
แม้ฟอร์มในสนามจะสั่นคลอน แต่สองสตาร์ทีมชาติอังกฤษอย่าง ฟิล โฟเด้น และ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ยังคงทำเงินนอกสนามได้อย่างมหาศาลชนิดที่เรียกได้ว่า “สวนทางผลงานในสนามอย่างสิ้นเชิง” เมื่อรายได้จากลิขสิทธิ์ภาพลักษณ์และธุรกิจส่วนตัวของทั้งคู่พุ่งแตะหลัก ร้อยล้านบาทต่อปี กลายเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของนักเตะยุคใหม่ที่ไม่ได้พึ่งแค่ผลงานในสนามเพียงอย่างเดียวเพื่อสร้างรายได้
โฟเด้น แนวรุกจอมเทคนิคของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ วัย 25 ปี มีทรัพย์สินโดยรวมประมาณ 8 ล้านปอนด์ หรือราว 352 ล้านบาท โดยหนึ่งในช่องทางรายได้หลักของเขามาจากการใช้ภาพลักษณ์ในการทำตลาดสินค้า แบรนด์ และธุรกิจส่วนตัว ผ่านบริษัทที่ชื่อว่า Rondog Sports Limited ซึ่งเป็นบริษัทที่เขาใช้จัดการเรื่องสิทธิ์ทางการค้า
ในปี 2024 เพียงปีเดียว บริษัทดังกล่าวของโฟเด้นมีเงินสดสะสมในบัญชีสูงถึง 7.8 ล้านปอนด์ (ราว 343.2 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีอยู่ 4.3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 189.2 ล้านบาท) สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้จากนอกสนาม โดยรายได้รายสัปดาห์จากภาพลักษณ์ของเจ้าตัวสูงถึง 67,000 ปอนด์ (ประมาณ 2.94 ล้านบาท) ซึ่งถือว่าเป็นรายได้เสริมจากค่าเหนื่อยหลักที่ได้รับจาก “เรือใบสีฟ้า” ซึ่งอยู่ที่ 225,000 ปอนด์ (ประมาณ 9.9 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์
นอกจากรายได้มหาศาลจากค่าเหนื่อยและสปอนเซอร์แล้ว โฟเด้นยังถือครองสัญญาระยะยาวกับ ไนกี้ (Nike) แบรนด์กีฬาระดับโลกที่มอบข้อตกลงสปอนเซอร์รองเท้ามูลค่าสูง โดยคาดว่าเป็นหนึ่งในดีลสำคัญที่หนุนหลังความมั่งคั่งของเจ้าตัว ขณะเดียวกัน เขายังมีสัญญากับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยาวไปถึงปี 2027 ซึ่งการันตีรายได้ในระดับสูงต่อเนื่องอีกหลายปี
ในฝั่งของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ แม้ผลงานในสนามจะถูกวิจารณ์อย่างหนักกับฟอร์มการเล่นที่ไม่สม่ำเสมอ รวมถึงสถานการณ์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ฤดูกาล 2024/25 จบอันดับต่ำถึงที่ 15 ของลีก พร้อมความผิดหวังในรอบชิง ยูฟ่า ยูโรปา ลีก แต่ในแง่การเงิน แม็กไกวร์ยังคงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากภาพลักษณ์ส่วนตัวได้อย่างแข็งแกร่ง
บริษัท HM5 Limited ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ ตัวแทนลิขสิทธิ์และสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา ของแม็กไกวร์ มีทรัพย์สินรวมมูลค่ากว่า 8 ล้านปอนด์ (ประมาณ 352 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 6.4 ล้านปอนด์ (ราว 281.6 ล้านบาท) โดยนักเตะวัย 31 ปีรายนี้เคยรับรายได้จากสโมสรในระดับสูงถึง 10 ล้านปอนด์ (ราว 440 ล้านบาท) ต่อปี และได้นำเงินจำนวนหนึ่งซึ่งคาดว่าประมาณ 5 ล้านปอนด์ (ราว 220 ล้านบาท) ไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
รูปแบบการทำเงินของแข้งดังยุคใหม่ ไม่ได้จำกัดเพียงแค่รายได้จากค่าเหนื่อย แต่ยังรวมไปถึงการใช้ ชื่อเล่น, โลโก้, ลายเซ็น, หมายเลขเสื้อ, ภาพลักษณ์, เสียง และแม้กระทั่งสโลแกนส่วนตัว เพื่อผลิตและขายสินค้า เช่น เสื้อผ้า, เครื่องแต่งกาย หรือของที่ระลึก ซึ่งสร้างกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่องให้พวกเขาแม้ในวันที่ฟอร์มตก
แม้ผลงานของ แมนฯ ซิตี้ และ แมนฯ ยูไนเต็ด จะไม่น่าประทับใจในฤดูกาลที่ผ่านมา โดยเฉพาะโฟเด้นที่โอกาสลงสนามลดลง และแม็กไกวร์ที่ฟอร์มขึ้นๆ ลงๆ แต่ในโลกของนักฟุตบอลยุคใหม่ การรักษาแบรนด์ส่วนตัวให้แข็งแรงกลายเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ทำให้พวกเขาสามารถ “ชนะ” ได้แม้ทีมจะแพ้
ทั้งสองแข้งยังคงเป็นชื่อที่ได้รับความสนใจทั้งจากแฟนบอลและบรรดาสปอนเซอร์ และตราบใดที่ยังมีความสามารถในการดึงดูดแบรนด์และขับเคลื่อนธุรกิจส่วนตัวได้อย่างชาญฉลาด ความมั่งคั่งของพวกเขาก็จะยังพุ่งทะยานต่อไป
ติดตามเบื้องหลังเรื่องราวการเงินนักเตะดังและข่าววงการลูกหนังได้ก่อนใครที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา