ถือเป็นข่าวใหญ่ของวงการฟุตซอลไทย ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา กับดีลการย้ายทีมของ “เทพอาร์ม” ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ดาวยิงอันดับหนึ่งวงการโต๊ะเล็กไทย ที่ตัดสินใจออกไปหาความท้าทายในชีวิตค้าแข้งอีกครั้ง กับต้นสังกัดใหม่สโมสร นาโกย่า โอเชียนส์ ยอดทีมแกร่งประเทศญี่ปุ่น และทวีปเอเชีย
แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา
จากการย้ายทีมครั้งนี้ ถือเป็นการตัดสินใจออกไปค้าแข้งกับทีมต่างแดนหนที่ 6 ในชีวิตของดาวเตะวัย 30 ปี ซึ่ง ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ถือเป็นนักเตะไทย คนที่สอง ต่อจาก “เลิศ” เลิศชาย อิสราสุวิภากร อดีตนักฟุตซอลทีมชาติไทย ที่ย้ายค้าแข้งกับ “จ้าวสมุทร” นาโกย่า โอเชียนส์ ช่วงสั้นๆ เมื่อฤดูกาล 2011/2012 แต่ได้รับบาดเจ็บหนักช่วงปรีซีซั่นจนสุดท้ายต้องยกเลิกสัญญาไป
ด้วยฝีเท้า และรางวัลมากมาย คงไม่มีอะไรให้ “เทพอาร์ม” ดาวเตะจากอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ต้องพิสูจน์อีกแล้วในประเทศไทย ด้วยดีกรีแชมป์โมสรเอเชีย 2 สมัย, ฟุตซอลไทยลีก 8 สมัย, แชมป์เอฟเอ คัพ 5 สมัย, แชมป์สโมสรอาเซียน 1 สมัย คงเป็นเครื่องหมายการันตีชั้นดีว่า “ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง” คือนักเตะที่ดีที่สุดของประเทศไทย ใน พ.ศ.นี้
ส่วนประสบการณ์ค้าแข้งต่างแดนของ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ถือว่ามีทั้งสุข และทุกข์ เริ่มต้นจากเดินทางไปฝึกกับ โลเบลล์ ซานติอาโก (ซานติอาโก ฟุตซอล) ในลีกสเปน เป็นเวลา 1 เดือนเมื่อปี 2010 ก่อนปี 2011 ย้ายไปเล่นในตะวันออกกลางกับสโมสรอัล คาราฟี่ ของประเทศคูเวต ด้วยสัญญายืมตัวเป็นระยะเวลา 3 สัปดาห์
ตามด้วยฤดูกาล 2011 ย้ายไปเล่นในลีกอิหร่าน กับ เปอร์เซโปลิส ด้วยสัญญายืมตัวสั้นๆ 2 เดือน แต่ได้รับโอกาสไม่มากนัก ก่อนกลับไปเล่นในลีกอิหร่าน หนที่สองกับ สโมสรเมส ซันกาน เมื่อฤดูกาล 2016 ช่วยทีมจบอันดับที่สาม พร้อมฟันค่าเหนื่อยตกเดือนละ 3 แสนบาท
ก่อนที่ฤดูกาล 2018 จะไปร่วมทัพ “เหล็กดำ” สโมสร แบล็คสตีล มาโนกวารี ในลีกอินโดนีเซีย และทำผลงานได้ดี จนเป็นทีมเต็งแชมป์ แต่น่าเสียดายต้องกลับมาก่อนที่รอบเพลย์ออฟตัดสินแชมป์จะเสร็จสิ้น และสุดท้ายทีมพลาดแชมป์ไป เนื่องจาก ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ต้องย้ายกลับมาเล่นกับ พีทีที บลูเวฟ ชลบุรี ก่อนตลาดซื้อขายนักเตะ “ฟุตซอล ไทยลีก 2018” จะปิด
ล่าสุดฤดูกาล 2019 ที่ผ่านมา ดาวเตะศิษย์เก่าโรงเรียนโพธาวัฒนาเสนี ย้ายไปร่วมทัพสโมสร ‘แบงค์ ออฟ เบรุต’ ยอดทีมแชมป์จากเลบานอน ในศึกชิงแชมป์สโมสรเอเชีย ช่วยทีมเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย พร้อมผลงานมาตรฐานของตัวเอง ลงสนาม 4 นัด ยิง 4 ประตู
ซึ่งจากที่กล่าวมาแม้ว่า “เทพอาร์ม” ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง จะผ่านการค้าแข้งในต่างแดนมาแล้วถึง 5 สโมสร 4 ประเทศ แต่ยังไม่เคยสัมผัสถ้วยแชมป์กับทีมได้เลยสักครั้ง ซึ่งสิ่งนี้น่าจะเป็นเรื่องคาใจของเจ้าตัวอยู่ไม่น้อย ว่าสักครั้งในชีวิตต้องออกไปพิสูจน์ตัวเอง และคว้าแชมป์กับสโมสรในลีกต่างประเทศมาครองให้ได้
การย้ายไปร่วมทีม นาโกย่า โอเชียนส์ ยอดทีมแกร่งประเทศญี่ปุ่น และทวีปเอเชีย ที่มีดีกรีเบอร์หนึ่งเอเชียในตอนนี้ เป็นแชมป์สโมสรเอเชีย ได้ถึง 4 สมัย ปี 2011,2014,2016,2019 และแชมป์ ฟุตซอล เอฟ.ลีก(ฟุตซอลลีกสูงสุดของประเทศญี่ปุ่น) 11 สมัย น่าจะถึงเวลาแล้วที่ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง จะได้ชูโทรฟีแชมป์กับการค้าแข้งต่างแดนสักที
จริงๆ แล้ว “พ่อมดฟุตซอลเมืองไทย” อย่าง ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง เป็นที่หมายปองของ นาโกย่า โอเชียนส์ มานานแล้ว แต่จังหวะไม่ลงตัว จนมาปีนี้ ที่ทุกอย่างสุกงอม ประกอบกับ “อาร์ม” ก็ต้องการความท้าทายใหม่ๆ ในบั้นปลายของการค้าแข้ง นี่จึงเป็นการดีลที่ลงตัว และ พร้อมร่วมกันสร้างตำนานบทใหม่ไปด้วยกัน
หลังจากนี้คงเป็นบทบพิสูจน์ใหม่ของ “พ่อมดฟุตซอลไทย คนที่2” ในการค้าแข้งอีกครั้ง และที่สำคัญหากเจ้าตัวทำผลงานได้ดี ก็จะเป็นใบเบิกทางเปิดตลาดนักเตะไทย ใน ฟุตซอล เอฟ.ลีก ให้รุ่นน้องนักฟุตซอลไทย ได้มีโอกาสย้ายไปค้าแข้งในแดนปลาดิบต่อไปในอนาคต
บทความจาก https://stadiumth.com/