
สถานการณ์อากาศร้อนระอุทั่วไทยกำลังจะยกระดับความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง เมื่อ กรมอุตุเตือนพายุฤดูร้อน อย่างเป็นทางการ! เตือนภัยพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกในหลายพื้นที่ทั่วประเทศในช่วงวันที่ 26 เมษายน – 1 พฤษภาคม 2568 โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ
25 เมษายน 2568 : ปภ.ประกาศเตือนทั่วประเทศ
นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แถลงข่าวว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ประสานแจ้งเตือน 62 จังหวัดทั่วประเทศ ตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยาฉบับที่ 1 (94/2568) ระบุว่าความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนกำลังแผ่ปกคลุมเวียดนามและทะเลจีนใต้ ขณะที่ประเทศไทยตอนบนยังร้อนจัด ส่งผลให้เกิดแนวพัดสอบลมตะวันออกเฉียงใต้และตะวันตกเฉียงใต้ นำไปสู่พายุฤดูร้อนลูกใหญ่
พื้นที่เสี่ยง ได้แก่ ภาคเหนือ 17 จังหวัด, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด, ภาคกลาง 25 จังหวัด รวมถึงกรุงเทพมหานคร
26 เมษายน 2568 : พายุกระหน่ำระลอกแรก
เริ่มต้นด้วยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 18 จังหวัด เช่น บึงกาฬ อุดรธานี นครพนม ขอนแก่น และนครราชสีมา ตลอดจนภาคตะวันออก เช่น ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และกรุงเทพมหานคร ต้องเผชิญฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงอย่างหนัก
ขณะเดียวกันภาคใต้ฝั่งตะวันออกก็ไม่รอด คลื่นลมแรงในอ่าวไทยสูงเกิน 2 เมตร ชาวเรือถูกเตือนให้งดเดินเรือในจุดเสี่ยง
27 เมษายน 2568 : ขยายวงกว้างขึ้น
พายุฤดูร้อนขยายตัวมาถึงภาคเหนือ อาทิ ตาก แพร่ อุตรดิตถ์ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น เลย หนองบัวลำภู มุกดาหาร รวมถึงหลายจังหวัดในภาคกลาง เช่น นครสวรรค์ สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และเขตกรุงเทพฯ เริ่มมีรายงานลูกเห็บตกในบางพื้นที่
กรมอุตุฯ รายงานว่าอุณหภูมิสูงเกิน 40 องศาเซลเซียสในหลายจังหวัด กระตุ้นให้พายุฤดูร้อนรุนแรงยิ่งขึ้น พร้อมเสี่ยงฟ้าผ่า
28-29 เมษายน 2568 : พายุลูกที่สองเสริมพลัง
คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากเมียนมาเคลื่อนเข้าไทย เสริมพลังให้พายุฤดูร้อนลูกที่สองระเบิดความรุนแรงเต็มที่ ครอบคลุมตั้งแต่แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลามลงมาถึงภาคกลางและภาคอีสานตอนบน พื้นที่สุโขทัย เพชรบูรณ์ ขอนแก่น อุบลราชธานี ต้องเฝ้าระวังพายุซ้ำสองเต็มพิกัด
กรมอุตุฯ เตือนพิเศษในบางพื้นที่อาจเกิดลูกเห็บตก ฟ้าผ่า และฝนตกหนักจนเกิดน้ำท่วมขังระยะสั้น โดยเฉพาะเขตลุ่มต่ำที่มีการระบายน้ำไม่สะดวก
30 เมษายน – 1 พฤษภาคม 2568 : คลื่นพายุยังไม่จบ!
พายุฤดูร้อนยังปกคลุมพื้นที่เดิมซ้ำอีกรอบ พร้อมขยายวงไปยังลำพูน ลำปาง พะเยา รวมถึงจังหวัดทางตอนบนของภาคอีสาน เช่น เลย หนองบัวลำภู ชัยภูมิ และขอนแก่น กรมอุตุฯ เน้นย้ำให้ประชาชนอยู่ในที่ปลอดภัย งดกิจกรรมกลางแจ้ง และหลีกเลี่ยงใกล้ต้นไม้ใหญ่หรือป้ายโฆษณา
พยากรณ์อากาศทั่วไทย ช่วงพายุฤดูร้อน
- ภาคเหนือ : ร้อนถึงร้อนจัด (37-41°C) มีฝนฟ้าคะนอง 10% ลมแรง
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : ร้อนจัด (37-40°C) ฝนฟ้าคะนอง 30%
- ภาคกลาง : ร้อนจัด (38-41°C) ฝนฟ้าคะนอง 10%
- ภาคตะวันออก : ร้อนทั่วไป (34-38°C) ฝนฟ้าคะนอง 40% คลื่นสูงในทะเลมากกว่า 2 เมตร
- ภาคใต้ : ฝนตกหนักบางแห่ง ทะเลคลื่นสูง
- กรุงเทพมหานครและปริมณฑล : ร้อนทั่วไป (36-39°C) ฝนฟ้าคะนอง 20%
มาตรการรับมือที่ประชาชนควรรู้
- หลีกเลี่ยงอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ หรือสิ่งปลูกสร้างไม่แข็งแรง
- ตรวจสอบบ้านเรือน เสริมความแข็งแรงหลังคาและโครงสร้าง
- ติดตามพยากรณ์อากาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิด
- เกษตรกรควรทำที่ค้ำยันต้นไม้ ป้องกันพืชผลเสียหาย
- งดออกเรือในวันที่มีประกาศคลื่นลมแรงในทะเล
- รักษาสุขภาพ หลีกเลี่ยงการทำงานกลางแดดจัดในช่วงกลางวัน
สรุป
สถานการณ์ พายุฤดูร้อน ครั้งนี้นับเป็นวิกฤติใหญ่ที่ทุกภูมิภาคของไทยต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ จากอุณหภูมิร้อนจัด ผสานกับแนวลมปะทะจากหลายทิศทาง ส่งผลให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และฟ้าผ่าในหลายพื้นที่ ประชาชนควรเตรียมพร้อมรับมืออย่างเต็มที่ ติดตามข่าวสารจากกรมอุตุนิยมวิทยา และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของตนเองและคนที่คุณรัก
พายุฤดูร้อนคืออะไร? เกิดขึ้นได้อย่างไร
หลายคนอาจคุ้นชื่อ “พายุฤดูร้อน” แต่ยังไม่เข้าใจว่าจริง ๆ แล้วมันคืออะไร และทำไมถึงมาเร็ว ไปเร็ว แต่อันตรายรุนแรงจนทำให้บ้านพัง ต้นไม้หัก และฟ้าผ่าลงกลางเมืองแบบไม่ทันตั้งตัว
พายุฤดูร้อน (Summer Storm) คือปรากฏการณ์ทางอุตุนิยมวิทยาที่เกิดขึ้นจากการปะทะกันของอากาศร้อนจัดที่สะสมบนพื้นดิน กับลมเย็นหรืออากาศเย็นจากความกดอากาศสูงที่เคลื่อนตัวเข้ามา เมื่อความแตกต่างของอุณหภูมิรุนแรงเพียงพอ จะกระตุ้นให้เกิดกลุ่มเมฆคิวมูโลนิมบัส (Cumulonimbus) ซึ่งเป็นเมฆที่สูงและหนาแน่นที่สุดในโลก ส่งผลให้เกิด ฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และฟ้าผ่าในระยะเวลาอันสั้น
พายุประเภทนี้เกิดขึ้นได้บ่อยในช่วงปลายฤดูแล้งก่อนเข้าฤดูฝน โดยเฉพาะในประเทศไทยจะพบได้มากตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศร้อนจัด และความชื้นสะสมอยู่ในบรรยากาศจำนวนมาก
แม้จะไม่ใช่พายุหมุนเขตร้อนเหมือนพายุโซนร้อนหรือไต้ฝุ่น แต่พายุฤดูร้อนก็สามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงได้ในวงกว้าง โดยเฉพาะกับสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มั่นคง พื้นที่การเกษตร และอุปกรณ์ไฟฟ้า หากไม่ได้รับการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าอย่างเหมาะสม
ติดตามอัปเดตสถานการณ์พายุฤดูร้อน และข่าวสารสำคัญ ได้ที่ ข่าวกระแสมาแรงบ้านกีฬา