ซิโมเน่ อินซากี้ กุนซือจอมแท็กติกของ อัล-ฮิลาล เปิดใจกระแทกอารมณ์แบบไม่กั๊ก หลังพลพรรคของเขาสร้างปาฏิหาริย์ดับซ่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4-3 ในช่วงต่อเวลาพิเศษของศึก ชิงแชมป์สโมสรโลก 2025 รอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยเปรียบแมตช์สุดระทึกนี้ว่าไม่ต่างจากการ “ปีนภูเขาเอเวอเรสต์โดยไม่มีอ็อกซิเจน” ซึ่งบ่งบอกถึงความยากเย็นระดับโหดสุดขีด และยกย่องลูกทีมว่าคือหัวใจสำคัญของชัยชนะ
แม้ก่อนเกมหลายสื่อและแฟนบอลจะมองว่า เรือใบสีฟ้า ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นต่ออย่างชัดเจน แต่ในสนามกลับเป็นอีกภาพที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง แมนซิตี้เริ่มต้นเกมด้วยการขึ้นนำก่อนตามคาด ทว่า อัล-ฮิลาล กลับระเบิดฟอร์มสวนกลับชนิดไม่เกรงใจแชมป์ยุโรป พลิกนำเป็น 2-1 จากนั้นเกมก็กลายเป็นสงครามลูกหนังสุดมันส์ที่ทั้งสองฝ่ายแลกกันแบบไม่ถอย แต่ตลอดช่วงเวลาที่เหลือ ทีมของอินซากี้ไม่เคยยอมตกเป็นฝ่ายตามหลังอีกเลย ก่อนจะเฉือนชนะไปในช่วงต่อเวลาพิเศษด้วยสกอร์ระทึก 4-3 ส่งทีมผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้อย่างยิ่งใหญ่
หลังจบเกม อินซากี้ ให้สัมภาษณ์แบบถึงพริกถึงขิงว่า “กุญแจสำคัญของชัยชนะครั้งนี้ไม่ใช่แท็กติก ไม่ใช่ระบบ แต่คือนักเตะ พวกเขาเล่นด้วยหัวใจล้วนๆ มันเป็นเกมที่เราจำเป็นต้องทำสิ่งที่พิเศษถึงขั้นเหลือเชื่อ และพวกเขาก็ทำได้จริงๆ”
เขายังกล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงชื่นชมอย่างสุดขีดว่า “เรารู้ดีว่าการเผชิญหน้ากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ต่างจากการปีน ยอดเขาเอเวอเรสต์ แบบไม่มีถังออกซิเจน มันคือภารกิจที่ยากแทบเป็นไปไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะท้าทายมัน และเราทำได้สำเร็จ นั่นคือสิ่งที่ผมภูมิใจที่สุด”
สำหรับอินซากี้ แม้จะเพิ่งรับงานคุม อัล-ฮิลาล ได้ไม่นาน แต่ชัยชนะในค่ำคืนนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของยุคใหม่ และยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับทีมในการล่าความสำเร็จระดับโลก ขณะเดียวกัน เขาก็ไม่ลืมให้เกียรติคู่แข่ง โดยกล่าวถึง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ว่า “เขาคือโค้ชที่ดีที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ค่ำคืนนี้ เป็นคืนของพวกเรา”
ชัยชนะเหนือแมนซิตี้ครั้งนี้ไม่เพียงเขย่าวงการลูกหนังระดับโลก แต่ยังปลุกกระแสความหวังในฝั่งเอเชียว่า ทีมจากตะวันออกกลางก็สามารถล้มยักษ์จากยุโรปได้เช่นกัน และอัล-ฮิลาล ก็ได้พิสูจน์สิ่งนั้นด้วยเลือดนักสู้
ติดตามข่าว ฟุตบอลต่างประเทศ และบทวิเคราะห์เข้มข้นแบบนี้ได้ทุกวันที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา
