สวัสดีค่ะ วันนี้ผู้เขียนในนาม บ้านกีฬา จะพาผู้อ่านมาล้วงลึกทุกมุมของกระแสดราม่าที่กำลังเดือดบนโลกออนไลน์กับเรื่อง ปราสาทตาเมือนธม หลังจากมีการพบว่าในแอปฯ Google Maps หมุดพิกัดของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์นี้ถูก “ย้าย” ไปอยู่ฝั่งกัมพูชา สร้างความสับสนและเสียงวิจารณ์กึกก้องไปทั่ว เพราะหลายคนเข้าใจผิดไปไกลถึงขั้นกลัวว่าไทยอาจเสียสิทธิ์อธิปไตย หรือถูกนำไปฟ้องศาลโลกด้วยข้อกล่าวหาบุกรุก เรามาเจาะประเด็นนี้ให้ครบทุกมุมแบบที่ทั้ง ดีต่อ SEO และ ดีต่อผู้อ่าน กันไปพร้อมกันเลยค่ะ
ทำไม “ปราสาทตาเมือนธม” ถึงสำคัญ และทำไมย้ายหมุดในแผนที่กลายเป็นข่าวใหญ่
ก่อนอื่น ต้องบอกก่อนว่าปราสาทตาเมือนธมเป็นหนึ่งในกลุ่มปราสาทโบราณสำคัญ ตั้งอยู่ใน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นมรดกที่สะท้อนความรุ่งเรืองของอารยธรรมขอมในอดีต และอยู่ในพื้นที่ที่ไทยดูแลบริหารมาตลอด พื้นที่นี้เคยเป็นหนึ่งในประเด็นละเอียดอ่อนทางชายแดน แต่ฝ่ายไทยถือเอกสารสิทธิ์ที่ชัดเจน
ดังนั้น เมื่อโลกออนไลน์สังเกตว่าใน Google Maps หมุดพิกัดของปราสาทตาเมือนธมขยับไปฝั่งกัมพูชา แทนที่จะอยู่ฝั่งไทย จึงกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทันที หลายคนแชร์โพสต์พร้อมคำถามว่าไทยเสียพื้นที่แล้วหรือไม่? ไทยยังมีสิทธิ์ในปราสาทนี้อยู่หรือเปล่า? ถึงขั้นมีบางคอมเมนต์โยงไปถึงข้อพิพาทที่เขาพระวิหารเมื่อหลายปีก่อน ทำให้ประเด็นนี้ร้อนแรงขึ้นไปอีก
ข้อเท็จจริงจากกองทัพบก ย้ำชัด “ไม่มีผลทางกฎหมาย”
เรื่องนี้ กองทัพบก ออกมายืนยันชัดเจนค่ะ ว่าการย้ายหมุดใน Google Maps เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในแอปฯ ที่ใช้เพื่อความสะดวกในการเดินทาง ไม่มีผลใดๆ ต่อหลักฐานทางกฎหมายหรือสิทธิอธิปไตย ไม่ว่าระดับประเทศหรือนานาชาติ เพราะ Google ใช้ข้อมูลจากแหล่งเอกชนและผู้ใช้งานทั่วไป ซึ่งอาจคลาดเคลื่อนหรือถูกแก้ไขได้ตลอดเวลา
และหากใครพบว่าข้อมูลในแอปฯ ผิดพลาด ก็สามารถแจ้งแก้ไขกับ Google ได้โดยตรงด้วยขั้นตอนง่ายๆ แค่เข้าไปเลือก “แนะนำการแก้ไข” ในหน้าสถานที่ แล้วขยับหมุดกลับไปที่ตำแหน่งจริง ก่อนส่งให้ทีมงาน Google ตรวจสอบ
เบื้องหลัง “เกมสงครามข้อมูล” ในยุคดิจิทัล
เหตุการณ์นี้ยังสะท้อนความจริงของยุคดิจิทัลค่ะ เพราะแผนที่ดิจิทัลอย่าง Google Maps เป็นแพลตฟอร์มที่ใครๆ ก็สามารถส่งข้อมูลหรือแก้ไขได้ แต่ในขณะเดียวกันก็กลายเป็นเครื่องมือของ “สงครามข้อมูล” หรือ Information Warfare ที่ทั้งสองฝ่ายสามารถใช้สร้างความเข้าใจผิดได้เช่นกัน
เช่นในอดีตเคยมีกรณีที่ฝั่งไทยแก้ชื่อสถานที่ใน Google Maps ให้เป็นชื่อเชิงล้อเลียนผู้นำกัมพูชา และเป็นไวรัลอยู่พักใหญ่ คราวนี้ก็ดูเหมือนฝ่ายตรงข้ามจะใช้วิธีเดียวกันกลับมา
นี่จึงเป็นบทเรียนสำคัญว่า แผนที่ในแอปฯ ไม่ใช่ข้อยุติ ไม่ควรเชื่อโดยไม่ตรวจสอบ และเราทุกคนต้องรู้จักใช้เทคโนโลยีอย่างมีสติ ไม่ไปแชร์ต่อแบบผิดๆ จนเกิดความเข้าใจผิดในสังคม
คลิปทหารเขมรโวยทหารไทย ดราม่าอีกระลอก
กระแสร้อนยังไม่หมดเท่านั้นค่ะ เพราะเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ที่ผ่านมา ยังมีคลิปที่ถูกแชร์ว่อนโซเชียล เป็นภาพทหารกัมพูชาชี้หน้าทหารไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม เนื่องจากนักท่องเที่ยวคณะครูจากไทยเข้าไปเยี่ยมชมช่วงเกือบหมดเวลา 15.00 น. ฝ่ายกัมพูชาจึงออกมาโวยวาย เกิดเป็นการโต้เถียงกันเล็กน้อย แต่สุดท้ายทั้งสองฝ่ายก็พูดคุยตกลงกันได้ ไม่มีเหตุบานปลาย
เหตุการณ์นี้ยิ่งตอกย้ำให้สังคมเห็นถึงความเปราะบางของพื้นที่ชายแดน และความจำเป็นที่ทั้งสองฝ่ายต้องสื่อสารและประสานงานกันอย่างรอบคอบ
แล้วปราสาทตาเมือนธมใน Google Maps ควรเชื่อไหม?
คำตอบคือ ไม่ควรเชื่อแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะแผนที่ดิจิทัลทุกชนิดมีโอกาสคลาดเคลื่อนหรือถูกปรับแก้ได้ ข้อมูลที่เป็นจริงต้องยึดตามหลักฐานราชการและเอกสารทางภูมิศาสตร์ที่ถูกต้อง ซึ่งฝ่ายไทยยืนยันเสมอมาว่าดูแลพื้นที่นี้มาตลอด ไม่ได้เสียพื้นที่ให้ใคร และไม่มีหน่วยงานระหว่างประเทศใดรับรองว่าเป็นของกัมพูชา
ดังนั้น อย่าตกใจหรือแชร์ข้อมูลต่อโดยไม่ตรวจสอบ และหากอยากช่วยก็สามารถแจ้ง Google ให้แก้ไขกลับมาให้ถูกต้องได้ด้วยตัวเอง
ปิดท้ายด้วยข้อคิดดีๆ จากบ้านกีฬา
เทคโนโลยีดิจิทัลนั้นมีทั้งคุณและโทษ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้มันอย่างไร เหตุการณ์ ย้ายหมุดปราสาทตาเมือนธมใน Google Maps เป็นตัวอย่างของความเข้าใจผิดที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีแบบไม่ระวัง และเป็นบทเรียนว่าเราต้องตรวจสอบข้อมูลจากหลายแหล่งก่อนแชร์เสมอ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือในสงครามข้อมูลโดยไม่รู้ตัว
บ้านกีฬาในฐานะคนข่าว อยากฝากทุกท่านติดตามข่าวสารอย่างมีสติ พร้อมอัปเดตข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ตลอดเวลา เพราะในยุคนี้แค่แผนที่เล็กๆ ในมือถือก็สามารถจุดชนวนประเด็นใหญ่ระดับประเทศได้แล้วค่ะ
ติดตาม ข่าวกระแสมาแรง อัปเดตทุกมุมมองแบบลึกๆ สไตล์จริงใจได้ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา
