เมื่อความทะเยอทะยานไม่เคยหลับใหล “สิงห์เจ้าท่า” เดินหน้าเสริมทัพในระดับโครงสร้างอย่างจริงจัง ล่าสุด การท่าเรือ เอฟซี ประกาศเปิดตัว อเล็กซานเดร กาม่า หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวบราซิล พร้อมทีมงานสตาฟฟ์โค้ชระดับคุณภาพอีก 3 ราย เข้ามาร่วมภารกิจสำคัญในการพาสโมสรลุยศึก ไทยลีก ฤดูกาล 2025/26 อย่างเต็มพิกัด ภายใต้เป้าหมายอันยิ่งใหญ่ในการทวงคืนพื้นที่หัวตาราง และไล่ล่าความสำเร็จที่แฟนบอลรอคอย
การมาของ กาม่า ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งกุนซือ แต่คือการยกระดับองค์กรทั้งระบบ โดยอดีตกุนซือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ เอสซีจี เมืองทองฯ รายนี้ ถือเป็นเฮดโค้ชชาวบราซิลคนแรกในประวัติศาสตร์ของการท่าเรือ และเขาได้รับสิทธิ์เต็มที่ในการวางทีมงานของตัวเอง ซึ่งประกอบด้วยบุคลากรที่ผ่านสมรภูมิลูกหนังทั้งในระดับเยาวชนและชุดใหญ่มาแล้วทั่วโลก
เริ่มจาก โรดริโก ดา คอสตา ที่เข้ารับตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน โดยเขาคือผู้ฝึกสอนที่ผ่านประสบการณ์สร้างเยาวชนในระดับสูงสุดของบราซิล ไม่ว่าจะเป็น ฟลูมิเนนเซ ที่เป็นแหล่งปั้นดาวรุ่งชื่อดัง หรือกับทีมเยาวชนของ กียองนัม เอฟซี ในเกาหลีใต้ รวมถึงเคยทำงานกับ แอตเลติกา ปอร์ตูกัวซ่า ทั้งในระดับชุดใหญ่และเยาวชน ก่อนจะมาสัมผัสไทยลีกกับ ลำพูน วอริเออร์ นี่คือผู้ช่วยที่เข้าใจปรัชญาฟุตบอลแบบละเอียดยิบ และจะเป็นคนคอยขับเคลื่อนแนวทางของกาม่าให้ลงตัวที่สุด
คนถัดมา วิเตอร์ เทอร์รา สวมบทบาท ฟิตเนสโค้ช ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของทีมยุคใหม่ เขาผ่านการดูแลระบบร่างกายนักเตะมาแล้วจาก ฟลูมิเนนเซ ครบทุกระดับอายุ ตั้งแต่ U11 ไปจนถึง U20 และเคยร่วมงานกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รวมถึง ลำพูน วอริเออร์ ประสบการณ์ในเมืองไทยของเทอร์ราจะช่วยให้การปรับจูนร่างกายนักเตะเข้ากับแนวทางใหม่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
อีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญคือ จิรภัทร จารุรัชต์ ในบทบาท ล่ามประจำทีม ที่มากความสามารถ ไม่ได้เป็นแค่ล่ามแปลภาษาเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมจาก ลำพูน วอริเออร์ มาตั้งแต่ปี 2021 มีดีกรีจบปริญญาตรีด้าน ธุรกิจการบินและการจัดการ จากมหาวิทยาลัยสวนดุสิต และปริญญาโทด้าน ธุรกิจกีฬาและการจัดการ จากมหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษ การมีบุคลากรที่เข้าใจทั้งภาษา วัฒนธรรม และระบบการบริหาร จะช่วยลดช่องว่างในการสื่อสารภายในทีมได้อย่างยอดเยี่ยม
นอกจากการเตรียมทีมในเชิงโครงสร้าง การท่าเรือ เอฟซี ยังมีแผนลงแข่งขันฟุตบอลรายการ President Cup 2025 ที่ประเทศอินโดนีเซียในช่วงปรีซีซั่น ระหว่างวันที่ 3-13 กรกฎาคม 2568 โดยมีโปรแกรมฟาดแข้ง 3 แมตช์สำคัญ ได้แก่ พบ เปอร์ซิบ บันดุง วันที่ 6 กรกฎาคม, พบ ออลสตาร์ อินโดนีเซีย วันที่ 9 กรกฎาคม และปิดท้ายด้วยแมตช์พบ อ็อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด ทีมดังจากอังกฤษในวันที่ 12 กรกฎาคม โดยกำลังรอการยืนยันสถานที่และเวลาแข่งขันอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
ทั้งหมดนี้คือสัญญาณที่ชัดเจนว่า “สิงห์เจ้าท่า” ภายใต้การนำของโค้ชกาม่า กำลังวางแผนสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่ไม่ใช่แค่การยกเครื่องนักเตะ แต่เป็นการยกเครื่องทั้งทีมแบบครบทุกมิติ เพื่อเป้าหมายเดียวคือ การสร้างทีมที่มีพลัง มีระบบ และมีแรงผลักดันที่จะพาสโมสรกลับขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุดของฟุตบอลไทยลีกอีกครั้ง
ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของ “สิงห์เจ้าท่า” และข่าวฟุตบอลไทยที่เข้มข้นที่สุดได้ที่ ข่าวบอลไทยบ้านกีฬา
