่ได้ยินยอม และไม่ได้อยู่ในวงสนทนา
- เนื้อหามีลักษณะทำให้คนอื่นรู้สึกถูกลดคุณค่า อับอาย หรือไม่ปลอดภัย
- เป็นพื้นที่สาธารณะ ที่คนจำนวนมากเห็นและขยายผลต่อได้
และที่สำคัญ “เจตนา” ไม่ได้ลบ “ผลกระทบ” เพราะผลกระทบมันเกิดแล้วกับคนที่โดนพาดพิง รวมถึงสังคมที่กำลังตั้งมาตรฐานใหม่เรื่องความเคารพ
ถ้าเจอสถานการณ์ลักษณะนี้ ควรทำยังไงให้ปลอดภัยและเป็นระบบ
เพื่อให้เป็นประโยชน์กับคนอ่าน (ไม่ว่าจะเป็นคนดังหรือคนทั่วไป) นี่คือแนวทางรับมือที่ช่วยลดความเสียหายและปกป้องตัวเองได้:
- เก็บหลักฐานทันที: แคปหน้าจอให้เห็นชื่อบัญชี วันเวลา และลิงก์โพสต์
- รายงานแพลตฟอร์ม: ใช้ระบบ Report ของโซเชียลนั้น ๆ เพื่อให้มีบันทึกในระบบ
- อย่าตอบโต้ด้วยคำหยาบ/คุกคามกลับ: เพราะอาจกลายเป็นหลักฐานย้อนศร
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ/ทนายเมื่อจำเป็น: โดยเฉพาะถ้ามีการคุกคามซ้ำ ๆ หรือมีการเผยแพร่ต่อจำนวนมาก

สรุปดราม่า “โดม–จินนี่” ในมุมบ้านกีฬา: แพ้ทางโซเชียลได้ แต่อย่าแพ้ความรับผิดชอบ
ภาพรวมวันนี้คือ โดมออกมายอมรับและขอโทษแล้ว แต่สังคมยังถกกันต่อว่า “พอไหม” และ “ควรจบแบบไหน” เพราะเรื่องนี้มันกระทบความรู้สึกของผู้ถูกพาดพิง และสะท้อนวัฒนธรรมการคอมเมนต์ที่หลายคนเคยมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา ทั้งที่จริง ๆ แล้วมันอาจทำร้ายคนอื่นได้แบบไม่รู้ตัว.
ท้ายที่สุด ดราม่านี้กำลังบอกเราชัด ๆ ว่า โลกออนไลน์ไม่ใช่สนามเล่นมุกแบบไร้ขอบเขตอีกต่อไป คำพูดต้องมีราคา และความเคารพต้องเป็นพื้นฐาน ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็น “ใคร” ก็ตาม
ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา

