
กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศสำคัญล่าสุด ช่วง วันที่ 9 – 18 พฤษภาคม 2568 ให้ประชาชนเตรียมรับมือกับสภาพอากาศที่มีความ แปรปรวนสูง ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย โดยระบุว่า ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงสำคัญที่แสดงสัญญาณชัดเจนว่าไทยกำลังก้าวเข้าสู่ ฤดูฝน อย่างเต็มตัว พร้อมเตือนให้เฝ้าระวังฝนตกหนัก ลมแรง และอากาศเปลี่ยนแปลงฉับพลัน
ย้อนดูไทม์ไลน์ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม อัพเดทล่าสุดจาก ศูนย์พยากรณ์อากาศระยะกลางยุโรป (ECMWF) เผยข้อมูลพยากรณ์ฝนสะสมรายวันตั้งแต่ 4-18 พ.ค. 68 โดยวัดค่าลมที่ระดับ 925hPa (ประมาณ 750 เมตร) แบบจำลองชี้ให้เห็นการเคลื่อนตัวของลมและฝนชัดเจน โดยเฉดสีแดงบนแผนที่หมายถึงพื้นที่ที่คาดว่าจะมี ฝนตกหนัก ส่วนสีเขียวบ่งชี้ฝนเล็กน้อย
ตั้งแต่ วันที่ 4 – 8 พ.ค. 68 สภาพอากาศในประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบนและภาคอีสานตอนล่าง ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก และกรุงเทพฯ รวมถึงปริมณฑล จะมีฝนกระจายทั่วไป สำหรับภาคใต้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และอาจเกิดฝนตกหนักในบางแห่งช่วงบ่ายถึงค่ำ ทิศทางลมเริ่มเปลี่ยนเป็นลมตะวันตกและลมตะวันตกเฉียงใต้พัดจากทะเลอันดามันเข้าสู่ประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งเป็น สัญญาณก่อนเข้าสู่ฤดูฝน (Pre-Southwest monsoon)
เมื่อเข้าสู่ช่วง วันที่ 9 – 18 พ.ค. 68 ซึ่งเป็นช่วงไฮไลต์ที่กรมอุตุนิยมวิทยาเน้นย้ำให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษ อากาศจะมีความแปรปรวนมากขึ้น ลมตะวันตกเฉียงใต้จะมีกำลังแรงขึ้นและพัดปกคลุมประเทศไทยในลักษณะคงที่ยิ่งขึ้น ประกอบกับแนวร่องมรสุมที่คาดว่าจะพาดผ่านบริเวณประเทศไทยตอนบน ทำให้ทั่วประเทศจะมีฝนเพิ่มมากขึ้น พร้อมโอกาสเกิดฝนตกหนัก โดยเฉพาะช่วงบ่ายถึงค่ำ
สิ่งที่ต้องจับตาคือ ลักษณะฝนในช่วงเปลี่ยนฤดูนี้ มักจะเป็นฝนฟ้าคะนอง มีลมกระโชกแรง และฝนตกในหลายเวลาแต่ปริมาณเฉลี่ยยังอยู่ในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ฝนจะเริ่มตกสม่ำเสมอมากขึ้น และมักเกิดขึ้นช่วงบ่ายถึงค่ำเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลการประกาศเข้าสู่ ฤดูฝน อย่างเป็นทางการ ยังต้องรอการยืนยันจาก กรมอุตุนิยมวิทยา เมื่อมีการพิจารณาเงื่อนไขและเกณฑ์ต่าง ๆ ครบถ้วนแล้วเท่านั้น
นอกจากนี้ ในช่วงวันสองวันที่ผ่านมา กรมอุตุฯ ยังออกประกาศ เตือนภัยพื้นที่ภาคใต้ ว่าอาจมีฝนตกหนักในหลายจังหวัดทั้งชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล โดยพื้นที่ที่มีฝนฟ้าคะนองในทะเล จะมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร เสี่ยงเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ขอให้ประชาชนติดตามการแจ้งเตือนอย่างใกล้ชิด
ในขณะเดียวกัน พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลยังคงมีฝนตกได้ราว 40% ของพื้นที่ โดยมักจะเกิดช่วงบ่ายถึงค่ำเช่นกัน ส่วนภาคเหนือ อีสาน และกลางตอนบน ยังคงเผชิญฝนฟ้าคะนองสลับกับอากาศร้อนในช่วงกลางวัน ทำให้ต้องระมัดระวังเรื่องสุขภาพเป็นพิเศษ
ในช่วงเวลานี้ สิ่งสำคัญคือการ เตรียมความพร้อมรับมือฤดูฝน ทั้งการวางแผนการเดินทาง การดูแลสุขภาพ การระบายน้ำในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม และโดยเฉพาะเกษตรกร ควรสำรองน้ำไว้ใช้ เพราะบางพื้นที่ฝนอาจยังไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูก
แม้การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศจะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การรับรู้ข้อมูลล่วงหน้าอย่างแม่นยำจาก กรมอุตุนิยมวิทยา จะช่วยให้ทุกภาคส่วนสามารถปรับตัวและวางแผนรับมือได้ทันท่วงที โดยข้อมูลการพยากรณ์นี้อาจเปลี่ยนแปลงได้หากมีการอัปเดตแบบจำลองใหม่ ๆ จึงควรติดตามอย่างใกล้ชิดทุกวัน
ติดตาม ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา ได้ทุกวัน!